หากใครเป็นแฟนบอลพรีเมียร์ลีกยุค 2000 คงได้ยินชื่อของ เบนนี่ แม็คคาธี่ อยู่พอสมควร กับการสร้างชื่อใน ปอร์โต้ ชุดคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จนได้ย้ายมาเล่นกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และเวสต์แฮม ในอังกฤษ
แน่นอนว่าอดีตกองหน้าทีมชาติแอฟริกาใต้ ไม่ได้โด่งดังถึงขั้นเป็นดาวยิงระดับตำนานในลีกแดนผู้ดี แต่ช่วงที่ผ่านมาชื่อของเขาก็ถูกพูดถึงอย่างมาก หลังถูกดึงมาเป็นหนึ่งในสต๊าฟฟ์โค้ชของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคที่ เอริค เทน ฮาก กุมบังเหียน
นายใหญ่ชาวดัตช์ได้อธิบายเหตุผลในการดึง แม็คคาร์ธี่ย์ มาร่วมทีมสต๊าฟครั้งนี้ ผ่านเว็บไซต์ของสโมสรไว้ชัดเจนว่า “เขามีประสบการณ์ในฐานะผู้จัดการทีม เขาเป็นโค้ชในระดับมืออาชีพ แถมเขายังเคยเป็นอดีตกองหน้าที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน”
“หน้าที่ของเขาจะเน้นไปที่การวางแผนในตำแหน่งเกมบุก ผมไม่ได้พูดถึงแค่ตำแหน่งกองหน้า แต่ยังรวมไปถึงตำแหน่งฟูลแบ็ค และมิดฟิลด์ด้วย”
แต่เหตุผลในการดึง อดีตแข้งวัย 44 ปี มีมากกว่านั้น และ UFA ARENA จะพาไปวิเคราะห์ว่าทำไม เทน ฮาก ถึงเลือกดึงเขาเข้ามาร่วมงานในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
พูดได้หลากหลายภาษา
การมาของ แม็คคาร์ธี่ ทำให้ บรูโน่ แฟร์นันเดส เพลย์เมกเกอร์ดาวเด่นของ แมนมฯ ยูไนเต็ด เนื้อเต้นไม่น้อย เพราะ เขาถือฮีโร่อีกคนในวงการที่เขาชื่นชม และจดจำได้ดีในฐานะผู้คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2004 และตอนนี้ก็จะได้ร่วมงานด้วยกันแล้ว
เรื่องภาษาไม่ใช่ปัญหาสำหรับ อดีตแข้งทีมชาติแอฟริกาใต้เลย เพราะเขาสามารถพูดได้ทั้งภาษาโปรตุเกส (ตอนเล่นให้ ปอร์โต้), สเปน (จาก เซลต้า บีโก้), อังกฤษ (จากบ้านเกิด) และ ดัตช์ (จาก อาแจ็กซ์) อีกทั้งเขายังสามารถสนทนาในภาษาท้องถิ่นของ แคป เฟลทส์ ซึ่งอยู่ใกล้กับ แคปทาว์น ซึ่งเขาเติบโตขึ้นมาโดยการเล่นในลีกที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งพวกอันธพาลเดิมพันเงินกับทีมโปรดของพวกเขา
แต่วัยเด็กของอดีตแข้งวัย 44 ปี ก็ไม่ได้สวยงามมากนัก เนื่องจากเขาเติบโตใน ฮันโวเวอร์ ปาร์ค ที่มีชื่อเสียงแย่ๆทั้งเรื่องยาเสพติด และ แก๊งค์อันธพาล ทำให้ต้องมองหาทางหลุดพ้นจากวังวนนั้น
ในช่วงอายุ 11 ปี เขามองว่าอาชีพนักคริกเก็ตดีกว่านักฟุตบอล และพิจารณาถึงนักรักบี้อาชีพด้วย แต่สุดท้าย เขาก็มองว่าฟุตบอลเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด และได้เล่นอาชีพในวัย 16 ปี ซึ่งรายล้อมไปด้วยนักเตะชื่อแปลกๆอย่าง ‘บาซูก้า’ ที่เขาบอกว่ายิงประตูได้รุนแรงจนผู้รักษาประตูป้องกันไม่ทัน หรือ จอห์น ‘ชูส์’(Shoes) โมชู ผู้ที่มีลีลาเท้าสุดยอดราวกับว่าสวมรองเท้าเต้นรำอยู่ในสนาม
“ไอดอลของผมคือผู้เล่นระดับตำนานที่ถูกเรียกว่า ด็อกเตอร์ คูมาโล่ นั่นเป็นชื่อจริงของเขา มีฉายาว่า ‘16 วาล์ว (16 Valve)’ เขาเหมือนกัน พอล สโคลส์ เลย เป็นมันสมองในการเข้าทำ และฉายานั้นของเขาถูกตั้งตามรถ โฟล์คสวาเกน รุ่น กอล์ฟ ซึ่งออกมาและมันเร็วมากๆ แต่ ด็อกเตอร์ เป็นอะไรที่ดูเชื่องช้า นั่นทำให้ผมไม่เข้าใจถึงชื่อนั้น แต่มันก็เป็นแบบนั้นเพราะการคิดเร็วทำเร็วของเขา”
