การเป็นตัวแทนในทีมชาติถือเป็นความฝันอันสูงสุดของนักเตะฟุตบอลทุกคนบนโลกใบนี้ ซึ่งมีกี่คนหรอกที่ทำแบบนั้นได้
ซึ่งการที่นักเตะแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชายจะได้ติดทีมบ้านเกิด มักจะมาจากการที่พวกเขาเหล่านั้นโชว์ฟอร์มการเล่นได้ดีกับต้นสังกัดจนไปเข้าตาผู้จัดการทีมหรือเหล่าสตาฟฟ์โค้ชในชาตินั้นๆ
หลายคนโชคดีที่คว้าโอกาสนั้นมาได้ แม้จะเป็นแค่นัดเดียวก็ตาม ทว่าก็นักเตะมีไม่น้อยที่กลับไม่มีโอกาสนั้นจนกระทั่งแขวนสตั๊ดไป ทั้งๆที่พวกเขาก็ทำผลงานกับสโมสรได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังการันตีฝีเท้าด้วยการคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์กับสโมสรด้วยซ้ำ
และนี่คือ 9 นักเตะฝีเท้าดีแต่ดันไม่มีโอกาสติดทีมชาติแม้แต่นัดเดียว แม้ว่าบางคนจะเคยคว้าแชมป์ระดับทวีปกับสโมสรมาแล้วก็ตาม
มิเกล อาร์เตต้า | สเปน
อาร์เตต้าถือเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าเจนจัดไม่เป็นรองใคร ทั้งในตอนที่เขาค้าแข้งในสเปนกับ เรอัล โซเซียดัด หรือ ในอังกฤษกับเอฟเวอร์ตัน และ อาร์เซน่อล รวมไปถึงมันสมองในเกมลูกหนัง ซึ่งการเคยเป็นหนึ่งในทีมงานสต๊าฟโค้ชของ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยืนยันถึงเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันอดีตกองกลางวัย 40 ปี ที่กำลังคุม ‘ปืนใหญ่’ อยู่ กลับไม่เคยลงเล่นให้กับทัพ ‘กระทิงดุ’ ชุดใหญ่แม้แต่หนเดียว
แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าแผงกองกลางทีมชาติสเปนในตอนนั้นเต็มไปด้วยดาวเตะระดับโลกทั้ง ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนี่ยสต้า, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เชส ฟาเบรกาส, ดาบิด ซิลบา และอีกมากมายหลายคน ส่งผลให้ อาร์เตต้าหมดโอกาสรับใช้ชาติไปโดยปริยาย
เปาโล ดิ คานิโอ | อิตาลี
ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องลีลาลากเลื้อยและการยิงประตูของ เปาโล ดิ คานิโอ อยู่แล้วในสมัยที่เขาค้าแข้งอยู่ทั้งในอิตาลีหรืออังกฤษ แต่น่าแปลกใจไม่น้อยที่นักเตะระดับเขาไม่เคยได้สวมเสื้อทีมชาติอิตาลีลงสนามให้แฟนได้เห็นซักครั้ง
บางทีปัจจัย 2 อย่างนี้อาจจะทำให้อดีตแข้งเวสต์แฮมไม่มีชื่อติดทัพ ‘อัซซูรี่’ นั่นก็คือ 1.บรรดาแนวรุกสุดแจ่มในยุค 90 ที่มากมายก่ายกองให้เลือกใช้งานไม่หวั่นไม่ไหว และ 2. เป็นนักเตะที่ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้และมีจุดเดือดต่ำกว่าแข้งทั่วไปหลายเท่าตัวนั่นเอง
สตีฟ บรูซ | อังกฤษ
มากกว่า 400 นัดที่ลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สตีฟ บรูซคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 3 สมัย, แชมป์วินเนอร์า คัพ 1 สมัย และ แชมป์ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ คัพ อีกสมัย ไม่แปลกใจที่แฟนๆ ‘ปีศาจแดง’ จะยกย่องให้เขาเป็นตำนานของสโมสร
แต่จุดด่างพร้อยที่สุดในอาชีพค้าแข้งของบรูซซี่คงหนีไม่พ้นเรื่องที่เขาไม่เคยติดทีมชาติอังกฤษแม้แต่นัดเดียว ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ฟอร์มพีคสุดๆหรือช่วงบั้นปลายอาชีพก็ตาม
จอห์น แม็คโกเวิร์น | สก็อตแลนด์
ยุค 70 ถึง 80 เป็นช่วงเวลาที่วงการฟุตบอลของสก็อตแลนด์แข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่น่าประหลาดไม่น้อยที่นักเตะอย่าง จอห์น แม็คโกเวิร์น ซึ่งเป็นกัปตันทีมน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และคว้าแชมป์ยุโรป 2 สมัย จะไม่เคยรับใช้ทัพ ‘วิสกี้’ เลย
ที่น่าแปลกไปกว่าเดิมคือ อดีตกองกลางดาร์บี้ เคาท์ตี้ ซึ่งไม่ลงเล่นให้ทีมบ้านเกิดเลย กลับได้รับการเสนอชื่อเข้าหอเกียรติยศฟุตบอลของสก็อตแลนด์เมื่อปี 2018 ซะอย่างนั้น
คาร์โล คูดิชินี่ | อิตาลี
คาร์โล คูดิชินี่ เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูชาวอิตาเลียนหลายคนที่มีฝีมือดี แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะขึ้นไปเบียดแย่งตำแหน่งมือหนึ่งในทีมชาติจาก จานลุยจิ บุฟฟ่อน ได้
