ตลอดอาชีพค้าแข้งของ เธียร์รี่ อองรี ตำนานกองหน้าของ อาร์เซน่อล เขาเผชิญกับยอดกองหลังระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เปาโล มัลดินี่, ฟาบิโอ คันนาวาโน่, การ์เลส ปูโยล หรือ ยาป สตัม
ทั้งหมดล้วนถูกยกให้เป็นปราการหลังเบอร์ต้นๆของโลกในช่วงที่พวกเขาค้าแข้งอยู่ ทว่าพวกเขาเหล่านั้นกลับไม่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดในสายตาของ อดีตกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส
ทว่าคนที่ อองรี เลือกกลับเป็นอดีตกองหลังทีมชาติไนจีเรียอย่าง ตาริโบ เวสต์ เจ้าของทรงผมขัดใจแม่ ผู้เป็นตำนานในเกม Championship Manager
อย่างไรก็ตาม เวสต์ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากกว่าทรงผมดังกล่าว หรือค่าพลังที่เวอร์วังในเกมเท่านั้น และ UFA ARENA จะพาไปติดตามเรื่องราวของเขาผ่านบทความชิ้นนี้กัน
คู่แข่งที่ อองรี ขยาด
ชื่อของ ตาริโบ เวสต์ กลายเป็นตำนานเล่าขานของเหล่ากุนซือในโลกจำลองอย่าง CM ภาค 01/02 สำหรับใครก็ตามที่เริ่มเล่นและเลือกสโมสรคุม จะต้องเซ็นกองหลังชาวไนจีเรีย เข้ามาแบบฟรีๆ
และไม่ว่ากองหลังส่วนใหญ่ในเกมจะขาดความเร็วในเกม แต่ อดีตแข้งวัย 47 ปี เป็นนักเตะไม่กี่คนที่มีสิ่งนั้น อีกทั้งยังโดดเด่นกว่ากองหลังทั่วไป ทั้งค่าความดุดัน (Aggression 20), ความสมดุล (Balance 18), ความกล้าหาญ (Bravery 20), ความมุ่งมั่น (Determination 19), การประกบผู้เล่น (Marking 17), ความอึด (Stamina 19), ความแข็งแกร่ง (Strength 20), การเข้าปะทะ (Tackling 16) และความขยัน (Work rate 18) ทำให้เขาเป็นนักเตะที่แฟนเกม CM ต้องมี
อย่างไรก็ตาม ชีวิตค้าแข้งของ เวสต์ มีมากกว่าแค่การเป็นตำนานสุดคัลท์ในเกม CM เท่านั้น ทั้งการเล่นให้กับสโมสรทั่วยุโรป แถมเคยเล่นกับ 2 สโมสรดังในเมืองมิลานด้วย และที่โดดเด่นที่สุดคือฟอร์มการเล่นของเขากับทีมชาติไนจีเรียที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักในฟุตบอลโลกปี 1998
และในฝรั่งเศสก็เป็นที่แรกที่ เวสต์ เริ่มต้นอาชีพค้าแจ้งในยุโรป หลังลาทีมบ้านเกิด มาเล่นให้กับ โอแซร์ ในปี 1993 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ อองรี ได้เผชิญกับกองหลังที่เขามองว่าแข็งแกร่งที่สุด
“สำหรับคู่แข่งโดยตรง ผมต้องย้อนกลับไปในวันเหล่านั้นเลย – ตาริโบ เวสต์” ตำนาน ‘ปืนใหญ่’ กล่าว
“เพราะว่า (ที่ โอแซร์) พวกเขาตามประกบแบบเรียงตัวเลย เขาตามคุณไปทุกที่ แม้แต่ในห้องแต่งตัวก็ตาม”
จากโอแซร์สู่มิลาน
อย่างไรก็ตาม ชีวิตค้าแข้งที่ โอแซร์ ของ เวสต์ ก็ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เขาคิดไว้เช่นกัน จากเงื่อนไขสัญญาที่ให้ความรู้เหมือนถูกสโมสรเอาเปรียบ
