ขณะที่คู่แข่งเสริมทัพกันแบบจัดเต็ม ลิเวอร์พูล กลับแทบไม่เคลื่อนไหวในตลาดนักเตะเลยหลังคว้าแค่ อิบราฮิม่า โคนาเต้ มาร่วมทีม แถมเลือกต่อสัญญาเพิ่มมากกว่า และนั่นเพียงพอทำให้ ‘หงส์แดง’ กลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งหรือไม่?
ตลาดนักเตะซัมเมอร์ประจำปี 2021 ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการซื้อขายครึกครื้นที่สุด หลังดาวเตะซูเปอร์สตาร์ต่างย้ายทีมด้วยค่าตัวมหาศาลทั้ง แจ็ค กรีลิช ที่ย้ายจาก แอสตัน วิลล่า ไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์} เชลซี ที่ทุ่มดึง โรเมลู ลูกากู กลับมาล่าตาข่ายในสแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้งด้วยค่าตัว 97.5 ล้านปอนด์ หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีทุ่มเงินมากกว่า 130 ล้านปอนด์ เพื่อดึง เจดอน ซานโซ่, ราฟาเอล วาราน และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาร่วมทีม
ตัดภาพกลับมาที่ ลิเวอร์พูล เจ้าของแชมป์ลีกฤดูกาล 2019-20 ที่แม้จะเดินหน้าเสริมทัพตั้งแต่เนิ่นๆด้วยการปิดดีลคว้า โคนาเต้ กองหลังจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยราคา 36 ล้านปอนด์ ในเดือนพฤษภาคม พวกเขาก็ไม่ซื้อนักเตะมาเพิ่มอีกเลย และเลือกที่จะลงทุนต่อสัญญาระยะยาวกับดาวเตะตัวหลักมากกว่า
เพียงแต่เมื่อเทียบกับทีมคู่แข่งลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้แล้ว ‘หงส์แดง’ จะยังเป็นทีมเต็งที่กลับมามีลุ้นคว้าลีกเป็นสมัยที่ 2 หรือไม่ในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์
พร้อมรบทั้งหลังและแดนกลาง
การเซ็น โคนาเต้ เป็นเป้าหมายสูงสุดสำหรับ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการสโมสร และ เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังจากประสบปัญหาแนวรับขาดแคลนจนเกือบส่อแววหลุดท็อปโฟร์ในฤดูกาลที่ผ่านมา
ณ ตอนนี้ หงส์แดง มีเซ็นเตอร์แบ็คให้เลือกใช้งานถึง 5 คน หลัง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ และ โจเอล มาติป หายกลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง บวกกับ แน็ต ฟิลลิปส์ ซึ่งหมายความว่า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่ ไม่ต้องถอยมาเล่นในเป็นกองหลังจำเป็นอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทีมเสีย 2 กองกลางไปอย่าง จอร์จินิโอ้ ไวจ์นัลดุม และ เชอร์ดาน ชากิรี่ ที่เลือกลา แอนฟิลด์ ในซัมเมอร์นี้ ซึ่งการไม่สามารถหาใครมาทดแทนได้ อาจกลายเป็นปัญหาเก่าที่ตามมาหลอกหลอนทีมสีแดงจาก เมอร์ซี่ย์ไซด์ อีกครั้ง
กองกลางทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ครบทุกเกมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนย้ายไปซบ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบไร้ค่าตัว หลัง แฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป (FSG) ตัดสินใจไม่เพิ่มค่าเหนื่อยให้แข้งที่กำลังแตะวัย 31 ปี ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อต่อสัญญาระยะยาว
