“ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าที่บ้าน” นี่คงไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงนัก เพราะต่อให้เราไปอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ก็ไม่มีที่ไหนให้ความรู้สึกได้เท่าบ้านที่เราเคยอาศัยอยู่ตั้งแต่เด็ก เช่นเดียวกับวงการฟุตบอล นักเตะหลายคนต่างมีความผูกพันธ์มากมายกับสโมสรที่ปลุกปั้นและทำให้พวกเขามีชื่อเสียง ต่อให้ไม่ได้เล่นอยู่ที่นั่นแล้วก็ตาม
และการที่เราได้เห็นอดีตนักเตะขวัญใจแฟนกลับมายังทีมเก่าอีกครั้ง ช่างเป็นภาพที่สวยงามและน่าจดจำอย่างที่สุด พร้อมกับหวังไว้ลึกว่านักเตะคนนั้นจะสามารถโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมและพาทีมประสบความสำเร็จได้เหมือนที่เคยทำในอดีต
เช่นกรณีล่าสุดอย่าง ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าทีมชาติเยอรมันที่ย้ายกลับมาซบ แอร์เบ ไลป์ซิก อีกครั้งในซัมเมอร์นี้ หลังไม่ประสบความสำเร็จในแง่ฟอร์มการเล่นกับ เชลซี ในช่วง 2 ปีหลังสุด และหวังคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งกับทีมเก่าที่เคยแจ้งเกิด
ซึ่งตัวของ แวร์เนอร์ ไม่ใช่รายแรกหรอกที่มีโอกาสย้ายกลับมาเล่นให้อดีตต้นสังกัดของตัวเอง และนี่คือ 11 แข้งที่โด่งดังแค่ไหน ก็ย้ายกลับมาตายรังทีมเก่าในช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้งอยู่ดี
จานลุยจิ บุฟฟ่อน | ยูเวนตุส
หลังจากแยกกทางกับยูเวนตุสหลังจบฤดูกาล 2017-18 จานลุยจิ บุฟฟ่อน เลือกย้ายไปเล่นให้กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง 1 ฤดูกาลเต็มๆ และทันทีที่หมดสัญญากับทีมแดนน้ำหอม ก็มีข่าวลือมากมายว่าเขาอาจจะไปเล่นให้ทีมต่างๆในลีกอังกฤษ หรือ ลีกบ้านเกิด แต่จนแล้วจนรอด ท้ายที่สุด นายทวารวัย 44 ปี ก็ย้ายกลับมาตายรังทีมเก่าเล่นให้กับ ‘ม้าลาย’ เป็นคำรบที่สอง
แม้บุฟฟ่อนขึ้นชื่อว่าเป็นนายทวารระดับตำนานของยอดทีมแห่งตูริน แต่เขาก็ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษตรงนั้น เขาตอบปฏิเสธ วอจเซียค เซสนี่ และ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ที่มอบเสื้อเบอร์ 1 หรือ ตำแหน่งกัปตันทีมให้ในตอนนั้น พร้อมกับขอบคุณอย่างสุดซึ้ง และยืนกรานว่าตนเองกลับมาเพื่อช่วยทีมอย่างที่เคยทำมาตลอดต่างหาก ไม่ได้กลับมาเพื่อท้วงอะไรคืนทั้งสิ้น
ตลอด 19 ฤดูกาลที่มือชาวอิตาเลี่ยนเฝ้าเสาให้ ‘เบี่ยงโคเนรี่’ เขากวาดแชมป์มาแล้วทุกรายการ เหลือเพียงแค่ ถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เท่านั้นที่ทำได้เต็มที่แค่รองแชมป์เท่านั้น ก่อนย้ายไปเล่นกับ ปาร์ม่า ที่เขาสร้างชื่อตั้งแต่ปี 2021 จนถึงปัจจุบัน
เธียร์รี่ อองรี | อาร์เซน่อล
อาร์เซน่อลของอาร์แซน เวนเกอร์ คงไม่มีทางกลายเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมและพิเศษสุดๆได้ หากไร้เงาของชายที่ชื่อ เธียร์รี่ อองรี ตลอด 8 ฤดูกาลที่กองหน้าชาวฝรั่งเศสอยู่กับทีม ‘ปืนใหญ่’ เขาก็สามารถก้าวขึ้นไปเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรได้อย่างเต็มภาคภูมิ โดยทำไปทั้งหมด 228 ประตู
