เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากทุกอย่างเริ่มคลายลงจากสถานการณ์ไวรัส ทำให้บรรดานักฟุตบอลเริ่มกลับมาที่สนามซ้อมกันแล้ว แน่นอนว่าเหล่านักเตะก็มีความเปลี่ยนแปลงไปทั้งรูปลักษณ์ และรูปร่าง ซึ่งทาง โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แบ๊คซ้ายของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ออกมาแฉเพื่อนร่วมทีมอย่าง เลรอย ซาเน่ ว่ามีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นถึง 7กิโลกรัม
แน่นอว่าซาเน่ไม่ใช่นักเตะคนเดียวที่มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ยังมีนักเตะที่มีปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะมีใครกันบ้างกับ 10นักเตะที่ไม่ดูแลตัวเองจนน้ำหนักขึ้น
กองกลางชาวโมร๊อคโคที่เคยค้าแข้งอยู่กับทั้งสเปอร์ส และ ควีนส์ปาร์คเรนเจอร์ส รวมถึงเอซี มิลาน ดูจะเป็นกองกลางอนาคตไกลด้วยฝีเท้าที่จัดจ้าน แม้จะไม่ใช่นักเตะรูปร่างพร้อมเพรียวตั้งแต่แรก แต่ก็ยังมีรูปร่างที่สมบูรณ์พอจะเป็นนักฟุตบอล แต่ในปี 2014 หลังจากช่วงซัมเมอร์เขากลับมาด้วยสภาพที่น้ำหนักเกินแถมยังเจออาการบาดเจ็บเล่นงานอีกทำให้น้ำหนักของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก
สุดท้ายทางกุนซือของQPRในเวลานั้นอย่าง แฮร์รี เรดแนปป์ ต้องออกมาจวกแข้งรายนี้ว่ามีน้ำหนักตัวที่เกินกว่ามาตรฐานไปไกลกว่า 19กิโลกรัม แถมยังขี้เกียจซ้อมด้วย โดยนายใหญ่หน้าง่วงได้กล่าวว่า “ทารับต์เขาไม่ได้บาดเจ็บ แต่เขาไม่ฟิตพอที่จะลงแข่งได้ เขาได้ลงเล่นในเกมกับทีมสำรองเมื่อวันก่อน และจากที่ผมเห็น ผมน่าจะวิ่งเยอะกว่าเขาซะด้วยซ้ำ”
ปัจจุบันเขายังคงค้าแข้งอยู่กับเบนฟิก้าในลีกโปรตุเกส แต่ก็ไม่ได้ทำผลงานอะไรมากมายกับการลงสนาม 33นัด ยิง 1ประตู 3แอสซิสต์
ยอดดาวยิงอียิปต์ที่เคยโลดแล่นอยู่ในโลกฟุตบอลช่วงต้นยุค 2000 ถึง2013 นับเป็นสตาร์แดนปิระมิดก่อนที่จะมี โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ขึ้นมาฉายแสง โดยเจ้าตัวนับว่าเป็นกองหน้าที่มีเทคนิค และความแข็งแกร่งอยู่ในคนเดียว ด้วยส่วนสูงกว่า 190เซ็นติเมตร แต่ฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขาคือตอนที่มาอยู่กับสเปอร์สช่วง 20ต้นๆ กับผลงานยิง 11ประตูจาก 27นัด แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยทำผลงานได้ดีอีกเลยจนต้องย้ายทีมไปเรื่อยๆเกือบ 10ครั้ง ซึ่งที่มามันก็มาจากทัศนคติ และวินัยของตัวเอง จนมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินอีก สุดท้ายก็ต้องแขวนสตั๊ดไปอย่างรวดเร็วกับอายุเพียง 30ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากแขวนสตั๊ดไป 5ปี เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าตนได้ลดน้ำหนักไปมากถึง 37กิโลกรัมแล้ว แต่มันก็สายเกินไปสำหรับการกลับมาเป็นนักฟุตบอลอีกครั้ง
