มิโน่ ไรโอล่า ชื่อที่คนในวงการฟุตบอลรู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเวลาที่นักเตะสักคนกำลังมีข่าวย้ายทีม เขามักจะออกมาปั่นกระแสตลาดนักเตะอยู่เสมอ แต่มันก็ไม่ใช่ชื่อเสียงที่ดีนักส่วนใหญ่จะออกไปทางก่นด่าด้วยซ้ำไป จากการที่เขามักเรียกค่าเหนื่อยให้นักเตะแบบสูงลิบลิ่ว จนถูกเรียกว่าจอมสูบเลือดสูบเนื้อ หรือตัวป่วนในวงการ
แม้จะเป็นแบบนั้นแต่สำหรับนักเตะเขาคือพ่อพระคนนึงเลยทีเดียว วันนี้ UFA ARENA จะพาไปทำความรู้จักกับเอเย่นต์ผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในปัจจุบัน ทั้งเส้นทาง วิธีการทำงาน รวมไปถึงวีรกรรมของชายที่ชื่อ ไรโอล่า ยอดเอเย่นต์นักเตะรักโลกชัง
จุดเริ่มซูเปอร์เอเย่นต์
ก่อนที่มิโน่ ไรโอล่าจะมาเป็นเอเย่นต์ชื่อก้องโลก เขาเริ่มต้นจากการทำธุรกิจร้านพิซซ่ากับครอบครัว เขาคอยทำงานต่างๆภายในร้านจนได้มีทักษะการเจรจา รวมถึงทักษะด้านภาษาจากการพูดคุยกับลูกค้า ก่อนที่จะผันตัวมาตั้งบริษัทชื่อ อินเตอร์เมซโซ่ ด้วยวัยเพียง 19 ปี โดยเป็นบริษัท เกี่ยวกับการเป็นตัวกลางสำหรับบริษัทจากเนเธอร์แลนที่จะเข้าไปทำธุรกิจในอิตาลี
หลังจากนั้นเขาได้ไปรับตำแหน่งประธานฝ่ายเทคนิคของทีมเอฟซี ฮาร์เล็ม ทีมในระดับท้องถิ่นในเมืองที่เขาอยู่ จากคำเชื้อเชิญของประธานสโมสรในเวลานั้นที่เห็นแววจากการพูดคุยกับลูกค้าระหว่างที่เจ้าตัวทำงานในร้านพิซซ่า ซึ่งเขาก็ตอบตกลงทันที แต่ก็ทำได้ไม่นานเขาก็ออกมาทำบริษัทของตัวเองต่อ
โดยดีลแรกของ ไรโอล่า คือการพา ไบรอัน รอย ดาวรุ่งจากอาแจ็กซ์ ย้ายข้ามฝากไปเล่นให้กับ ฟอจจา ทีมในลีกกัลโช่ เซเรียอา และด้วยผลงานจากดีลดังกล่าวทำให้ ร็อบ แยนเซ่น เอเย่นต์คนดังในประเทศเนเธอร์แลนด์ มาทาบทามเขาไปช่วยงานซึ่งก็มีดีลใหญ่อย่างการพา เดนนิส เบิร์กแคมป์ย้ายจาก อาแจ็กซ์ ไปเล่นให้ อินเตอร์ มิลาน แม้ว่าในตอนนั้นเขาจะทำหน้าที่เป็นแค่ล่ามให้กับ แยนเซ่นในดีลนี้ก็ตาม
ก่อนที่สุดท้ายเจ้าตัวจะเลือกแยกตัวออกมาหลังจากเก็บประสบการณ์มาอย่างเต็มที่แล้ว แต่ทางแยนเซ่น ก็ออกมาด่าไล่หลังว่าเป็นคนเนรคุณ เนื่องจากมารู้ทีหลังว่า ไรโอล่า แอบนำเอกสารในดีลของ เบิร์แคมป์ไปก็อปปี้เพื่ศึกษาแนวทางไปใช้ในอนาคต นั่นก็เป็นทั้งจุดเริ่มต้นอาชีพเอเย่นต์ และจุดเริ่มต้นของการโดนคนเกลียดไปด้วยในเวลาเดียวกัน
กลยุทธ์ตัวป่วนแห่งวงการ
แนวทางการทำงานของ ไรโอล่า ไม่ได้อยู่แค่ในโต๊ะเจรจาที่เขามีความเด็ดขาด และความเขี้ยวลากดิน แต่มันรวมไปถึงนอกโต๊ะเจรจาที่เขามักจะออกมาปั่นกระแสเกี่ยวกับการย้ายทีมของนักเตะในสังกัดเพื่อเพิ่มมูลค่า หรือเพื่อชิงความได้เปรียบในการเจรจาสัญญาใหม่ อย่างในช่วงที่ผ่านมาที่เรียกได้ว่าท็อปฟอร์มสุดๆ กับการออกมาพูดถึงความเป็นไปได้ในการย้ายทีมของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ , พอล ป็อกบา และ มัธไธจส์ เดอลิกต์ พร้อมๆกันทำเอาบรรดาต้นสังกัดนักเตะหัวปั่นไปตามๆกัน
ตัดภาพมาที่การเจรจาในดีลต่างๆ เจ้าตัวก็มีทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง และไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับการดีลแต่ละครั้ง เห็นได้ชัดจากสมัยที่พาตัว พาเวล เนดเวด ไปอยู่กับ ยูเวนตุส ยอดเอเย่นต์เคยมีปัญหากับ ลูชาโน่ มอจจี้ สมัยที่ทำงานอยู่โตริโน่ เขาเคยโดนหยามว่า “คุณจะไม่มีวันขายนักเตะคนไหนในอิตาลีได้อีกเลย” แต่ในดีลเนดเวด ไรโอล่าก็ไม่ได้เอาเรื่องในอดีตมาคิดแค้น แล้วพานักเตะในสังกัดไปอยู่กับทีมที่ดีที่สุดในเวลานั้นจนได้