หลังจากนั้นตัวอองรีก็ย้ายไปค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ในลาลีก้า ซึ่งประสบความสำเร็จพอสมควร แต่แน่นอนว่าฟอร์มการเล่นของเขาไม่มีทางยอดเยี่ยมเหมือนตอนค้าแข้งในถิ่นลอนดอนเหนืออยู่แล้ว ก่อนจะย้ายไป นิวยอร์ค เร้ด บลู ในเมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ อเมริกา แต่หลังจากนั้นเหล่ากูนเนอร์ก็เนื้อเต้นเป็นแถบ เมื่ออองรีก็ย้ายกลับมาเล่นให้อาร์เซน่อลอีกครั้งแบบยืมตัวในเดือนมกราคม ปี 2012 จากนั้นก็ย้ายกลับไปทีมแดนลุงแซมและแขวนสตั๊ดในอีก 2 ปีถัดมา
ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา | เชลซี
เชลซีในยุคเสียหมี โรมัน อับราโมวิช เริ่มต้นความยิ่งใหญ่ด้วยการดึงตัว โชเซ่ มูรินโญ่ มาเป็นกุนซือ พร้อมกับเงินทุนมหาศาลในการเสริมทัพ หลายๆคนได้เข้ามาเป็นกำลังของทีม หนึ่งในนั้นคือ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ที่ค่อยๆสถาปนาตัวเองขึ้นไปเป็นกองหน้าระดับตำนานของสโมสร
กองหน้าชาวไอวอรี่ โคสต์ ซัดไปทั้งหมด 164 ประตูให้ ‘สิงห์บลู’ และพาทีมคว้าแชมป์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก,เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูโรป้า ลีก และ รายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2012 เขาก็ยิงประตูตีเสมอได้และดวลจุดโทษเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค 4-3
หลังจากลาทีมไปในปี 2012 ดร็อกบาก็ย้ายไปโกยเงินหยวนกับเซียงไฮ้ เสิ่นหัว และได้ลุยแดนไก่งวงกับ กาลาตาซาราย ก่อนที่จะกลับมาเล่นถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์อีกครั้งในฤดูกาล 2014-15 ที่มี มูรินโญ่ กุมบังเหียนอยู่ พร้อมกับคว้าพรีเมียร์ลีกไปครองอีกสมัย
เฟร์นานโด ตอร์เรส | แอตเลติโก้ มาดริด
ในปี 2001 แอตเลติโก มาดริด ต้องหล่นลงไปเล่นในเซกุนด้า ดิวิชั่น ลีกระดับ 2 ในสเปน ซึ่งในขณะนั้น เฟร์นานโด้ ตอร์เรส ดาวรุ่งดวงใหม่ก็ได้โอกาสประเดิมสนามพอดี ก่อนจะฉายแววเก่งอย่างรวดเร็วจนช่วยให้ทีมกลับขึ้นมาเล่นในลาลีก้าได้ ก่อนจะก้าวไปเป็นกัปตันทีมด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น
หลังจากนั้นในปี 2007 หัวหอกเลือดกระทิงได้ย้ายไปค้าแข้งกับลิเวอร์พูลในอังกฤษ พร้อมกับก้าวขึ้นไปเป็นดาวยิงอันดับต้นๆของโลกได้อย่างสวยงาม พร้อมกับประสบความสำเร็จอย่างมากในทีมชาติสเปน แต่ทันทีที่เขาย้ายมาเล่นให้เชลซี ฟอร์มการเล่นกลับตกลงอย่างน่าใจหาย แม้จะย้ายไปเล่นในอิตาลีกับเอซี มิลาน ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น
แต่ในปี 2015 ‘เอล นินโญ่’ ก็เลือกกลับมาตายรังทีมเก่ากับ ‘ตราหมี’ สโมสรที่เขาเรียกว่าบ้านอย่างเต็มปากได้อีกครั้ง ซึ่งที่นั่นทำให้เขากลับมามีชีวิตชีวาและความมั่นใจมากขึ้น พร้อมคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก ในปี 2018 ก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับ ซากัน โตสู ที่เจลีก ในปีเดียวกัน และแขวนสตั๊ดในอีกปีต่อมา
ริคาร์โด้ กาก้า | เอซี มิลาน
ก่อนที่ลูก้า โมดริช คว้ารางวัลบัลลงดอร์ไปครองได้ในปี 2018 ได้ ริคาร์โด้ กาก้า คือคนสุดท้ายที่คว้ารางวัลนี้ได้ในปี 2007 ก่อนที่ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งนี้กันอยู่แค่ 2 คนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