ครั้งหนึ่ง คูดิชินี่ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในนายทวารเบอร์ต้นๆของพรีเมียร์ลีกในช่วงที่เขาเป็นมือหนึ่งกับเชลซี ยุค 2000 ต้นๆ แต่ก็ทำเต็มที่แค่มีชื่อติดตอนประกาศ 23 ขุนพลในทัพ ‘อัซซูรี่’ เท่านั้น ซึ่งไม่ต่างจากที่ โจ เลวิส มีชื่อติดชาติอังกฤษแค่ครั้งเดียวในปี 2008 เท่าไหร่นัก
สเตฟาน คลอส | เยอรมนี
เช่นเดียวกับ อิตาลี เยอรมนีก็เต็มไปด้วยนายทวารชั้นยอดอยู่หลายคน และโชคร้ายที่ สเตฟาน คลอส ดันแจ้งเกิดมาในช่วงนั้นพอดี
มือกาวเมืองเบียร์อยู่เฝ้าเสาให้กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นานกว่า 8 ปี ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับเรนเจอร์สในช่วงบั้นปลายอาชีพ ซึ่งคลอสคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ถึง 13 รายการ รวมไปถึงถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกกับ ‘เสือเหลือง’ ในปี 1997 ด้วย
ส่วนในทีมชาติ เขาเคยลงเล่นให้ ‘อินทรีเหล็ก’ แค่ชุดยู 21 และ 23 แต่สถิติก็หยุดอยู่แค่ชุดเล็กเท่านั้น เนื่องจากในชุดใหญ่มี โอลิเวอร์ คาห์น และ อันเดรียส ค็อปเคอร์ ขวางทางอยู่
สตีด มัลบร็องก์ | ฝรั่งเศส
ในพรีเมียร์ลีกช่วงยุค 2000 สตีด มัลบร็องก์ กลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลทั่วอังกฤษ ในระหว่างอยู่ค้าแข้งให้กับ ฟูแล่ม, สเปอร์ส และ ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งแม้แต่ โทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีของแดนผู้ดียังชื่นชอบในตัวเขา
อดีตกองกลางร่างเล็กเคยถูกเรียกติดทีมฝรั่งเศสอยู่ 2 ครั้งด้วยกัน ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันถึง 8 ปี แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะลงไปสัมผัสฟลอร์หญ้าเลย และถึงแม้ มัลบร็องก์ จะหาทางกลับไปเล่นให้เบลเยี่ยม ประเทศเกิดของเขาแทน แต่โอกาสที่มีก็ไม่ได้มากกว่าทีม ‘เลส์ เบลอส์’ สักเท่าไหร่
มาริโอ เดอ คาสโตร | บราซิล
นี่น่าจะเป็นยอดนักเตะที่แฟนบอลในยุคนี้ส่วนใหญ่คงไม่คุ้นหูเป็นอย่างมาก เพราะ เดอ คาสโตร ลงเล่นในฟุตบอลอาชีพแค่ 5 ปีเท่านั้น แต่ก็ซัดไปถึง 195 ประตูจากการลงสนามแค่ 100 นัดให้ แอตเลติโก มิเนโร่
กองหน้าจอมถล่มประตูมีชื่อติดทัพบราซิลอยู่หนึ่งครั้ง แต่เขาก็ปฏิเสธโอกาสทองนั้นไป เนื่องจากไม่อยากเป็นแค่อะไหล่สำรองให้กับ คาร์วัลโญ่ เลติ หัวหอกตัวเก่งจาก โบตาโฟโก
เดอ คาสโตร แขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในปี 1931 ด้วยวัยเพียง 26 ปีเท่านั้น หลังจากคว้าแชมป์คัมปิโอนาโต้ มิเนโร่ ได้ในปีนั้น ด้วยพลิกแซง บิลล่า โนว่า 4-3 แต่แฟนบอลทีมตรงข้ามถูกผู้บริหารของมิเนโร่ยิงจนเสียชีวิต จึงทำให้เขาตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ดาริโอ ฮุบเนอร์ | อิตาลี
ดาริโอ ฮุบเนอร์มีพ่อเป็นชาวเยอรมัน ทำให้เขาสามารถเลือกเล่นให้ทีม ‘อินทรีเหล็ก’ ได้ แต่กองหน้าผู้นี้มีเจตจำนงที่แน่วแน่ว่าต้องการเล่นให้ทีมชาติอิตาลี ประเทศที่เขาเกิดและเติบโตมาเท่านั้น
แม้ว่าจะยิงไปมากกว่า 250 ลูกในลีก แต่ทัศนคติและการทำงานของเขามีปัญหาจนถูกตั้งคำถาม บวกกับการแข่งขันของแนวรุกที่เข้มข้นในทัพ ‘อัซซูรี่’ โดยมีตัวหลักทั้ง อเลซซานโดร เดล ปิเอโร่, ฟรานเชสโก้ ต็อตติ และ คริสเตียน วิเอรี่ ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้โชว์ฝีเท้าในทีมเลี่ยนตามที่หวังไว้เลย
อดีตหัวหอกของ ปิอาเซนซ่า ทำสถิติเป็นดาวซัลโวที่มีอายุมากที่สุดในเซเรียอา ด้วยวัย 35 ปี ณ ตอนนั้น หลังซัดไป 24 ประตูในฤดูกาล 2001-02 ร่วมกับ ดาวิด เทรเซเก้ต์ กองหน้าของยูเวนตุส และสถิตินี้ยืนยาวมา 13 ปี จนกระทั่งถูก ลูก้า โทนี่ ดาวยิงร่วมชาติทำลายได้ในฤดูกาล 2014-15 ด้วยวัย 38 ปี (คว้าดาวซัลโวร่วมกับ เมาโร อิคาร์ดี้ ที่ 22 ประตู)