เมื่อไหร่ก็ตามที่ ปอร์โต้ คว้าแชมป์ จะมีที่เดียวที่มีการรวมตัวกันครั้งใหญ่ในเมือง นั่นก็คือ อเวนิด้า โดส อาลิอาโดส ในย่านใจกลางเมือง
นั่นที่ที่แฟนบอลของสโมสรรวมตัวเพื่อเฝ้ารอนักเตะและทีมโค้ช เพื่อร่วมฉลองแชมป์ไปด้วยกัน และในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาก็ไม่ต่างกัน หลังทีมยักษ์ใหญ่ตอนเหนือของโปรตุเกสคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 30 ไปครอง
ทว่าขณะเดียวกัน หนึ่งในนักเตะที่แจ้งเกิดเต็มตัวอย่าง ฟาบิโอ วิเอร่า กลับกลัวว่าจะไม่ได้ร่วมฉลองกับเพื่อนๆในงานสำคัญ เนื่องจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจดจำเขาไม่ได้ และขอให้เขาระบุตัวตนด้วย
แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่กองกลางวัย 22 ปี ไม่อยากจะเชื่อ เพราะเขาเพิ่งมีส่วนพาทีมคว้าแชมป์ลีก พร้อมทำไป 6 ประตูกับ 14 แอสซิสต์ แต่กลับถูกหยุดระหว่างทางเข้างานฉลองซะอย่างนั้น
“คุณครับ นั่นผมเอง” เจ้าตัวยืนยันพร้อมรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า ก่อนที่สื่อของสโมสรจะเข้ามาช่วยยืนยันอีกแรงด้วยการตะโกนบอกว่า “เขาเป็นผู้เล่น เขาเป็นนักเตะ”
เหตุการณ์นี้คือสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า วิเอร่า เผชิญกับเรื่องราวต่างๆรวดเร็วแค่ไหน รวมถึงการย้ายไป อาร์เซน่อลของเขาในเวลาต่อมาด้วย เพียงแต่การย้ายทีมครั้งนี้จะส่งผลดีต่อเขาและต้นสังกัดใหม่ได้อย่างไรบ้าง?
กองกลางจอมเทคนิค
ลูกหม้อ ปอร์โต้ รายนี้ ประเดิมชุดใหญ่ของทีมในช่วงฤดูกาล 2019-20 ซึ่งเล่นเพียง 8 นัด ก่อนได้โอกาสมากขึ้นในปีต่อมา (29) แต่ในซีซั่นล่าสุดที่ผ่านมา คือช่วงเวลาที่เขาลงเล่นให้สโมสรแบบสม่ำเสมอ กับการลงเล่นถึง 39 นัดในทุกรายการ
แม้อาจไม่ได้การันตีตัวจริงในทุกๆนัด หรือแม้กระทั่งไม่สามารถทำให้หลายคนในเมืองจดจำใบหน้าเขาได้ แต่มันก็เพียงพอทำให้ อาร์เซน่อล ยอมควักเงินกว่า 40 ล้านยูโร เพื่อกระชากตัวกองกลางดาวโรจน์มาร่วมทีม
“นักเตะแบบฟาบิโอ คุ้มกับเงินก้อนโตอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าคุณได้โอกาสคว้าเขา ก่อนที่โด่งดังขึ้นมา ทำไมจะไม่ทำล่ะ? นั่นเป็นการทำธุรกิจที่ฉลาดเลย” มานูเอล ทูลิป้า อดีตโค้ชเยาวชนของ ปอร์โต้ กล่าวกับ BBC Sport
“เขาเป็นกองกลางประเภทที่คอยสร้างสรรค์ พร้อมกับวิธีแก้ปัญหาเมื่อคุณกำลังเจองานยากในเกม เขาสามารถเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวเขา และคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นั่นเป็นความฝันสำหรับผู้จัดการทีมและเป็นนักฟุตบอลที่สโมสรต่างๆ ตามหาอยู่เสมอ”
ด้วยลีลาเท้าซ้ายที่ดูมีระดับ ทำให้เด็กชายจาก อาร์กอนซิล ชานเมืองทางตอนใต้ของปอร์โต้ ได้รับการขนานนามว่าเป็นดั่งกบฏในสนาม เหตุมาจากวิธีการเล่นของเจ้าตัว