เพลย์เมกเกอร์หน้าหล่อโด่งดังเป็นอย่างมากกับเซา เปาโล ก่อนย้ายมาระเบิดฟอร์มกับเอซี มิลาน และพาทีมจากอิตาลีคว้าแชมป์มาครองได้ทุกรายการ จากนั้นจึงย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริดในปี 2009 แต่ก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้อย่างที่เคยเป็น
อย่างไรก็ตามหลังจากใช้ชีวิตอยู่ในสเปน 4 ปี กาก้าก็ย้ายกลับมาค้าแข้งในถิ่นซาน ซีโร่ อีกครั้ง ในฤดูกาล 2013-14 ต่อจากนั้นก็ย้ายไปเล่นกับออร์แลนโด้ ซิตี้ ในช่วงบั้นปลายอาชีพและแขวนสตั๊ดที่นั่นเลยในปี 2017
เวย์น รูนี่ย์ | เอฟเวอร์ตัน
ในช่วงต้นๆยุค 2000 ไม่มีดาวรุ่งคนไหนร้อนแรงไปกว่า เวย์น รูนี่ย์ อีกแล้ว อีกทั้งลูกหม้อของเอฟเวอร์ตันทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับสโมสร ไม่แปลกใจที่เขาจะได้ย้ายไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 2004 ด้วยวัยเพียง 18 ปี ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นตำนานของสโมสรในหลายปีต่อมา พร้อมกับทำสถิติดาวยิงสูงสุดของปีศาจแดงแซงหน้า เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตันที่ 253 ประตู
แน่นอนว่าการย้ายทีมครั้งนั้นทำให้แฟนท็อฟฟี่ขุ่นเคืองใจไม่น้อย บางรายถึงขั้นประกาศไม่ญาติดีกับกองหน้าร่างท้วมอีกต่อไป และมีการโห่ใส่อดีตแข้งขวัญใจของพวกเขาอยู่บ่อยครั้งยามมาเยือนกูดิสัน ปาร์ค แต่เมื่อเวลาผ่านไป อีโก้และความเกลียดชังก็ค่อยๆลดลง และสิ้นสุดลงในวันที่ รูนี่ย์ ย้ายมาเล่นสวมเครื่องแบบเอฟเวอร์ตันอีกครั้งในปี 2017
แต่ วาสซ่า ก็เล่นใน กูดิสัน ปาร์ค แค่ปีเดียว ก่อนย้ายไปเล่นกับ ดีซี ยูไนเต็ด และ กลับมาแขวนสตั๊ดกับ ดาร์บี้ ในปี 2021
อังเดร เชฟเชนโก้ | เอซี มิลาน, ดินาโม เคียฟ
อังเดร เชฟเชนโก้คือหนึ่งในกองหน้าที่จบสกอร์ได้เฉียมคมที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่เริ่มต้นศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา หลังย้ายมาอยู่กับเอซี มิลาน ในปี 1999 พร้อมกับซัดประตูไปทั้งหมด 175 ลูกในทุกรายการ คว้าแชมป์กับสโมสร 5 รายการ รวมไปเกียรติยศส่วนตัวอย่าง บัลลงดอร์ในปี 2004 ด้วย
กองหน้าชาวยูเครนได้ย้ายไปค้าแข้งในอังกฤษกับเชลซีเมื่อปี 2006 ด้วยค่าตัว 30.8 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นราคาที่แพงมากในสมัยนั้น น่าเสียดายที่ ‘เชว่า’ ไม่สามารถปรับตัวให้กับเข้ากับลีกแดนผู้ดีได้ ก่อนจะย้ายไปกลับมาตายรังทีมเก่ากับ ‘ปีศาจแดงดำ’ แบบยืมตัวในฤดูกาล 2008-09
แต่การย้ายกลับไปเล่นในอิตาลีครั้งที่ 2 ดูไม่เข้าท่าซักเท่าไหร่ ทำให้ตัดสินใจกลับไปตายรังทีมเก่าอีกครั้ง นั่นก็คือ ดินาโม เคียฟ สโมสรในบ้านเกิดที่สร้างชื่อให้เขากลายเป็นกองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามองในยุโรปได้ และแขวนสตั๊ดที่นั่นในปี 2012 โดยปัจจุบัน เชฟเชนโก้ดำรงตำแหน่งนายใหญ่ทีมชาติยูเครนตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปัจจุบัน
ฮวน โรมัน ริเกลเม่ | โบคา จูเนียร์
