นาโปลีในฤดูกาลปัจจุบันกำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและกลายเป็นทีมที่มีโอกาสสูงในการคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรียอา ไปครองจากการชนะไปถึง 17 นัด เสมอ 2 แพ้ 1 นำโด่งเป็นจ่าฝูงในตอนนี้ แม้ว่าในซัมเมอร์ที่ผ่านมาจะมีการยกเครื่องทีมใหม่แทบจะยกชุด แต่กลับไม่มีปัญหาให้ปวดหัวเลยแม้แต่น้อย
วันนี้ UFAARENA จะพาไปดูแนวทางและเหตุผลที่ส่งให้ฟอร์มของยอดทีมจากกรุงเนเปิ้ลส์โดดเด่นเหนือใครในลีก และกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัวสักที
การถ่ายเลือดใหม่ที่บ้าบิ่น
การเสียนักเตะตัวหลักออกไปจากทีมนับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลายทีม ยิ่งกับนาโปลีที่ในซัมเมอร์ที่ผ่านมาระบายตัวหลักออกไปเพียบไล่มาตั้งแต่ คาลิดู คูลิบาลี่ , ฟาเบียน รุยซ์ , อาร์คาดิอุส มิลิค , ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ , ดรีส เมอร์เท่นส์ และ ดาวิด ออสปิน่า เรียกว่าถ่ายเลือดเก่าออกทุกตำแหน่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ปกติแล้วไม่มีทีมไหนปล่อยแข้งหลักออกเยอะขนาดนี้
ในขณะที่ตัวใหม่ที่เสริมเข้ามา ก็เป็นไปตามแนวทางการทำทีมของสโมสรที่สอยบรรดาดาวรุ่ง นักเตะโนเนมเข้ามาไม่ว่าจะเป็น คิม มินแจ , ฟร้องค์ อองกิสซ่า , ควิชชา ควารัตสเคเรีย , จาโคโม่ ราสปาโดรี่ นอกจากนี้ยังมีการยืมตัวแข้งส่วนเกินของทีมอื่นมาด้วยอย่าง โจวานี่ ซิเมโอเน่ และ ตองกีย์ เอ็นดอมเบเล่ เรียกว่าแต่ละรายที่เข้ามาใหม่ ชื่อชั้นก็ไม่ได้เทียบเท่ากับคนที่ย้ายออกไปเลยสักนิด
และผลงานในสนามที่พวกเขาทำได้ในปัจจุบันก็การันตีเป็นอย่างดีว่าการเปลี่ยนถ่ายเลือด และการเสริมนักเตะทุกรายของนาโปลีมีประสิทธิภาพเข้าเป้าทุกราย แถมในแง่ของการเงินพวกเขาก็ประสบความสำเร็จ เนื่องจากการเสริมทัพเข้ามาใหม่เมื่อช่วงซัมเมอร์ใช้เงินไปเพียงแค่ 68 ล้านยูโรเท่านั้น ในขณะที่ขาออกก็ทำเงินไปได้สูงถึง 80 ล้านยูโร และต้องบอกว่าอันที่จริงแล้วการเปลี่ยนถ่ายสายเลือด นาโปลีเริ่มต้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เห็นได้จากผลงานของนักเตะที่ย้ายมาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาอย่าง วิคเตอร์ โอซิมเฮน , มาเตโอ โปลิตาโน่ และ อมิร ราห์มานี ต่างก็เป็นตัวหลักของทีมทั้งนั้น
ความกล้าได้กล้าเสีย
ความกล้าได้กล้าเสียของนาโปลีไม่ได้จบแค่ในตลาดนักเตะ แต่รวมไปถึงรูปแบบการเล่นด้วย พวกเขาเป็นทีมที่มีเกมรุกดุเดือดที่สุดในกัลโช่ เซเรียอา ฤดูกาลนี้จากการถล่มไปถึง 48 ประตู เป็นจังหวะโอเพ่นเพลย์ถึง 32 ประตู ส่วนจังหวะลูกตั้งเตะทำไปได้ 10 ประตูและจุดโทษอีก 4 ประตูเท่านั้น เรียกว่าเป็นเกมรุกที่มีประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับซีซั่นก่อนที่จำนวน 48 ประตูคือจำนวนที่พวกเขาทำได้เมื่อจบฤดูกาล แถมยังเป็นเปอร์เซ็นการยิงทิ้งยิงขว้างซะมากกว่าด้วยซ้ำ
โดยตัวนำในเกมรุกก็มีอย่าง วิคเตอร์ โอซิมเฮน ดาวยิงคนเก่งที่กดไปถึง 14 ประตูนำเป็นดาวซัลโวของลีก และ ควิชช่า ควารัตสเคเรีย ดาวรุ่งโนเนมที่เพิ่งย้ายมาแต่ตอนนี้ทำไปแล้ว 8 แอสซิสต์มากเป็นอันดับหนึ่งของลีกด้วย นอกจากนี้ความแม่นยำในการผ่านบอลของพวกเขาก็ประสบความสำเร็จเป็นอันดับ 1 ในบรรดาท็อป 5 ลีกยุโรปด้วยจำนวน 21,976 ครั้ง นับว่าการทำเกมอย่างรวดเร็วและการผ่านบอลเป็นหัวใจสำคัญของทัพอัซซูร่าชุดนี้