การเติบโตในวัยเด็ก รวมไปถึงการเรียนรู้วัฒนธรรมภาษาต่างๆในตลอดอาชีพค้าแข้ง ทำให้เขาสามารถพูดคุยทำความเข้าใจกับแข้งใน ยูไนเต็ด ที่หลากหลายเชื้อชาติได้เป็นอย่างดี และไม่มีปัญหาแน่นอน
เคยยิงผีมาแล้วสมัยค้าแข้ง
เทน ฮาก รู้ตั้งแต่ที่เขารับงานกับ ยูไนเต็ด ว่าต้องการโค้ชอีกคนในทีม และการที่ผู้ช่วยของเขา มิทเชลล์ ฟาน เดอ ก้าก มีความสนิทสนมกับ แมคคาร์ธี่ เป็นอย่างดี ก็กลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขาได้มาทำงานใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
แม็คคาร์ธี่ คว้ารางวัลดาวซัลโวใน โปรตุเกส เมื่อฤดูกาล 2003-04 อีกทั้งยังคว้าดาวซัลโวอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก รองจาก ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในอีก 3 ปีต่อมา แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นกองหน้าระดับท็อปในยุคนั้นเหมือนกัน
ครั้งหนึ่ง สตีฟ แม็คคลาเรน อีกหนึ่งผู้ช่วยของ เทน ฮาก คนปัจจุบัน ก็เคยพยายามคว้า หอกชาวแอฟริกาใต้ มาร่วมทีม สมัยที่เขาคุม มิดเดิ้ลสโบรห์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เนื่องจากขอเวิร์ค เพอร์มิต ไม่ผ่าน
อีกทั้ง แม็คคาร์ธี่ ยังเป็นศิษย์เก่าของ โชเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่สมัยคุม ปอร์โต้ และเขามองว่าการที่ มูรินโญ่ เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเส้นทางที่พาทีมไปสู่การคว้าแชมป์ยุโรปถ้วยใหญ่เมื่อ 18 ปีก่อน
“เราเตรียมตัวอย่างไรสำหรับเกม วิธีการที่เขามีแรงจูงใจและจิตใจของผู้เล่น มันถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับปอร์โต้ในเวลานั้น แต่เขาพิสูจน์ให้เห็นว่าทุกคนคิดผิด”
และนั่นเองคือตอนที่ แม็คคาร์ธี ได้รับความสนใจและจดจำจากแฟนบอลทั่วโลก หลังทำ 2 ประตูช่วยให้ทีมจากโปรตุเกส เอาชนะ ยูไนเต็ด 2- 1 กับเกมเลกแรกในบ้านของรอบ 16 ทีมสุดท้าย
แม้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดูผิดหวังกับการเสียประตูที่ 2 แต่นั่นก็การโหม่งทำประตูที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีน้อยคนนักที่ประหลาดใจกับการที่ อดีตแข้ง ปอร์โต้ ทำประตูใส่ยูไนเต็ด เพราะเขาเคยยิงใส่ทีมจากอังกฤษมาแล้ว 7 ครั้งก่อนหน้านี้ รวมไปถึงเกมที่ แอฟริกาใต้ พบ อังกฤษ ในเดอร์แบน เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2003 ด้วย
งานโค้ชเข้าตา เทน ฮาก
แม็คคาร์ธี่ ย้ายไป แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่เรื่องราวนี้ต้องย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม เมื่อ ร็อบ มัวร์ เอเย่นต์ของเขาได้พูดคุยกับ เทน ฮาก เป็นครั้งแรก