เขามีทั้งความมั่นใจ ไม่ว่าสถานการณ์ใด ปฏิเสธที่จะเล่นบอลง่ายๆแบบขอไปที อย่างจ่ายคืนหลัง หรือออกบอลไปด้านข้าง นั่นอาจดูเสี่ยงไปหน่อย แต่ก็บ่อยครั้งเช่นกันที่บอลจากเท้าของเขาไปจบอยู่ที่ก้นตาข่ายในท้ายที่สุด
“ฟาบิโอ มีมันสมองเหมือนคนสูงสัยที่หัวดีสุดๆไปเลย” วิตอร์ บรูโร่ ผู้ช่วยโค้ชของ ปอร์โต้ กล่าวเสริม
เรียนรู้ได้เร็วพร้อมรอโอกาสอย่างอดทน
ด้วยการที่อยู่กับ ปอร์โต้ มาตั้งแต่ 8 ขวบ ทำให้ วิเอร่า ได้เรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังมากมายในทีมนี้ แต่ถึงอย่างนั้นการไต่เต้าสู่ระดับสูงสุดก็ไม่ได้ราบรื่นเสียทีเดียว
มาร่า วิเอร่า ลูกพี่ลูกน้องของเขา ซึ่งทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนฟุตบอลในปัจจุบัน เคยย้ายมาร่วมทีมปอร์โต้พร้อมกับ ฟาบิโอ และได้โอกาสเล่นด้วยกันด้วย ซึ่งนั่นทำให้เขาได้เห็นถึงเส้นทางการผจญภัยของ กองกลางวัย 22 ปี ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“เรากำลังคุยกันถึงเรื่อง 12 ปีในการโผล่ขึ้นเล่นในทีมชุดใหญ่ และรู้ดีว่าฝันของเขาคือการเล่นให้สโมสรรักในวัยเด็ก” มาร่า ซึ่งเป็นผู้อำนวยการบริหารของ โรงเรียนสอนการวางแผนและวิธีการด้านแท็คติค กล่าว
“แม้เขาจะมีคุณภาพ แต่ก็มีช่วงเวลาที่เขาไม่ได้เล่นมากนักและโค้ชหนึ่งหรือสองคนไม่ค่อยชื่นชมเท่าไหร่”
“ยกตัวอย่างเช่น เขาไปถึงทีมชาติในระดับอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่ก็ต้องเฝ้าดูเพื่อน ๆ ของเขาถูกเรียกตัวในขณะที่เขาถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่เขาไม่เคยสงสัยในตัวเองเลย เขาเคยบอกว่าเขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว”
กองกลางหนุ่มชาวโปรตุกีส อาจใช้เวลานานกว่าที่คาดในการเปล่งประกายฉายแววเด่น เพราะในทีมชาติชุด U-18 เขาได้ลงเล่นเพียง 2 เกมเท่านั้น แต่เมื่อเขาแจ้งเกิดในเวลาต่อมา ก็ไม่เคยหันหลังกลับไปอีกเลย
ฟาบิโอ คือผู้เล่นคนสำคัญของ ปอร์โต้ ที่คว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูธ ลีก ในปี 2019 โดยเอาชนะ เชลซี ที่ในชุดนั้นมีทั้ง คอเนอร์ กัลลาเกอร์, บิลลี่ กิลมอร์ หรือ ทาริค แลมพ์ตี้ย์ จากนั้นในทัพ ฝอยทอง ชุดเล็ก ก็พาทีมไปไกลถึงรอบชิงในศึก ยูโร U-21 ในปี 2021 ก่อนคว้าอันดับ 2 หลังพ่าย เยอรมัน แต่ผลงานของเจ้าตัวก็ยอดเยี่ยมพอให้คว้านักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้นต์
ดุดันกว่าโอเดการ์ด
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ เซร์จิโอ้ คอนไซเซา กุนซือของปอร์โต้ ไม่ค่อยให้โอกาสเหล่านักเตะเยาวชนในทีมมากนัก ทำให้ วิเอร่า ต้องรอโอกาสของตัวเองอีกครั้งในการฉายแสงกับต้นสังกัด
