กลายเป็นดีลที่น่าจะสร้างความประหลาดใจให้แฟนบอลทั่วโลกกับ คาเซมิโร่ ที่ย้ายจาก เรอัล มาดริด ซบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวจากรายงานของสื่อราวๆ 60 ล้านปอนด์ พร้อมกับแอดออนที่ขึ้นอยู่กับผลงานอีก 10 ล้านปอนด์
กองกลางทีมชาติบราซิล ถูกยกให้เป็นมิดฟิลด์ตัวรับเบอร์ต้นๆในยุคปัจจุบัน พร้อมประสบความสำเร็จในทุกรายการที่ลงเล่นให้กับ ‘ราชันชุดขาว’ นับตั้งแต่ย้ายจาก เซา เปาโล ตั้งแต่ปี 2013 โดยลงเล่นไปแล้ว 503 นัดในอาชีพ พร้อมทำไป 47 ประตู
แต่การย้ายมาเล่นกับ ‘ปีศาจแดง’ ก็สร้างคำถามให้กับหลายคนไม่น้อยว่าทำไม นักเตะระดับเขาถึงตัดสินใจแบบนี้ เพราะการเล่นให้กับ ‘โลส บลังโกส’ ย่อมการันตีความสำเร็จให้กับเขาได้มากกว่าการย้ายมาเล่นกับ ยูไนเต็ด ในยุคตกต่ำและกำลังก่อร่างสร้างตัวหลายเท่าตัว
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปวิเคราะห์ถึงสาเหตุว่าทำไม คาเซมิโร่ ถึงย้ายมาค้าแข้งในโอลด์ แทร็๋ฟฟอร์ด รวมไปถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นที่ต้องการของ เอริค เทน ฮาก เช่นกัน
ค่าเหนื่อยก้อนโต
ค่าเหนื่อย และ เงิน คงเป็นเรื่องแรกๆที่หลายคนมองว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ คาเซมิโร่ เลือกอำลา เรอัล มาดริด มาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแน่นอน
สมัยค้าแข้งในสเปน กองกลางชาวบราซิลเลี่ยน ได้ค่าเหนื่อยปีละ 9.5 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นสัปดาห์ละ 184,000 ปอนด์ ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่มหาศาลแล้วในปัจจุบัน
แต่เมื่อย้ายมาค้าแข้งในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มีรายงานว่า แข้งวัย 30 ปี ได้เงินมากถึง 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ มากกว่าอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง ราฟาแอล วาราน (340,000) ที่ย้ายมาเมื่อซัมเมอร์ก่อนเสียอีก
ด้วยจำนวนนี้ทำให้เขามีค่าเหนื่อยต่อปีสูงถึง 18.2 ล้านปอนด์ มากกว่าที่สเปนกว่า 2 เท่า โดยรั้งอันดับ 3 ของนักเตะที่มีค่าจ้างสูงสุดกับ ‘ปีศาจแดง’ เป็นรองเพียง ดาบิด เค เคอา นายด่านมือหนึ่ง (19.5 ล้านปอนด์ต่อปี) และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (25 ล้านปอนด์ต่อปี) เท่านั้น
สัญญาระยะยาว
นอกเหนือจากเรื่องเงินแล้ว ระยะเวลาของสัญญาของเป็นส่วนที่ช่วยโน้มน้าวกับตัดสินใจย้ายทีมของ คาเซมิโร่ เช่นกัน โดยเฉพาะนโยบายของ เรอัล มาดริด ที่เขี้ยวสุดๆกับการต่อสัญญานักเตะวัยแตะ 30 ปีในยุคที่มี ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เป็นประธานสโมสร
แม้นักเตะตัวเก๋าในทีมยังโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น โทนี่ โครส หรือ ลูก้า โมดริช แต่นักเตะเหล่านี้อายุทะลุ 30 ปีไปแล้ว นั่นหมายความว่าอาจเหลืออายุการใช้งานไม่มาก และต่อให้โชว์ฟอร์มดีในปีนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถการันตีรักษามาตรฐานได้เหมือนเคยในปีต่อๆไป
นั่นจึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ เปเรซ เลือกมอบสัญญาราวๆ 1-2 ปีเท่านั้น ให้กับนักเตะอายุ 30 ปีขี้นไป หรือหากอยากได้ระยะเวลาของสัญญาเพิ่มขึ้นก็จำเป็นต้องลดค่าเหนื่อยลงไป เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ เซร์คิโอ รามอส กองหลังตำนานของสโมสร ซึ่งเลือกไม่ต่อสัญญาและย้ายไป ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในซัมเมอร์ก่อน
ด้วยวัยที่ขึ้นเลข 30 แล้ว ทำให้ กองกลางทีมชาติบราซิล มองเห็นถึงจุดนี้ชัดเจนมากขึ้น และการที่ แมนฯยูไนเต็ด เสนอสัญญาให้เขาถึง 4 ปี ตามที่สื่อหลายๆเจ้ารายงาน ก็ทำให้การตัดสินใจในเรื่องนี้ง่ายขึ้นไปอีก
หาความท้าทายใหม่