อย่างไรก็ตาม กุนซือชาวเยอรมัน ไม่ได้รู้สึกกดดันกับการหาตัวแทนของ ไวจ์นัลดุม แต่อย่างใด เพราะเขามองว่า ฮาร์วี่ย์ เอลเล็ตต์ กองกลางดาวรุ่งประจำทีมที่โชว์ฟอร์เด่นกับการเล่นให้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แบบยืมตัว ก็ไม่ต่างอะไรกับการเซ็นแข้งใหม่เข้ามา
“ไม่จำเป็นต้องซื้อกองกลางเข้ามาเพียงเพราะว่ามีอีกคนถูกขายไปหรอก” คล็อปป์ กล่าว “ถ้ามีคนคิดถึงมัน ก็ไม่จำเป็นจริงๆ (ซื้อกองกลาง) หากมีผู้เล่นซักคนที่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้ เราก็จะทำเต็มที่เพื่อสิ่งนั้น”
“(จอร์จินิโอ) ไวจ์นัลดุมเล่นให้เราได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (กับเบิร์นลี่ย์) ไม่ได้หมายความว่าฮาร์วีย์ (เอลเลียตต์) จะเป็นผู้กอบกู้ปัญหาในแดนกลางของเรา ผมไม่สามารถช่วยแฟนๆที่ต้องการให้เราเซ็นสัญญากับผู้เล่นเพียงเพื่อจะได้ใครสักคนเข้ามา”
“หากเรามีพื้นที่ในสนามในที่ที่เต็มไปด้วยทักษะที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งไดนามิก ความคิดสร้างสรรค์ เกมรับ เกมรุก สิ่งเหล่านี้ทำให้ทีมไร้ช่องว่าง”
แนวรุกที่ขาดแคลน
หลังจากนั้นในช่วงท้ายๆของตลาดซัมเมอร์ ขณะที่ ชากิรี่ ย้ายซบ โอลิมปิก ลียง ทีมก็แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาสำคัญในเกมรุกฤดูกาลนี้ เมื่อ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ กองหน้าคนสำคัญบาดเจ็บกล้ามเนื้อในเกมล่าสุดที่เสมอกับ เชลซี 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ยังไม่มีการชี้ชัดว่า ดาวเตะทีมชาติบราซิล จะพักนานแค่ไหน แต่ คล็อปป์ ก็คงไม่อยากให้ตัวรุกที่เหลือทั้ง 4 คนต้องมาเจ็บยาวตามไปอีก เนื่องจากทีมค่อนข้างขาดแคลนตัวรุกและหาคนทดแทนได้ลำบาก
ทาคูมิ มินามิโนะ กลับมา เมอร์ซี่ย์ไซด์ อีกครั้ง หลังย้ายไปเล่นกับ เซาแธมป์ตัน แบบยืมตัวเป็นเวลา 6 เดือน ขณะที่ ดิว็อก โอริกี้ ที่หลายคนมองว่าจะถูกปล่อยออกไปก็ยังอยู่ในสโมสรต่อไป
แต่ ตัวรุกทีมชาติญี่ปุ่น ยิงให้ ‘หงส์แดง’ แค่ลูกเดียว นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในเดือนมกราคมปี 2020 ขณะที่หอกชาวเบลเยี่ยม ยิงประตูในลีกสูงสุดไม่ได้เลยเมื่อฤดูกาลก่อน ซึ่งไม่เป็นลางดีไม่เท่าไหร่ หากใครคนใดคนหนึ่งจาก 2 รายนี้จำเป็นต้องก้าวมาเล่นในแดนหน้า ณ ช่วงใดช่วงหนึ่งของฤดูกาลนี้
ตลอดซัมเมอร์ที่ผ่านมา พวกเขากลับมาข่าวกับกองกลางคนอื่นๆ ทั้ง อีฟ บิสซูม่า จาก ไบรท์ตัน, ยูริ ติเลอมันส์ จาก เลสเตอร์ หรือ เรนาโต้ ซานเชซ จาก ลีลล์ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ลิเวอร์พูลมีตัวเลือกในแดนกลางให้หยิบจับใช้งานพอสมควร หากแต่ตำแหน่งผู้เล่นในแนวรุกยังมีให้เลือกใช้ไม่มาก
นั่นทำให้เป็นเรื่องที่น่ากังวลเกี่ยวกับทีมเก่าว่ายังมีเกมรุกที่ไม่แข็งแกร่งมากพอ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้เล่นที่มีให้ใช้งาน
