หากจะลองทำนายว่าทีมชาติอิตาลีจะโชว์ฟอร์มอย่างไรในฟุตบอลรายการใหญ่บนโลกใบนี้คงจะเป็นหนึ่งในเรื่องที่ยากที่สุดในวงการลูกหนังเลย
เมื่อครั้งที่คาดว่าจะทำผลงานได้ดี พวกเขามักจะตกม้าตายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แต่เมื่อหลายคนสงสัยหรือดูแคลนทีมในช่วงนั้น พวกเขากลับเขารอบลึกๆในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ๆเสมอ ลึกจนคว้าแชมป์โลกหรือแชมป์ยูโรก็ทำมาแล้ว
สิ่งหนึ่งที่ทัพ ‘อัซซูรี่’ มีมาตลอดคือนักเตะที่มีคุณภาพคับแก้วในทุกยุคทุกสมัยซึ่งมีส่วนช่วยในการคว้าแชมป์ต่างๆมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นดิโน่ ซอฟฟ์,เปาโล รอซซี่, ฟรังโก้ บาเรซี่ และโรแบร์โต้ บัจโจ้ จนมาถึงยุคของฟาบิโอ คันนาวาโร่,เปาโล มัลดินี่,อเลซซานโดร เดล ปิเอโร่,จานลุยจิ บุฟฟ่อน และ อันเดร ปิร์โล่
แต่ทว่าแข้งจำนวนไม่น้อยที่ติดทีมชาติอิตาลีแล้วก็ยังไม่มีใครจดจำมากนัก อย่างไรก็ตามการที่นักเตะนั้นได้มีโอกาสรับใช้ชาติก็ถือเป็นหนึ่งในเกียรติประวัติที่ยอดเยี่ยมของตนเองแล้ว UFA ARENA จึงขอพาทุกคนไปย้อนรำลึกถึง 13 นักเตะแดนมักกะโรนีที่แฟนลูกหนังอาจจะลืมเลือนไป
ฟาบิโอ บอรินี่ (ติดทีมชาติ 1 นัด)
ติดทีมชาติปี 2012
อดีตกองหน้าเชลซีและลิเวอร์พูลเคยเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองของวงการลูกหนังแดนรองเท้าบู้ต และสามารถเบียดขึ้นทีมชุดใหญ่ในสโมสรได้รวดเร็วจนมีชื่อติดทีมชาติตั้งแต่อายุ 20 ปี ในศึกยูโร 2012
หลังจากที่ได้ประเดิมสนามให้ทัพอัซซูรี่ในเกมอุ่นเครื่องกับสหรัฐฯ บอรินี่ก็ไม่ได้โอกาสลงเล่นให้ทีมเลย ยาวไปถึงนัดชิงในศึกยูโร และถึงแม้ว่าจะถึงมีรายชื่ออยู่ 28 คนที่มีชื่อในศึกยูโร 2016 แต่ตัวเลขในการรับใช้ทีมชาติของหัวหอกวัย 31 ปี ก็ไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
เบอร์นาร์โด้ คอร์ราดี้ (ติดทีมชาติ 13 นัด)
ติดทีมชาติปี 2003 – 2004
นี่ถือเป็นการรับใช้ทีมชาติช่วงสั้นๆของอดีตแข้งจากอินเตอร์ มิลาน,วาเลนเซีย,ลาซิโอ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และด้วยฟอร์มการเล่นเมื่อสมัยค้าแข้งอยู่ในถิ่น สตาดิโอ โอลิมปิโก้ ทำให้เขาได้ติดชาติไปลุยยูโร 2004 แต่สุดท้ายก็กลับบ้านตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม
และแม้ คอร์ราดี้ จะได้ลงเล่นในช่วงฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปี 2006 ในช่วงต้นๆ แต่การแจ้งเกิดของลูก้า โทนี่ และ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ ทำให้ชื่อของเขาค่อยๆห่างออกไป และไม่ได้ติดทีมชาตินับแต่นั้นเป็นต้นมา
อันเดรีย ดอสเซน่า (ติดทีมชาติ 10 นัด)
ติดทีมชาติปี 2007 – 2009
ถ้าคุณคิดว่าไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของ ดอสเซน่า คือการยิงประตูใส่ แมนฯยูไนเต็ด ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ขอให้คิดใหม่อีกที เพราะการติดทีมชาติอิตาลี 10 นัดคงเป็นสิ่งที่เจ้าตัวน่าจะยินดีมากกว่า
แบ็คซ้ายลงสนามให้ ‘อัซซูรี่’ นัดแรกในปี 2007 ก่อนจะมีส่วนร่วมกับคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพในปี 2009 และนั่นเป็นฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ครั้งเดียวที่ดอสเซน่าได้ลงเล่นให้ทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่