“ผมเล่นให้โอแซร์ฟรีๆเลย ผมเล่นด้วยสัญญา 5 ปี โดยไม่รู้เนื้อหาและเงื่อนไขที่ผูกมัดสัญญา หลังจากปีที่ 3 อาร์เซน่อล, ยูเวนตุส, เรนเจอร์ส, เซบีย่า และ เบติส ก็สนใจผม” ดาวเตะชาวไนจีเรีย ย้อนความหลังในปี 2018
“ผมไปหาโค้ชบอกว่าอยากย้ายทีม แต่เขาให้ผมนั่งลงและโชว์รายละเอียดสัญญากับ โอแซร์ ผมเห็นรายละเอียดที่ผมเซ็น ซึ่งเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆได้สูงถึง 120,000 ฟรังก์ฝรั่งเศส ผมกลับไปแค่ 3,000 ฟรังก์ฝรั่งเศส”
ซึ่ง เวสต์ ก็ใช้เรื่องนั้นจุดไฟแห่งความมุ่งมั่นในตัวเองขึ้นมาด้วยการทำผลงานให้โดดเด่นที่สุดในอาชีพ ด้วยการพา โอแซร์ ทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 1996-97 และทำให้เขาได้ย้ายไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลานในที่สุด
ปีแรกใน อิตาลี แนวรับชาวไนจีเรีย ก็มีส่วนช่วยให้ ‘งูใหญ่’ คว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ ในฤดุกาล 1997-98 ด้วย แม้จะโดนไล่ออกในเกมนัดชิงกับ ลาซิโอ ก็ตาม แถมได้ร่วมกับนักเตะระดับ โรนัลโด้, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ และ ยูริ เจอร์เกฟฟ์ ด้วย
ทว่าในเวลาต่อมา เวสต์ กลับเป็นตัวเลือกท้ายๆในทีมของ มาร์เซลโล่ ลิปปี้ นั่นทำให้เขาเลือกย้ายไปเล่นกับคูอริร่วมเมืองอย่าง เอซี มิลาน แทนในปี 2000
จุดตกต่ำ
แต่ดูเหมือนการย้ายมากับ ‘ปีศาจแดงดำ’ จะไม่เป็นอย่างที่ใจคิดเท่าไหร่ และจากคำกล่าวอ้างของ ตาริโบ เวสต์ ก็ดูประหลาดซับซ้อนขึ้นไปอีก เมื่อเผยเป็นเพราะมาเฟียในเมืองมิลานที่ขวางโอกาสลงสนามของเขา
“มาเฟียจะทำทุกอย่างด้วยอำนาจที่พวกเขามีเพื่อทำให้ผมปิดฉากเส้นทางกับ มิลาน พวกเขาสร้างเรื่องให้ผมบาดเจ็บผ่านสื่อ เพื่อจะได้ให้ผมออกไปจาก มิลาน” อดีตแนวรับ ‘งูใหญ่’ กล่าวกับ Score Nigeria
“แพทย์ถูกติดสินบนเพื่อบอกว่าผมได้รับบาดเจ็บ แต่มันเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น พวกเขาทำอย่างนั้นเพราะพวกเขารู้สึกว่าคิดไม่ถึงว่าผู้เล่นแอฟริกันจะเข้ามาแทนที่กองหลังวัยเก๋า 3 คนนั้น ฟรังโก้ บาเรซี่, อเลสซานโดร คอสตาคูร์ต้า และเปาโล มัลดินี่”
“ลิเวอร์พูล ยื่นข้อเสนอมา แต่ท้ายที่สุดผมกลับได้ย้ายไปเล่นให้ ดาร์บี้ เค้าน์ตี้แทน”
เส้นทางของ เวสต์ พลิกผันราวกับรถไฟเหาะ เมื่อต้องย้ายจากทีมเบอร์ต้นๆในยุโรป มาสู่ทีมหนีตกชั้นในอังกฤษ เมื่อปี 2001 แต่ช่วงเวลาของเขาในถิ่น ไพรด์ ปาร์ค ก็พอบอกได้ว่าประสบความสำเร็จบ้าง หลังช่วย ‘เกาะเขาเหล็ก’ หนีตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ทว่าก็ถูกปล่อยจากทีมในเวลาต่อมา เนื่องจากเลือกให้ความสำคัญกับการเล่นทีมชาติมากกว่าสโมสร