แต่ในเวลาต่อมา เขาก็ได้โอกาสลงเล่นสม่ำเสมอมากขึ้น หลังจากที่ หลุยส์ ดิอาซ ย้ายไป ลิเวอร์พูล ในช่วงตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคม และมีส่วนในการพาทีมคว้าแชมป์ลีกมาครองในท้ายที่สุด
นั่นทำให้มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องของดาวรุ่งวัย 22 ปี ว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับสโมสร หากได้โอกาสลงเล่นในถิ่น เอสตาดิโอ โด ดราเกา ต่อไปในซีซั่นหน้า แต่สโมสรก็ยังมีปัญหาวิกฤตด้านการเงินอยู่เช่นกัน ซึ่งหมายความว่า เขาอาจย้ายทีม หากได้ค่าตัวที่เหมาะสม และสุดท้ายก็เป็น อาร์เซน่อล ก็ซุ่มปิดดีลแบบเงียบๆ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ด้วยความสามารถที่หลากหลาย มาพร้อมกับการจ่ายบอลตัดหลังแนวรับที่เด็ดขาด ทำให้ ‘ปืนใหญ่’ สามารถใช้ประโยชน์จากเขาได้หลากหลายทาง
แข้งชาวโปรตุกีส สามารถลงเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนกลาง แต่หลักๆแล้วจะเล่นเป็นกองกลางตัวรุก ที่ชอบขยับไปยืนด้านขวา และมีไหวพริบในการจู่โจมพื้นที่สุดในแนวรุก
แน่นอนว่าการมาของเขา อาจทับตำแหน่งกับผู้เล่นบางคน เช่น มาร์ติน โอเดการ์ด หรือ เอมิล สมิธ-โรว์ ในบทบาทเพลย์เมกเกอร์เหมือนกัน
อีกทั้งสไตล์การเล่นที่ดูเสี่ยงไปหน่อยอย่างที่กล่าวไปข้างต้น แต่เขาก็ดูมีความดุดันมากกว่า กองกลางทีมชาตินอร์เวย์ ไม่น้อย อีกทั้งนั่นก็จะช่วยเพิ่มการแข่งขันภายในทีมให้ดุเดือดมากขึ้นด้วยเช่นกัน
“เขามีครบทุกอย่าง เขาเลี้ยงบอลได้, มีความกลมกลืน, ผ่อนจังหวะการเล่นได้, เติมเข้าในกรอบเพื่อทำประตู ผู้เล่นแบบนี้จำเป็นต้องมีอยู่ใกล้ๆเพื่อทำประตู” ทูลิป้า กล่าวเสริมอีกครั้ง
“อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่เขาจำเป็นต้องปรับปรุงคือ การกระทำตอนที่ไม่ได้ครองบอล แต่เขาก็ทำอย่างนั้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เขาเติบโตเป็นนักกีฬาที่มีส่วนร่วมมากขึ้นภายใต้การดูแลของ คอนไซเซา และพบความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างช่วงเวลาต่างๆในเกม”
การใช้ชีวิตในลอนดอนเหนือ อาจไม่ใช่เหมาะสำหรับนักเตะจากต่างแดนทุกคน แต่การปรับตัวให้เขากับถิ่นที่อยู่ใหม่ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับ ฟาบิโอ เช่นกันในสายตาลูกพี่ลูกน้องของเขา
“มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย แต่สำหรับทุกอย่างที่เขาเคยผ่านมันมาได้ ความสามารถในการอ่านและความฉลาด เขาจะสามารถก้าวข้ามสิ่งนี้ได้เช่นกัน” มาร่า กล่าวสรุป
ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ ‘ปืนใหญ่’ แล้วว่าจะดึงประสิทธิภาพของนักเตะใหม่ให้ออกมาสูงสุด หรือเข้ากับแผนการเล่น และเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆได้แค่ไหน