ยอดดาวรุ่งชาวอิตาเลี่ยนที่ครั้งนึงเคยถูกจับตาจากทั่วโลก แถมยังเคยถูก เรอัล มาดริด ดึงตัวไปปั้น แต่ด้วยนิสัยส่วนตัว บวกกับความไร้วินัย ทำให้เขาทำผลงานไม่ได้ แถมน้ำหนักขึ้นจนเปลี่ยนจากดาวรุ่งเป็นเด็กอ้วน แม้เจ้าตัวจะเคยออกมาเปิดเผยว่าในช่วงซัมเมอร์ปี 2008 ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือของทีมในเวลานั้น ได้เข้ามาช่วยตนลดน้ำหนักไปถึง 16กิโลกรัม แถมยังมีการปรับเงินจากน้ำหนักตัวที่ขึ้น แต่สุดท้ายราชันชุดขาวก็คุมพฤติกรรมไม่ไหวก่อนปล่อยตัวออกไป
นอกจากนี้สมัยที่เขาย้ายไปอยู่กับเอซี มิลาน ก็โดนสั่งดองไปนานกว่า 2เดือน ด้วยเหตุที่ว่าเขามีน้ำหนักที่เกินกว่ามาตรฐานไปถึง 2.5กิโลกรัม แต่ก็ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมแข้งรายนี้ได้ และใช้งานเพียงฤดูกาลเดียวก็ต้องปล่อยตัวออกไปอีก
กองหน้าฝีเท้าจัดที่แม้จะไม่ใช่นักเตะที่มีวินัยสูง แต่ก็ทดแทนมาด้วยทักษะการยิงประตูที่เหลือล้น แม้ว่าในสมัยที่ค้าแข้งอยู่บนเวทียุโรปกับทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และยูเวนตุส เขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว แต่ก็มีปัญหาเรื่องวินัยออกมาให้เห็นอยู่บ้าง
ซึ่งเรื่องราวที่เกี่ยวกับน้ำหนักเกินนั้นมันเกิดขึ้นในช่วงปลายอาชีพที่มาอยู่กับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ในไชนีสซุปเปอร์ลีก เจ้าตัวเคยโดนผู้จัดการทีมอย่าง หวู่ จินกุ้ย ได้ออกมาตำหนิยอดแข้งรายนี้ว่ามีน้ำหนักที่อ้วนเกินไป จนทางสโมสรมีคำสั่งให้ดองจนกว่าจะกลับมาผอม เนื่องจากเตเวซได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 650,000ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆเลย แถมถ้าวัดกับผลงาน 4ประตู จาก 20นัดรวมทุกรายการก็เรียกว่าไม่คุ้มค่าสุดๆ
สมัยที่อิกวาอินเพิ่งย้ายจากนาโปลีมาอยู่กับยูเวนตุส เขาถูกวิจารณ์อย่างหนักกับการที่มีรูปร่างที่อ้วนฉุ จนโดนล้อว่าเป็นไอหมูอ้วน แถมยังโดนอดีตแข้งอย่าง โรเบิร์ต โปรซิเน็คกี้ ที่เคยค้าแข้งกับ รอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ออกมาล้อเลียนว่า “ผมรู้สึกช็อคมากเมื่อได้เห็น อิกวาอิน เขาดูอ้วนกว่าผมอีกนะ”
“ยูเวนตุส จ่ายเงินไปถึง 90 ล้านยูโร เพื่อซื้อ อิกวาอิน มา และ อิกวาอิน ก็มาในสภาพเหมือนลูกหมูตัวน้อยๆ ผมสามารถจินตนาการได้เลยว่า มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ก็คงต้องช็อคเช่นกัน หลังจากเซ็นสัญญากันไปแล้ว อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ยูเวนตุส จะช่วยให้ อิกวาอิน กลับมาฟิตสมบูรณ์ในเร็ววันนี้”
อย่างไรก็ตามสุดท้ายแข้งชาวอาร์เจนไตน์ก็กดไปถึง 32ประตู จาก 55นัดรวมทุกรายการเป็นการพิสูจน์ฝีเท้าว่าไม่เกี่ยวกับรูปร่างของเขา พร้อมสร้างวลีเด็ดตอกกลับเสียงวิจารณ์ว่า”มันดีกว่าหากคุณยังคงพูดว่าผมอ้วน ผมจะยิ่งยิงประตูต่อเนื่อง”