ตลอดเวลา 9 ปีในซานติอาโก้ เบอร์นาเบว คาเซมิโร่ ลงเล่นไปทั้งหมด 336 นัด พร้อมทำไป 31 ประตู และนอกเหนือกจากการเป็นสโมสรที่เขาใช้เวลาอยู่นานที่สุด นี่ยังเป็นทีมที่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในอาชีพค้าแข้งด้วย
18 แชมป์เมเจอร์ที่เขาทำได้ในสีเสื้อ เรอัล มาดริด ประกอบไปด้วย แชมป์ลาลีก้า 3 สมัย, โกปา เดล เรย์ 1 สมัย, สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 5 สมัย, แชมป์สโมสรโลก 3 สมัย และ แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย
นั่นเท่ากับว่า แข้งวัย 30 ปี คว้าแชมป์เฉลี่ยอย่างน้อย 2 รายการต่อ 1 ฤดูกาลเลย และการประสบความสำเร็จในทุกๆปี ย่อมทำให้ความกระหายในความสำเร็จลดลงเช่นกัน ไม่ต่างจากคนที่ได้หรือเจออะไรซ้ำๆเดิมๆตลอดทุกเมื่อเชื่อวัน
เพราะฉะนั้น การย้ายทีมเพื่อหาความท้าทายใหม่จึงเป็นอีกเหตุผลที่เหมาะสมสำหรับตัวของ อดีตกองกลาง เซา เปาโล เช่นกัน และ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็ยืนยันเรื่องนี้ผ่านสื่อก่อนการย้ายทีมจะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการไม่กี่ชั่วโมง
“ผมคุยกับเขาเมื่อเช้านี้ เขาต้องการลองความท้าทายครั้งใหม่ และโอกาสใหม่ ผมกับสโมสรก็เข้าใจดี” อันเช่ กล่าว
“กับสิ่งที่เขาทำกับสโมสรแห่งนี้และตัวตนที่เขาเป็น เราต้องให้ความเคารพเขา ตอนนี้มีการพูดคุยกัน แม้ยังไม่มีอะไรเป็นทางการ แต่เขาต้องการย้าย เราขออวยพรให้เขาพบกับความท้าทายครั้งต่อไป”
ทว่าการย้ายมา ‘ปีศาจแดง’ ในยุคที่กำลังสร้างตัวแบบนี้ จะทำให้เขาไปได้สวยกับชีวิตใหม่ในอังกฤษจริงๆหรือ รวมไปถึงทีมของ เอริค เทน ฮาก จะดีขึ้นแบบทันตาเห็นจริงๆหรือไม่ เมื่อได้ หนึ่งในกองกลางตัวรับที่ดที่สุดในยุคนี้มาใช้งาน?
ตัวรับที่ตามหา?
ใครๆต่างรู้ดีว่า เทน ฮาก ต้องการดึง เฟรงกี้ เดอ ยอง ลูกศิษย์เก่าสมัยแจ้งเกิดกับ อาแจ็กซ์ ไปร่วมงานกันอีกครั้งใน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงแต่ว่านักเตะยังอยากเล่นให้ บาร์เซโลน่า ต่อไป แม้มีรายงานว่าทั้ง 2 สโมสรตกลงค่าตัวได้แล้วก็ตาม
แม้พยายามอยู่นานสองนาน แต่สุดท้ายเมื่อโน้มน้าวใจไม่ได้ ‘ปีศาจแดง’ ก็จำเป็นต้องถอนตัวเพื่อหากองกลางคนอื่นในช่วงตลาดซื้อขายที่เหลือ พร้อมกับเป็นข่าวกับนักเตะมากมาย และก็เป็นปกติที่ส่วนใหญ่มักเป็นแค่ข่าวลือ
ในเคสของ คาเซมิโร่ ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นในตอนแรก เนื่องจากนี่คือนักเตะแกนหลักในแดนกลางของ เรอัล มาดริด ร่วมกับ ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส ร่วมเกือบ 10 ปี คงเป็นไปได้ยากที่สโมสรจะปล่อยนักเตะออกมา
แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลายอย่างเริ่มมีมูลมากขึ้น จนสุดท้าย ยูไนเต็ด ก็ปิดดีลแบบสายฟ้าแลบอย่างเป็นทางในช่วงดึกของศุกร์ที่ผ่านมา
สไตล์การเล่น กองกลางตัวใหม่ ของ แมนฯยูไนเต็ด ไม่มีอะไรซับซ้อน นั่นก็คือการแย่งบอลกลับมาครอบครอง และส่งให้ผู้เล่นที่มีเทคนิคที่ดีกว่า ซึ่งบทบาทการทำงานสกปรกแบบนี้ทำให้ แผงกองกลางของ เรอัล มาดริด ดูมีประสิทธิภาพอย่างมาก เมื่อมี โครส หรือ โมดริช ร่วมอยู่ด้วย
แม้เขาอาจไม่ได้เป็นนักเตะที่สามารถลากเลื้อยพาบอลขึ้นข้างได้ หรือควบคุมจังหวะการเล่นเหมือนกับ เดอ ยอง แต่การมาของ กองกลางชาวบราซิลเลี่ยน จะทำให้ เกมรับของ ยูไนเต็ด เหนียวแน่นขึ้นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการตัดเกมที่เด็ดขาด, การอ่านเกม คอยเก็บกวาดงานลดภาระในแผงหลังของทีม ซึ่งเป็นรูปแบบการเล่นที่หายไปในทีม และไม่เห็นมานานตั้งแต่ก่อนที่ เทน ฮาก จะเข้ามาด้วยซ้ำ
วัย 30 ปี อาจเป็นทำให้หลายคนมองว่า คาเซมิโร่ มีอายุการใช้งานน้อยเกินไป และอาจไม่เหมาะกับการสร้างทีมใหม่ของ เทน ฮาก แต่ทว่าความสามารถและประสบการณ์ที่เขามี มันมากเกินกว่าที่ ยูไนเต็ด จะมองผ่านปฏิเสธได้เช่นกัน