นับตั้งแต่นั้น เวสต์ ก็กลายเป็นแข้งพเนจรอย่างเต็มตัว และเป็นขาลงของเขาอย่างแท้จริง ทั้ง ไกเซอร์สเลาเทิร์น, ปาร์ติซาน เบลเกรด, อัล อาราบี, พลีมัธ และ เปย์คาน ไม่ทีมไหนที่เขาทำผลงานได้เยี่ยมยอดอีกเลย
นั่นทำให้ เวสต์ รู้ตัวแล้วว่าถึงเวลาที่เขาต้องบอกลากีฬาที่เขารักแล้ว พร้อมแขวนสตั๊ดในปี 2007 ด้วยวัยเพียง 33 ปีเท่านั้น
สู่เส้นทางธรรม
ถึงจะยุติเส้นทางค้าแข้งได้ไม่สวยเท่าไหร่ แต่ เวสต์ ก็พบเป้าหมายในชีวิตของเขาเรียบร้อย ด้วยการอุทิศตนให้กับศาสนาคริสต์เต็มตัว กลายเป็นบาทหลวง พร้อมเปิดโบสถ์ในเมืองลากอส หลังจากนั้น
การหันไปทำอาชีพอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการลูกหนัง อาจสร้างความประหลาดใจให้ใครหลายคนได้พอสมควร แต่กับ เวสต์ อาจมีข้อยกเว้น เพราะเขาเคยกล่าวกับ The Guardian ไว้ตั้งแต่ปี 2002 แล้วว่า “ผมไปมิลานเพื่อเป็นบาทหลวงอาชีพ มันจึงไม่มีทางที่ผมจะเป็นโค้ช”
เดิมที เวสต์ ก็มีความเชื่อในโชคราง และไสยศาสตร์ ไม่ต่างจากแข้งชาวแอฟริกันทั่วไป แต่การที่ แพเทียน อิเคเมฟูนา น้องสาวมาเยี่ยมเขาสมัยค้าแข้งในอิตาลี และบอกว่าบ้านที่พักมีบรรยากาศไม่ดี พร้อมเหตุการณ์แปลกๆ กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้เขาเข้าสู่ทางศาสนาในเวลาต่อมา
“ผมคิดว่ามันเป็นเพราะลม แต่ขณะที่กำลังคิดอยู่ ประตูทุกบานก็ปิดพร้อมกันเสียงดังลั่น มันเหมือนกับจะมีอะไรบางอย่างแย่ๆในหนัง แต่ผมรู้ว่ามันคือความจริง ผมเคยมีประสบการณ์ความรู้สึกอบอุ่นภายใน และน้องสาวก็พูดกับผมว่า ตาริโบ นายจะต้องเป็นบาทหลวงเหมือนกัน” อดีตแนวรับวัย 47 ปี เล่ากับ The Guardian ในปี 2002
เวสต์ เริ่มต้นด้วยการก่อตั้งโบสถ์แห่งแรกขึ้นมาในบ้านของตนเองที่อิตาลี และพยายามช่วยเหลือคนยากไร้ ทั้งคนผิวดำ และคนต่างชาติ พร้อมมีฉายาว่า “บาทหลวง” จากเพื่อนร่วมทีมชาติไนจีเรีย เนื่องจากเขามักใช้ค่าเหนื่อยที่ได้มาจากการเล่นฟุตบอลช่วยเหลือคนไร้บ้านตามท้องถนนอยู่เสมอ
ปัจจุบัน โบสถ์ของเวสต์ ยังคงมีจุดประสงค์ไม่ต่างจากสมัยที่เขาเป็นนักเตะ คือช่วยเหลือผู้ยากไร้ และเผยแพร่คำสอนของพระเยซูให้กับผู้คนในชุมชนแออัด ณ บ้านเกิด
นี่คือเรื่องราว ตาริโบ เวสต์ แข้งคัลท์ ฮีโร่ของกวงการฟุตบอลในยุคปลาย 90 จนถึงต้น 2000 ผู้ที่มุ่งมั่นไปในทางที่ตนเองเลือกเดิน โดยที่เสียงรอบข้างไม่สามารถทำให้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของเขาได้
โดยเฉพาะกับทางธรรมที่เขาทุ่มเทให้มาตลอดตั้งแต่ช่วงค้าแข้ง แม้หลายคนอาจไม่ได้จดจำเขาในมุมนี้มากเท่าที่ควรก็ตาม