รุกดุเดือดแต่ไม่ลืมเกมรับ
หลายครั้งที่เราจะเห็นทีมที่โดดเด่นเรื่องเกมรุกจะมีจุดอ่อนด้านเกมรับแต่ไม่ใช่กับนาโปลีซีซั่นปัจจุบันที่แม้จะมีเกมรุกที่ดุดันไม่เกรงใจใคร แต่เกมรับเองพวกเขาก็มีสถิติยอดเยี่ยมเป็นอันดับต้นๆของลีก ไล่มาตั้งแต่บรรดากองกลางอย่าง ฟร้องค์ อองกิสซ่า , ปิเอโตร ซิลินสกี้ และ สตานิสลาฟ โลบอตก้า สามแผงกลางที่ช่วยกันดักบอล ชะลอบอลก่อนจะไปถึงกองหลัง ที่ก็มีทั้ง คิม มินแจ และ อมิร ราห์มานี ยืนจับคู่กันอย่างลงตัว
โดยสถิติจากแข้งใหม่ชาวเกาหลีที่ตอนย้ายมามีข้อกังขามากมายนั่นคือการสกัดกั้นการเลี้ยงผ่านได้ถึง 87 เปอร์เซ็นต์ มีส่วนร่วมกับการจับบอล 1649 ครั้งทั้งยังมีจุดเด่นในการวางบอลยาวเปิดเกมด้วย หรือถ้าผ่านบรรดาปราการหลังไปได้ ก็ยังมีนายทวารอย่าง อเล็กซ์ เมเร็ต ที่มีสถิติการเซฟลูกยิงมากที่สุดในลีก ทำให้พวกเขาเสียไปแค่ 15 ประตูเท่านั้นน้อยที่สุดในลีกอีกด้วย
สปัลเล็ตติ กุนซือคนสำคัญ
ในด้านชื่อเสียง ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ไม่ได้เป็นโค้ชที่มีเกียรติประวัติอะไรมากนักนอกจากการพาโรม่า คว้าแชมป์โคปา อิตาเลียเมื่อปี 2006/04 และ 2007/08 รวมถึงซุเปอร์โคปา อิตาเลีย 2007/08 แต่ก็นับว่าเป็นโค้ชที่ผลงานดีแต่เหมือนฟ้าดินจะไม่ค่อยเป็นใจให้กับเขาเท่าไรนัก การคุมทีมของเขามักพาทีมจบตำแหน่งหัวตารางไม่อันดับ 2 ก็อันดับ 3 แต่ไม่เคยไปถึงแชมป์ลีกสักครั้ง แถมมักจะโดนปลดแบบไม่มีสาเหตุทั้งกับงูใหญ่ และหมาป่ากรุงโรม
อย่างไรก็ตามกับนาโปลีฤดูกาลแรกมีบางอย่างผิดไปจากที่เจ้าตัวเคยทำมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากพาทีมจบเพียงแค่อันดับ 6 ของตารางเท่านั้น แต่บอร์ดบริหารก็ยังคงให้การสนับสนุน และผลักดันการเปลี่ยนถ่ายทีมอย่างเต็มที่ ซึ่งกุนซือชาวอิตาเลียนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โดยที่ไม่ได้ยึดติดกับแผนหรือแนวทางเดิมๆจากการเปลี่ยนมาใช้แผน 4-3-3 เล่นฟุตบอลที่เร็วมากขึ้น จนกลายเป็นการผลิกโฉมทีมที่ได้ผลสุดๆ
ความสม่ำเสมอ และคู่แข่ง
นับเป็นความสำคัญมากที่สุดสำหรับหลายทีมที่ต้องรักษาความสม่ำเสมอไว้ให้ได้ ซึ่งนาโปลีทำได้โดยพวกเขาไม่แพ้ใครยาวนานถึง 15 นัด ถือเป็นอันดับ 2 ในลีกรองจาก อินเตอร์ มิลาน ที่ทำไว้ 17 นัดในปี 2006/07เพียงเท่านั้น แต่ก็สะดุดแพ้แค่เกมเดียวก็กลับมาเก็บผลชนะรวดมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะยังเหลือเกมอีกครึ่งซีซั่นให้ลงเล่น แต่ก็ต้องบอกว่าพวกเขานำห่างจากคู่แข่งแย่งแชมป์อยู่หลายก้าวทั้ง อินเตอร์ มิลาน อันดับ 2 ที่โดนทิ้งห่างไปถึง 13 แต้ม หรือจะเป็นอันดับ 3 , 4 และ 5 ทั้งลาซิโอกับอตาลันต้าไปจนถึงแชมป์เก่าอย่าง เอซี มิลาน ที่นำอยู่ถึง 15 แต้ม
สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับนาโปลีชุดนี้คือประสบการณ์ของทั้งตัวผู้จัดการทีมและ ตัวนักเตะที่อาจส่งผลถึงความกดดันช่วงท้ายซีซั่น แต่ถ้าหากพวกเขาสามารถรักษาฟอร์มการเล่นปัจจุบันเอาไว้ได้ ก็มั่นใจได้เลยว่าจากความสม่ำเสมอ ที่พวกเขาได้แสดงให้เห็นในช่วงครึ่งแรกของซีซั่นจะทำให้พวกเขาสามารถลุ้นแชมป์ได้ไปจนจบฤดูกาล และอาจเป็นฤดูกาลที่พวกเขาจะได้สิ้นสุดการรอคอยแชมป์สคูเด็ตโต้กว่า 33 ปี นับตั้งแต่ตำนานผู้ล่วงลับอย่าง ดิเอโก้ มาราโดน่า เคยพาทีมคว้าไว้ในฤดูกาล 1989/90