นอกจากการเจรจาและการปั่นกระแสแล้ว สไตล์การทำงานอีกอย่างนึงของ ไรโอล่า ที่ทำให้นักเตะรัก คือการช่วยผลักดันในเรื่องของฝีเท้ารวมไปถึงการดูแลเรื่องต่างๆให้อย่างเต็มที่ อย่างในรายของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช สมัยค้าแข้งกับ อาแจ็กซ์ เอเย่นต์จากแดนรองเท้าบู้ท สั่งให้เขาขายรถ ขายนาฬิกา หากต้องการให้เขาเป็นเอเย่นต์ พร้อมจี้ให้ซ้อมอย่างหนัก
โดยดาวยิงชาวสวีเดน เปิดเผยไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองว่า “สิ่งที่เขาคอยตอกย้ำก็คือ ‘นายไม่ได้มีดีอะไรเลย’ วิธีของเขาทำให้ผมเปลี่ยนทัศนคติ แล้วผมก็เปลี่ยนได้จริงๆ เขาเก่งมากในเรื่องนี้” ก่อนที่ผลลัพธ์จะเป็นยอดแข้งเจ้าของฉายา พระเจ้า แบบในทุกวันนี้
ถือคติใครเกลียดก็ช่างลูกค้าต้องมาก่อน
“ผมพร้อมจะทำสงครามเพื่อนักเตะของผม ผมพร้อมจะทำทุกอย่างเหมือนที่ทำให้ลูกของผม พวกผู้อำนวยการเกลียดผมหรอ? แล้วไง? ผมไม่เคยนักเจรจาพร้อมกับปืนซะเมื่อไร ผมรู้มูลค่าของนักเตะผมดีว่ามีค่าแค่ไหน และสโมสรต้องการอะไร” นี้คือคำพูดจากปากคนที่เป็นสุดยอดเอเย่นต์ของโลกลูกหนัง
เห็นได้ชัดว่าเขาพร้อมบวกทุกเบอร์ไม่ว่าจะใครหน้าไหน เพื่อให้นักเตะในการดูแลของเขาได้รับประโยชน์อย่างสูงที่สุด ทั้งในเรื่องการเงินและการพัฒนา ถึงขั้นที่ว่าเคยงัดกับ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากดีลของ พอล ป็อกบา สมัยเป็นดาวรุ่งในทัพปีศาจแดง เฟอร์กี้วางเขาไว้ให้เป็นตัวหลักของทีมในอนาคต แต่ไรโอล่าไม่คิดแบบนั้น
เอเย่นต์ชาวอิตาเลี่ยนมองว่า ป็อกบาควรได้เงินมากกว่านี้ และควรได้โอกาสลงสนามแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงจัดการเป่าหูให้แข้งเลือดน้ำหอมไม่ต่อสัญญากับทีม แล้วย้ายไปที่ ยูเวนตุส แบบไร้ค่าตัว ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ถูกซะด้วย เนื่องจาก ป็อกบาได้กลายเป็นนักเตะระดับโลกจากการได้มาอยู่กับเบียงโคเนลลี่
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ เซอร์อเล็กซ์ ถึงกับควันออกหูและเคยออกมาพูดถึงเอเย่นต์รายนี้ผ่านหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองว่า”มีเอเย่นต์อยู่ไม่กี่คนที่ผมไม่ชอบหน้าและ มิโน่ ไรโอล่า คือหนึ่งในนั้น” กลับกันฝั่งไรโอล่า ก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับคำด่านี้ แถมยังตอบกลับแบบหน้าตาเฉยว่า “ตอนที่ เฟอร์กูสัน วิจารณ์ผม นั่นถือเป็นคำชมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ใครจะมอบให้ผม”
นี้เป็นแค่กรณีเดียวที่แสดงให้เห็นว่า ไรโอล่าไม่สนหน้าอินทรหน้าพรหมทั้งนั้นเพื่อหาประโยชน์ที่ดีที่สุดให้กับนักเตะของตัวเอง โดยที่มีความต้องการของนักเตะเป็นที่ตั้ง ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาพ่อค้าแข้ง แต่กลับกันทางฝั่งสโมสรต่างขยาดที่จะดีลกับเขา แต่มันก็ยากที่จะเลี่ยงเมื่อมองไปที่ศักยภาพนักเตะในความดูแลของเขา