กองหน้าร่างยักษ์ที่ถูกตั้งฉายาว่าเป็น ตู้เย็น สมัยที่ค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดซึ่งเจ้าตัวมีน้ำหนักพุ่งไปสูงถึง 104 กิโลกรัม จนโดนวิจารณ์อย่างหนักกับหลายๆฝ่าย บวกกับผลงานในสนามที่ไม่เอาอ่าว จากการลงสนาม 45นัด ยิง 15ประตู รวมทุกรายการในฤดูกาลสุดท้ายของเขากับทีม ทำให้ยอดทีมจากแมนเชสเตอร์ตัดสินใจปล่อยตัวเขาออกจากทีมไปให้กับอินเตอร์ มิลาน
ที่อินเตอร์ มิลานเขาถูกอันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือของทีมจัดคอร์สลดน้ำหนักให้ชุดใหญ่จนน้ำหนักลดลงไปจนตอนนี้เขามีน้ำหนักเหลือ 93กิโลกรัมแล้ว แถมฟอร์มการเล่นก็กลับมาทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งจากการลงสนาม 35นัด ยิงไปถึง 23ประตูรวมทุกรายการ
นับเป็นนักเตะรายล่าสุดหากไม่นับซาเน่ ที่น้ำหนักขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดหลังย้ายจากเชลซี มาอยู่กับ เรอัล มาดริด เขาก็เปลี่ยนจากนักเตะสุดพริ้วกลายเป็นนักเตะตัวอวบ ซึ่งในเรื่องนี้เจ้าตัวได้ออกมายอมรับด้วยตัวเองว่าตนมีน้ำหนักขึ้นจริงตามที่ได้เห็น “มันเป็นเรื่องจริง ผมจะไม่ปิดบังมันหรอก ตอนที่ผมไปพักร้อนน่ะ ผมก็ฉลองอย่างเต็มที่ให้สมกับเป็นการพักร้อนจนทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น 5 กิโลกรัม”
“แต่ผมเป็นพวกที่ถึงแม้จะอ้วนขึ้นเร็ว แต่ก็ลดน้ำหนักได้เร็วเหมือนกันถ้าผมระมัดระวังตัวเองมากพอ ตอนที่ผมอยู่กับ ลีลล์ ในตอนที่มีอายุเพียง 18 ปี ผมมีน้ำหนัก 72 หรือ 73 กิโลกรัม พอผมเล่นกล้ามจนทำให้มีกล้ามเนื้อมันก็ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มเป็น 75 กิโลกรัม ส่วนถ้าในวันที่แย่ๆ นี่ผมก็เคยหนัก 77 กิโลกรัม ขณะที่ช่วงซัมเมอร์ของปีนี้น้ำหนักของผมเคยขึ้นไปถึง 80 กิโลกรัม แต่ผมก็ลดน้ำหนักลงได้ในเวลาแค่ 10 วันนะ”
แน่นอนว่าเรื่องน้ำหนักส่งผลต่อฟอร์มของเขาโดยตรง จากผลงานที่ทำได้ตอนอยู่เชลซี และค่าตัวที่สูงถึงหลัก 100ล้านยูโร แต่กลับโชว์ฟอร์มยิงได้แค่ประตูเดียว 5แอสซสิต์ จาก15นัดรวมทุกรายการ แถมยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอีกทำให้แฟนบอลไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักกับดีลในครั้งนี้
โรนัลโด้ R9 ที่ถูกตั้งชื่อเล่นว่าเป็น โด้อ้วน ซึ่งเป็นที่บ่งบอกลักษณะของเขาได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าเป็นสไตล์ของนักเตะจากแดนแซมบ้าที่จะชื่นชอบการปาร์ตี้เป็นที่หนึ่ง ทำให้รูปร่างของเขาบวมอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ด้วยน้ำหนักตัวที่มากทำให้มันส่งผลไปถึงอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าซึ่งเปราะบางอยู่แล้วจนเกิดวลีในตำนานว่า “ไม่มีใครหยุดนักเตะอย่าง โรนัลโด้ ได้นอกจากหัวเข่าของเขาเอง” แต่ถึงจะมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายแต่เขาก็ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนกลายเป็นตำนานของโลกลูกหนัง