ดิอาซอย่าเลียนแบบ : เช็กผลงาน 4 แข้งที่หงส์คว้าจากปรีไมราลีก้า

หลังมีภาพหลุดมาให้เห็นในช่วงวันที่ผ่านมา ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็ประกาศคว้า ลุยซ์ ดิอาซ ปีกจอมพริ้วจาก ปอร์โต้ มาร่วมทีมอย่างเป็นทางการเรียบร้อยในวันที่ 30 มกราคม

ดาวเตะทีมชาติโคลอมเบีย ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่ช่วงช่วยบ้านเกิดลุยศึกโคปา อเมริกา และฟอร์มก็ยังร้อนแรงสุดในฤดูกาลนี้ ด้วยการทำไป 16 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ จาก 28 นัดในทุกรายการที่ลงเล่น จนตกเป็นข่าวอย่างหนักกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แต่ท้ายที่สุดเจ้าตัวก็เลือกย้ายมาเล่นกับ ‘หงส์แดง’ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสโมสรที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จมากกว่า

นั่นทำให้ ดิอาซ จะกลายเป็นนักเตะคนที่ 5 ในลีกสูงสุดแดนฝอยทองที่ย้ายมาค้าแข้งใน แอนฟิลด์ อย่างไรก็ตาม ผู้เล่น 4 คนก่อนหน้านี้ที่ย้ายมาคงต้องบอกว่าส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปย้อนเช็กผลงาน 4 แข้งจากปรีไมราลีก้าที่ ลิเวอร์พูล คว้ามาร่วมทีม และหวังว่า ดิอาซ จะไม่เลียนแบบพวกเขาเหล่านี้

 

ราอูล เมยเรเลส

หลัง ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ย้ายไปเล่นให้ บาร์เซโลน่า ในปี 2010 รอย ฮอดจ์สัน ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล ณ ตอนนั้นก็คว้า ราอูล เมยเรเลส จาก ปอร์โต้ มาเสริมแดนกลางด้วยค่าตัว 10.5 ล้านปอนด์

แม้ทำผลงานได้น่าประทับใจในช่วงฟุตบอลโลกปีนั้น แต่ กองกลางทีมชาติโปรตุเกส ดูมีปัญหาในการปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษไม่น้อย ทว่าทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังแต่งตั้ง เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่แทนที่ปู่รอยในเดือนมกราคมปี 2011

มิดฟิลด์แดนฝอยทอง ทำไป 5 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ จาก 33 นัดในพรีเมียร์ลีก และถึงแม้ หงส์แดง หมดลุ้นแชมป์ไปตั้งแต่ไก่โห่ ปิดซีซั่นด้วย 6 ในลีก แต่ เมยเรเลส ก็สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะ ซามีร์ นาสรี่ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของ PFA จากการโหวตของแฟนๆ

แม้ทำผลงานได้ดีกับปีแรกในทีม อย่างไรก็ตาม มีรายงานหลังจากนั้นว่า ลิเวอร์พูล ล้มเหลวในการปรับปรุงสัญญาเดิมของ เมยเรเลส ตามที่เคยตกลงกันไว้ ทำให้เจ้าตัวเลือกย้ายไป เชลซี ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ปี 2011

“ทั้งหมดที่ผมต้องพูดคือผมมีข้อตกลงที่ ลิเวอร์พูล ซึ่งมันไม่สำเร็จลุล่วง นี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ควรตำหนิ แต่นั่นเป็นสาเหตุที่แฟนลิเวอร์พูลไม่แน่ใจว่าทำไมผมถึงย้ายทีม” เมยเรเลส กล่าวหลังย้ายซบ ‘สิงห์บลูส์’

 

ชูเอา คาร์ลอส เตย์เซร่า

ด้วยชื่อเสียงจากสื่อในโปรตุเกสที่ยกให้เป็น เดโก้ คนต่อไป ทำให้ ลิเวอร์พูล ตัดสินใจควักเงินกว่า 830,000 ปอนด์ เพื่อคว้า ชูเอา คาร์ลอส เตย์เซร่า ดาวรุ่งจากทีมเยาวชนของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน มาร่วมทีมในเดือนมกราคมปี 2012

กองกลางชาวโปรตุกีส ฉายแววได้โดดเด่นกับทีมชุดเล็กของ ‘หงส์แดง’ ด้วยการคว้าแข้งยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสรชุดเยาวชนในฤดูกาล 2014-15 รวมถึงช่วงที่ย้ายไปเล่นให้ ไบรท์ตัน แบบยืมตัวในฤดูกาลเดียวกัน

ทว่าโอกาสในทีมชุดใหญ่กลับมีไม่มากนัก เมื่อได้ลงเล่นเพียง 8 นัดเท่านั้น พร้อมทำไปประตูเดียวในเกมเอฟเอ คัพ นัดรีเพลย์ที่ดวลกับ เอ็กเซเตอร์ ซิตี้ ปี 2016 ซึ่งเอาชนะไป 3-0