ดีเอโก้ ฟาบบรินี่ (ติดทีมชาติ 1 นัด)
ติดทีมชาติปี 2012
กองกลางผู้นี้ควรจะได้เป็นผู้เล่นตัวหลักในอนาคตของวงการฟุตบอลอิตาลี หลังลงสนามนัดแรกให้ทีมบ้านเกิดในศึกยูโร 2012 โดยเป็นผู้เล่นสำรองในเกมที่ชนะอังกฤษไป 2-1
อย่างไรก็ตาม แข้งวัย 32 ปีไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นให้อยู่ในระดับที่ควรจะเป็นได้ ทำให้ปัจจุบันเขาค้าแข้งกับ ลูเชเซ่ สโมสรในลีกล่างของแดนมักกะโรนี
ซิโมเน่ อินซากี้ (ติดทีมชาติ 3 นัด)
ติดทีมชาติปี 2000 – 2003
เส้นทางอินซากี้ผู้น้องไม่ได้ใกล้เคียงอินซากี้ผู้พี่ทั้งในระดับสโมสรหรือในทีมชาติเลยแม้แต่นิดเดียว ปิ้ปโป้ช่วยให้มิลานคว้าแชมป์ยูฟ่าได้สำเร็จหลังจากคว้าแชมป์โลกกับทีมชาติอิตาลีมาแล้ว ขณะที่ซิโมเน่ติดทีมชาติแค่ 3 นัดเท่านั้นในช่วงเวลาถึง 3 ปี
แต่อย่างไรก็ตามเส้นทางสายกุนซือของ ซิโมเน่ เหมือนจะรุ่งโรจน์กว่าตอนค้าแข้ง หลังได้คุมทั้ง ลาซิโอ ก่อนเลื่อนขั้นไปคุม อินเตอร์ มิลาน ในเวลาต่อมา
ฟาบิโอ ลิเวรานี่ (ติดทีมชาติ 3 นัด)
ติดทีมชาติปี 2001 – 2006
ลิเวรานี่ติดทัพ ‘อัซซูรี่’ ในสมัยที่ค้าแข้งกับลาซิโอในปี 2001 และกลายเป็นนักเตะผิวสีคนแรกที่ติดทีมชาติอิตาลี (มีเชื้อสายมาลี) และได้ลงสนามนัดแรกกับแอฟริกาใต้ในเกมอุ่นเครื่อง ภายใต้การคุมทีมของโจวานนี่ ตราปัตโตนี่ และนั่นถือเป็น 1 ใน 3 นัดที่เขาลงเล่นให้อิตาลีในระยะเวลา 5 ปี
ปัจจุบัน ลิเวรานี่ หันมาเอาดีทางด้านกุนซือ โดยคุมมาแล้วทั้ง เลย์ตัน โอเรี่ยน, แตร์นาน่า ก่อนประสบความสำเร็จด้วยการพาเลชเช่ เลื่อนชั้นมาเล่น เซเรียอาในรอบ 7 ปี แต่หลังจากนั้นก็ตกชั้น ก่อนย้ายไปคุม ปาร์ม่า และ กายารี่ ตามลำดับ
มัซซิโม่ มัคคาโรเน่ (ติดทีมชาติ 2 นัด)
ติดทีมชาติปี 2002
เรื่องของมัคคาโรเน่เป็นที่พูดถึงอย่างมากในช่วงปี 2002 หลังเป็นนักเตะเซเรีย บี คนแรกในรอบ 20 ปี ที่ติดทีมชาติอิตาลี หลังโชว์ฟอร์มดีกับเอ็มโปลีและนั่นทำให้เขาย้ายไปมิดเดิ้ลสโบรช์ในเวลาต่อมา
แต่แย่หน่อยที่ มัคคาโรเน่ ไม่สามารถรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมไว้ได้ ทำให้ตัวเลขในทีมชาติของเขาถูกจำกัดแค่ 2 นัดเท่านั้น ปัจจุบันเจ้าตัวแขวนสตั๊ดแล้วกับ คาร์ราเรเซ่ สโมสรในลีกระดับสามของประเทศ เมื่อปี 2020
ฟาบริซิโอ้ มิคโคลี่ (ติดทีมชาติ 10 นัด)
ติดทีมชาติปี 2003 – 04
หลังจากที่ย้ายจากยูเวนตุสไปเล่นให้เปรูจาด้วยสัญญายืมตัวในช่วงต้นปี 2000 มิคโคลี่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม จนถูกสื่ออิตาลีบางเจ้ายกย่องว่าเป็น เดล ปิเอโร่ คนใหม่ และจากฟอร์มการเล่นครั้งนั้นไม่ได้แค่ทำให้เขาติดทีมชาติเท่านั้น แต่ยังถูกทีม ‘ม้าลาย’ เรียกตัวกลับในฤดูกาล 2002-03
มิคโคลี่มีโอกาสลงสนามให้ทีมบ้านเกิด 10 นัดและทำไป 2 ประตู และได้แขวนสตั๊ดในปี 2015 หลังจากที่ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหัวเข่าเรื้อรังมานาน
มาร์โก มอตต้า (ติดทีมชาติ 1 นัด)
ติดทีมชาติปี 2010