ฮวน โรมัน ริเกลเม่ คือแม่ทัพเบอร์ 10 คนสุดท้ายของอาร์เจนติน่า ที่เป็นดั่งต้นแบบให้ลิโอเนล เมสซี่ ยอดดาวเตะรุ่นน้องในทีมชาติ ซึ่งในช่วงปลายยุค 90 เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับโบคา จูเนียร์ ระหว่างปี 1996 ถึง 2002 ก่อนจะย้ายไปค้าแข่งกับยอดทีมในยุโรปอย่าง บาร์เซโลน่า
แต่ทว่าทีมที่เขาทำผลงานได้ดีที่สุดในยุโรปกลับเป็นสโมสรขนาดกลางอย่าง บียาร์เรอัล และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์อินเตอร์ โตโต้ คัพในปี 2004 จากนั้นก็ตัดสินย้ายกลับไปตายรังทีมเก่าในบ้านเกิดในปี 2007 และที่นั่นเองที่ทำให้ ริเกลเม่ กลับไปโชว์ฟอร์มสุดยอดได้อีกครั้ง จนกระทั่งบอกลาวงการฟุตบอลอาชีพในปี 2014
ฆัวกิน ซานเชซ | เรอัล เบติส
แฟนบอลสเปนพันธ์แท้ ต้องรู้จักชื่อของ ฆัวกิน ซานเชซ ตั้งแต่สมัยเป็นดาวรุ่งในทีมเรอัล เบติส แน่นอนอยู่แล้ว หลังตัวเขาระเบิดฟอร์มเก่งจนช่วยให้สโมสรทางตอนใต้ของสเปนคว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์มาครองได้ในปีเดียวกัน
ด้วยผลงานที่โดดเด่นเกินใคร ทำให้ปีกชาวสแปนิชย้ายไปอยู่กับบาเลนเซียในปี 2006 และคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ได้อีกครั้งในปี 2008 หลังจากนั้นก็ย้ายไปเล่นให้ทั้ง มาลาก้า และ ฟิออเรนติน่า ในเซเรียอา อิตาลี อย่างไรก็ตาม ตัวของเขาก็ตัดสินใจกลับมาเล่นให้กับ เบติส ทีมที่คอยปลุกปั้นเขาตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนเป็นครั้งที่ 2 ในปี 2015
โดยปัจจุบัน ฆัวกิน ก็ยังค้าแข้งอยู่กับทีมเบติโก้นี้ในวัย 41 ปี พร้อมมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ ปี 2022 ด้วย
ดีเอโก้ มาราโดน่า | โบคา จูเนียร์
หนึ่งในตำนานของวงการฟุตบอลที่ยังมีลมหายใจ ดีเอโก้ มาราโดน่า ประสบความสำเร็จอย่างมากกับการพาทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โลกในปี 1986 รวมไปถึงพาทีมนาโปลีคว้าแชมป์เซเรียอาถึง 2 สมัยจนได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าของชาวเนเปิ้ลส์เลยทีเดียว
แต่ทีมที่ ‘เสือเตี้’ย สร้างชื่อมาก่อนหน้านี้คือ โบคา จูเนียร์ ทีมยักษ์ในบ้านเกิด และพาทีมคว้าแชมป์ลีกในปี 1981 จากนั้นก็ย้ายไปบาร์เซโลน่าในปีต่อมา และหลังจากหน่ำใจกับฟุตบอลอาชีพในยุโรปมากพอแล้ว ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ก็ย้ายไปเล่นให้กับ โบคา จูเนียร์ในปี 1995 ก่อนจะแขวนสตั๊ดในอีก 2 ปีต่อมา เนื่องจาก ปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับหัวใจ
โยฮัน ครัฟฟ์ | อาแจ็กซ์
ไม่มีใครปฏิเสธว่า โยฮัน ครัฟฟ์ คือนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่อาแจ็กซ์เคยมีมา หลังพาทีมสร้างประวัติศาสตร์คว้าถ้วย ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัยซ้อนในปี 1971-73 ก่อนจะย้ายไปบาร์เซโลน่า พร้อมกับเปลี่ยนแปลงปรัชญาการเล่นฟุตบอลของที่นั่นไปตลอดกาล
หลังจากที่บอกลาถิ่น คัมป์ นู ‘นักเตะเทวดา’ ก็ย้ายไปเล่นให้เลบานเต้และสโมสรฟุตบอลในอเมริกาช่วงสั้นๆ ก่อนจะย้ายกลับมาตายรังทีมเก่ากับ อาแจ็กซ์อีกครั้งในปี 1981 และอยู่ค้าแข้งถึง 2 ฤดูกาล และย้ายไปแขวนสตั๊ดกับทีมคู่แข่งร่วมลีกอย่าง เฟเยนูร์ดในปฤดูกาล 1983-84