นั่นทำให้ เตย์เซร่า ตัดสินใจย้ายกลับไปเล่นกับบ้านเกิดให้ ปอร์โต้ ในซัมเมอร์ปี 2016 โดยที่ หงส์แดงได้เงินค่าชดเชยจากสโมสรในปรีไมร่า ลีก้า 250,000 ปอนด์

“ผมอายุ 18 ปี มันยากที่จะปฏิเสธ ลิเวอร์พูล น่ะ มันเป็นโอกาสครั้งสำคัญเลย ผมไปที่นั่นและผมไม่เสียใจหรอก” กองกลางวัย 29 ปี กล่าวกับ A Bola สื่อแดนฝอยทองในปี 2020

“ผมมีประสบการณ์ที่สุดยอด ผมได้เล่นร่วมกับนักเตะที่ยอดเยี่ยม มีหลายอย่างเกิดขึ้น ผมไม่เสียใจที่ไปเล่น ผมยังได้ลงเล่น 8 เกม และจาก 7 จากทั้งหมดก็เล่นในยุคของ คล็อปป์ ด้วย”

 

ติอาโก้ อิลอริ

ช่วงที่ ติอาโก้ อิลอริ เป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของทีมเยาวชนใน สปอร์ติ้ง ลิสบอน พร้อมได้รับความสนใจจาก โมนาโก, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, นาโปลี หรือ บาเลนเซีย ก่อนเป็น ลิเวอร์พูล ที่ใจป้ำทุ่มเงิน 7 ล้านปอนด์เพื่อดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2013

แต่กองหลังชาวโปรตุกีสที่เกิดในลอนดอน ไม่ได้โอกาสลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเลยแม้แต่เกมเดียว โดย 3 นัดที่เขามีส่วนร่วมกับ ‘หงส์แดง’ คือเกมเอฟเอ คัพในฤดูกาล 2015-16

ด้วยโอกาสอันน้อยนิด ทำให้ อิลอริ ถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมไปใช้งาน ทั้ง กรานาด้า, บอร์กโดซ์ หรือ แอสตัน วิลล่า ก่อนลาแอนฟิลด์ถาวร ด้วยการย้ายไปเล่นกับทีมในแชมเปี้ยนส์ชิพอย่าง เร้ดดิ้ง ในตลาดหน้าหนาวปี 2017 ด้วยค่าตัวเพียง 3.75 ล้านปอนด์

ปัจจุบัน อิลอริ ในวัย 28 ปี มีสัญญาอยู่กับ ลิสบอน ทีมเก่าที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมา แต่ถูกปล่อยให้ โบวิสต้า ยืมไปใช้งานในฤดูกาลนี้

 

ลาซาร์ มาร์โควิช

เงินจำนวน 75 ล้านปอนด์ที่ ลิเวอร์พูล ได้รับจากการขาย หลุยส์ ซัวเรซ ให้ บาร์เซโลน่า เมื่อซัมเมอร์ปี 2014 ทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นำเงินจำนวนมาเสริมทัพแบบจัดเต็มถึง 8 ราย โดยหนึ่งในนั้นก็คือ ลาซาร์ มาร์โควิช ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์

ปีกทีมชาติเซอร์เบีย สร้างชื่อทันทีตั้งแต่ย้ายมาเล่นในโปรตุเกสเป็นปีแรกกับ เบนฟิก้า ในฤดูกาล 2013-14 ซึ่งมีส่วนให้ ‘เหยี่ยวลิสบอน’ คว้าแชมป์ลีกแดนฝอยทอง รวมถึงบอลถ้วยในประเทศอีก 2 รายการ ไม่แปลกที่เขาจะถูกยกให้เป็นหนึ่งในดาวรุ่งอนาคตไกลของยุโรป ณ เวลานั้น

อย่างไรก็ตาม มาร์โควิช ไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่ เดอะ ค็อป คาดหวัง เมื่อยิงเพียง 3 ประตูจาก 34 นัดกับ ‘หงส์แดง’ ในฤดูกาล 2014-15

หลังจากนั้น ปีกชาวเซิร์บ กลายเป็นนักเตะที่หลายคนแทบลืมไปว่าอยู่ใน ลิเวอร์พูล เนื่องจากถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมไปใช้งาน 4 ปีติด ทั้ง เฟเนร์บาห์เช่, สปอร์ติ้ง ลิสบอน, ฮัลล์ ซิตี้ และ อันเดอร์เลทช์ ก่อนขายขาดให้กับ ฟูแล่ม ในเดือนมกราคมปี 2019

 

บทความที่เกี่ยวข้อง