มอตต้าได้ลงเล่นในทัพ ‘อัซซูรี่’ ตั้งแต่เป็นเยาวชนทุกรุ่น แถมยังเป็นกัปตันในชุดยู 21 ปี 2007 และติดทีมชาติชุดลุยโอลิมปิคปี 2008 มาแล้ว ซึ่งไม่น่าแปลกใจนักที่เขาจะถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2009
ในที่สุดเขาก็ประเดิมสนามให้อิตาลีในปีต่อมา และนั่นก็เป็นนัดเดียวที่ลงเล่นให้ทีมชาติบ้านเกิด ในตอนนี้มอตต้าในวัย 36 ปี ก็ยังไม่เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ แม้เพิ่งยกเลิกสัญญากับ เปอร์ซิจา จาการ์ตา สโมสรในอินโดนีเซีย เมื่อปีที่ผ่านมา
สเตฟานโน่ โอกาก้า (ติดทีมชาติ 5 นัด)
ติดทีมชาติปี 2014 – 2020
โอกาก้าถือเป็นหนึ่งในนักเตะจอมพเนจรที่ย้ายไปเล่นให้สโมสรต่างๆมากมาย ปัจจุบันค้าแข้งกับวัตฟอร์ต แต่ในสมัยที่อยู่กับซามพ์โดเรีย ฟอร์มของเขาดันไปเข้าตาอันโตนิโอ คอนเต้อย่างจัง ทำให้ติดทีมชาติอิตาลีในนัดที่พบกับอัลเบเนียในเกมอุ่นเครื่อง
โดยตัวโอกาก้าลงสนามในนัดนั้นจากการเปลี่ยนตัวในครึ่งหลัง และทำประตูชัยได้ในสนามของลา ซามพ์ ก่อนได้ลงเล่นเพิ่มรวมทั้งหมด 5 นัด โดยปัจจุบัน กองหน้าวัย 33 ปี ก็ยังค้าแข้งกับ อิสตันบูล บาซัคเซฮีร์ ในตุรกี
ดานี่ ออสวัลโด้ (ติดทีมชาติ 14 นัด)
ติดทีมชาติปี 2011 – 2014
หนึ่งในนักเตะที่มีเรื่องให้ถกเถียงมากที่สุดคนหนึ่งในฟุตบอลอิตาลี บางคนอาจจะบอกว่าออสวัลโด้ทำให้ มาริโอ้ บาโลเตลลี่เป็นนักบุญไปเลย แม้จะเป็นนักเตะที่ไม่ค่อยมีวินัยมากนัก แต่เขาถือเป็นกองหน้ามากพรสวรรค์คนหนึ่งเช่นกัน
ออสวัลโด้ เกิดในอาร์เจนติน่า แต่ได้รับสิทธิเป็นชาวอิตาลีจากปู่ทวดของเขา ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปี 2014 กองหน้าจอมติสต์ซัดไป 3 ลูก แต่สุดท้ายก็ไม่ติดทีมชาติในรอบสุดท้าย ก่อนจะประกาศเลิกเล่นฟุตบอลเพื่อไปมุ่งมั่นสู่สายดนตรีเต็มตัว
เขากลับมาโลดแล่นบนพื้นหญ้าอีกครั้งหลังเซ็นสัญญากับ เตญาเรส เด เรเมดิโอส เด เอสคาลาด้า ทีมสมัครเล่นในลีกอาร์เจนติน่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 และกลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพอีกครั้งกับ บานฟิลด์ สโมสรในลีกสูงสุดแดนฟ้าขาว แต่สุดท้ายก็แขวนสตั๊ํดเป็นรอบที่ 2 ในปี 2020
มาร์โก ซาอู (ติดทีมชาติ 1นัด)
ติดทีมชาติปี 2013
ซาอูประเดิมสนามให้อิตาลีเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2013 หลังลงมาเป็นตัวสำรองนาทีที่ 49 ในเกมที่ชนะซาน มาริโน่ 4-0 แต่ด้วยแนวรุกในทัพอัซซูรี่ที่มีมากมายทำให้เขาไม่สามารถเบียดแย่งพื้นที่ตรงนั้นได้และหยุดการรับใช้ชาติที่ 1 นัด
เอมิเลียโน่ วิเวียโน่ (ติดทีมชาติ 6 นัด)
ติดทีมชาติปี 2010 – 2011
ครั้งหนึ่ง วิเวียโน่เคยถูกเวนเกอร์คว้าตัวมาร่วมทีมเพื่อเป็นตัวเสริมให้กับวอยเชียค เชสนี่ และ ลูคัส ฟาเบี่ยนสกี้ แถมยังเคยแย่งตำแหน่งจากจิอันลุยจิ บุฟฟ่อนมาแล้ว เสียดายที่ไม่สามารถรถรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้
วิเวียโน่ประเดิมสนามชุดใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนปี 2010 จนถึงช่วงรอบคัดเลือกของศึกยูโร 2012 กับหมู่เกาะแฟร์โร่ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเบียดขึ้นตำแหน่งตัวจริงได้ ทำให้เขารับใช้ทีมชาติแค่ 6 นัด