อย่างน้อยที่สุด มัวร์คิดว่าแม็คคาร์ธี่ น่าจะเป็นคนที่กุนซือของ ‘ปีศาจแดง’ มองหา และเป็นโค้ชที่กำลังมาแรง ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม นายใหญ่ชาวดัตช์ ได้โทรหา มัวร์ และถามว่า อดีตแข้งวัย 44 ปี สามารถมาสัมภาษณ์ที่ แคร์ริงตัน สนามฝึกซ้อมของสโมสรได้หรือไม่ และการพบปะครั้งนั้นก็เป็นไปได้ด้วยดี
แม็คคาร์ธี่ อธิบายการเป็นโค้ชใน แอฟริกาใต้ (เขาเคยเป็นโค้ชแห่งปีของ แอฟริกัน พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2020-21 กับการคุม อมาซูลู) ซึ่งในช่วงที่เขาทำหน้าที่ดังกล่าว มี 9 นักเตะที่ไม่เคยติดทีมชาติเลย ก่อนถูกเรียกติดธงหลังจากนั้นที่ได้ร่วมงานกับเขา
ซึ่งนับตั้งแต่จบหลักสูตรโปรไลเซนซ์จาก ยูฟ่า เขาก็เป็นผู้จัดการเต็มตัว โดยผ่านงานโค้ชมาแล้วทั้งการเป็นสต๊าฟฟ์โค้ชของฮิเบอร์เนียน ทีมในสก็อตแลนด์ และ แซงต์-ทรุยด็อง ทีมในเบลเยียม และทำหน้าที่คุมทั้ง เคปทาวน์ ซิตี้ และ อมาซูลู ได้ประทับใจมากพอจนทำให้ได้รับการเสนองานคุมทีมชาติแอฟริกาใต้เมื่อปีที่แล้ว แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธไป
เขาเป็นโค้ชที่ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในยามฝึกซ้อมเท่านั้น แต่ยังสามารถพัฒนาผู้เล่นได้อีกด้วย และ ยูไนเต็ดมีผู้เล่นหลายรายที่พัฒนาการย้ำอยู่กับที่ภายใต้ผู้จัดการทีมหลายคนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เทน ฮาก ได้ถาม แม็คคาร์ธี่ ต่อว่าเขาสามารถกลับมาฝึกซ้อมกับผู้เล่นอายุต่ำกว่า 23 ปีได้หรือไม่ จากนั้นเขาก็ไปที่แคร์ริงตันในสัปดาห์ก่อนที่ยูไนเต็ดจะบินไปกรุงเทพเพื่อฝึกซ้อมแบบระยะยาว โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนเพื่อแสดงความสามารถในการฝึกสอนของเขา กุนซือชาวดัตช์ บอก โค้ชชาวแอฟริกาใต้ว่ากำลังดูผู้สมัครที่มีศักยภาพคนอื่นๆ และเขาจะติดต่อกลับไปว่าเขาสนใจหรือไม่
หลายคนมีโอกาสที่จะทำให้นายใหญ่ ‘ปีศาจแดง’ ประทับใจ แต่ อดีตหอก ‘กุหลาบไฟ’ คือคนที่โดดเด่นที่สุดใน แคร์ริงตัน ในเวลานั้น
ทำงานกับทีมรักและความฝันในพรีเมียร์ลีก
แม็คคาร์ธี่ ได้ทำการฝึกซ้อม พร้อมทำการค้นคว้าอย่างละเอียดเกี่ยวกับกองหน้าของยูไนเต็ดทุกคน เขาลงซ้อมและได้รับการจับตามองอย่างถี่ถ้วนจากเทน ฮากและผู้ช่วยของเขา ตอนนี้ยูไนเต็ดมีโค้ช 4 คนที่จัดการในระดับสูง
ช่วงที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทัวรพรีซีซั่นในไทยและออสเตรเลีย กุนซือดัตช์แมน ได้บอกกว่าอดีตกองหน้าชาวแอฟริกาใต้ว่าต้องการดึงเขามาร่วมงานด้วยกัน และขอให้เขาติดต่อกับสโมสรเพื่อสรุปสัญญาโดยเร็วที่สุด เอกสารดังกล่าวใช้เวลาร่างอยู่ 2-3 วันและเซ็นสัญญาในวันศุกร์ วันแรกของเขาในที่ทำงาน เขาไม่เคยถามเลยว่าเงินเดือนของเขาในสโมสรที่ตามเชียร์มาตลอดชีวิตจะอยู่ที่เท่าไหร่
ชุดผู้เล่นที่ แม็คคาร์ธี่ ได้ทำงานด้วยตอนนี้มีแนวโน้มที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในเดือนหน้า เนื่องจาก อนาคตของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ต้องการลา ยูไนเต็ด และยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ก็คาดหวังว่าปัญหานี้จะแก้ได้ เนื่องจากเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับ CR7 ในช่วงค้าแข้งกับ ยูไนเต็ด หนแรก