รวมไปถึงคุณภาพของตัวสำรองที่ยังไม่สามารถทดแทนตัวหลักได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในกรณีที่ ซาดิโอ มาเน่,โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือ ฟีร์มิโน่ พร้อมใจกับบาดเจ็บ หรือติดโทษแบนลงสนามไม่ได้
ต่อสัญญาเพื่ออนาคต
อย่างไรก็ตาม การไม่เสริมทัพแข้งใหม่ในซัมเมอร์นี้ก็ไม่ควรสร้างความประหลาดใจให้ เดอะ ค็อป เช่นกัน เมื่อเจ้าของชาวอเมริกัน เคยจัดหนักซื้อแข้งใหม่แล้วหลายรายในช่วงที่ขาย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ให้กับ บาร์เซโลน่า เป็นเงินกว่า 146 ล้านปอนด์ ในเดือนมกราคมปี 2018
เงินเหล่านั้นถูกนำไปลงทุนดึงแข้งตัวหลักในปัจจุบันทั้ง ฟาน ไดจ์ค, อลิสซอน เบ็คเกอร์ รวมไปถึง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่ และ ชากิรี่ ที่มีส่วนให้ทีมคว้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2018-19 และ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019-20
แต่หลังจากที่คว้า มินามิโนะ, ดีโอโก้ โชต้า, ติอาโก้ อัลคันทาร่า และ คอนสตาตินอส ซิมิกาส ด้วยมูลค่ากว่า 83.75 ล้านปอนด์ ก็ถึงจุดที่พวกเขาหยุดทุ่มจัดหนักซื้อแข้งใหม่ ก่อนที่ซัมเมอร์นี้จะเสริมแค่ โคนาเต้ ในราคา 36 ล้านปอนด์เพียงรายเดียว
FSG ดำเนินรูปแบบธุรกิจมาโดยตลอด โดยที่พวกเขาไม่ได้นำเงินใดๆ ออกจากสโมสร การซื้อใหม่ทั้งหมดจะต้องนำรายได้จากการขายผู้เล่น หรือจากค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่พวกเขาสร้างขึ้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เอ็ดเวิร์ดส์ต้องสร้างสมดุลให้กับบัญชีที่แอนฟิลด์ ซึ่งอธิบายถึงการใช้จ่ายที่มีแบบแผนและขั้นตอนชัดเจนของพวกเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ลิเวอร์พูลไม่สามารถช็อปนักเตะเพิ่มได้อย่างที่แฟนๆคาดหวังคือจำนวนเงินมหาศาลที่ FSG ที่แยกเอาไว้สำหรับต่อสัญญาแข้งตัวหลักระยะยาวในช่วงที่ผ่านมา ทั้ง อลิสซอน เบ็คเกอร์, โรเบิร์ตสัน, ฟาน ไดจ์ค, ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รวมไปถึง 2 ดาวยิงคนสำคัญอย่าง มาเน่ และ ซาลาห์ ก็น่าจะจรดปากกากับสัญญาใหม่ในเร็วๆนี้เช่นกัน
การต่อสัญญาต่างๆ เหล่านี้ทำให้สโมสรต้องเสียเงินหลายล้านปอนด์ แต่ เอ็ดเวิร์ดส์ และ คล็อปป์ เห็นว่ามันสำคัญในการรักษากระดูกสันหลังของทีมไว้ด้วยกันให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และสำคัญไม่ด้อยไปกว่าการนำผู้เล่นใหม่เข้ามา
และที่สำคัญที่สุดเป็นการรั้งดาวเตะคนสำคัญไม่ให้ย้ายทีมออกไปในช่วงสำคัญของสโมสร เหมือนที่ทีมเคยเสีย ไมเคิ่ล โอเว่น, ชาบี อลอนโซ่, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ หรือ หลุยส์ ซัวเรซ ในอดีต
เชื่อว่า ลิเวอร์พูล จะกลับมาเป็นนักช็อปเบอร์ต้นอีกแน่นอนในซัมเมอร์ต่อไป หลังจากแฟนบอลสามารถกลับมาเข้ามารับชมในสนามได้แล้วในฤดูกาลนี้ ทำให้ทีมมีรายได้จากจุดนี้จากที่เคยหายไปตลอดฤดูกาลที่แล้ว
เพียงแต่นักเตะที่มีอยู่ในตอนนี้แข็งแกร่งให้ทีมก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ลีกอีกครั้งหรือไม่ คงต้องลุ้นกันต่อไปอีก 9 เดือนต่อจากนี้