สมัยค้าแข้ง แม็คคาร์ธี่ เป็นคนร่าเริง กล้าหาญ มั่นใจและพร้อมลุยเสมอ มีไม่กี่อย่างที่รบกวนเขาได้ โดยในช่วงที่เป็นวัยรุ่น เขาย้ายไปยัง อาแจ็กซ์ ด้วยวัย 19 ปี ในปี 1997 และรายล้อมไปด้วยผู้เล่นที่เขายกย่อง เช่น ยารี่ ริตมาเน่น
อีกทั้ง เขายังเติบโตมาในฐานะแฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ ซึ่งหลังจากที่ย้ายจาก ปอร์โต้ มาเล่นให้ แบล็คเบิร์นในปี 2006 เขากล่าวไว้ว่า “ผมเป็นคนทะเยอทะยานและชอบความคิดที่จะเล่นให้กับหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างยูไนเต็ด ผมไม่ได้บอกว่าฉันต้องการไปที่นั่นนะ เพราะผมมีความสุขมากกับแบล็คเบิร์น แต่ผมก็อยากเห็นตัวเองอยู่ในจุดสูงสุดที่เล่นให้กับทีมที่ดีที่สุด ผมต้องการให้พวกเขามองลงมา”
“มันยังไม่ดีหรอกสำหรับสิ่งที่คุณมี คุณต้องมีความทะเยอทะยาน หากไม่มีความทะเยอทะยาน ผู้เล่นก็ไม่มีค่าอะไร”
แม็คคาร์ธี่ มีความทะเยอทะยานทั้งในตอนเป็นนักเตะ และตอนนี้ที่เป็นโค้ชเขาก็ยังมีมันเช่นกัน เขาต้องการสนับสนุน เทน ฮาก และทีมงาน ต้องการช่วยให้ ยูไนเต็ด มีเกมรุกที่อันตราย และยิงกระจายอีกครั้ง โดยใช้ความรู้ของเขาทั้งหมดที่มี ทั้งจากช่วงที่ค้าแข้งและจากสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาในฐานะโค้ช
“ผมได้ส่งต่อคำแนะนำให้กับผู้เล่นเสมอ” แม็คคาร์ธี่ กล่าว “ผมสามารถเห็นสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะทำในสนาม ผมได้ศึกษาเกมนี้แล้ว และสามารถช่วยผู้เล่นในการตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าเมื่อใดควรเล่นหนึ่งจังหวะ สองจังหวะ หรือแสดงตนของตัวเองออกมา”
ช่วงที่เขาเป็นผู้จัดการทีม เขาถูกขอให้อธิบายถึงตัวตนของตัวเอง โดยกล่าวว่า “เป็นคนที่มีชีวิตชีวา มีความหลงใหล และผมรักงานของผม เหมือนกับที่ผมเคยอยู่ในสนาม ผมชอบสร้างความแตกต่างให้กับผู้เล่น และพัฒนาพวกเขา”
“บางครั้งผมก็เคลื่อนไหวมากเกินไปจนมีปัญหา เช่น การมีปากเสียงกับผู้จัดการทีมคู่แข่งและผู้ตัดสิน แต่ผมจะเรียนรู้ที่จะลดทอนมันลงเมื่อผมเติบโตในอุตสาหกรรมการฝึกสอน แต่ความหลงใหลจะไม่หายไปแน่ๆ”
ในปี 2019 อดีตแข้ง ปอร์โต้ ก็มีความฝันกับงานกุนซือในพรีเมียร์ลีกเช่นกัน ซึ่งกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “ผมเป็นคนที่ทะเยอทะยาน ผมเฝ้าดูอดีตผู้เล่นอย่าง (เป็ป) กวาร์ดิโอล่า และ (เมาริซิโอ) โปเช็ตติโน่ คนที่ผมเคยดวลใน สเปน ผมไม่อยากอยู่ห่างจากพวกเขา”
“ผมไม่เห็นกุนซือผิวดำในพรีเมียร์ลีกเลย แต่ผมจะพยายามเรียนรู้และพาตัวเองเข้าสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ผู้นำของกวงการนี้อยู่ตรงนั้น มันเป็นฝันที่ใหญ่ และจะไม่มีใครทำลายมันได้แน่”
ความฝันของเขาเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในตอนนี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งหากประสบความสำเร็จในการปลุกชีพทีมร่วมกับ เทน ฮาก โอกาสในการคุมทีมในลีกสูงสุดแดนผู้ดีก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเช่นกัน