ครั้งหนึ่ง ซินาน เคิร์ท์ เคยเป็นดาวรุ่งผู้อนาคตไกลในเส้นทางสายลูกหนัง แต่หลังจากที่เขาย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เคิร์ท ถูกหลายๆคนมองว่าเขาเป็นดั่งความหวังใหม่ในวงการลูกหนังเยอรมัน ในช่วงปี 2014 ที่ อินทรีเหล็ก คว้าแชมป์ พร้อมถึงขั้นถูกคาดหมายว่าจะเป็น มาร์โก รอยส์ คนต่อไป ด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันเขากลับระหกระเหินค้าแข้งในลีกเล็กๆในยุโรป ทั้งๆที่อายุเพียง 26 ปีเท่านั้น
ดังนั้น ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
ดาวรุ่งพุ่งทะยาน
สมัยค้าแข้งอยู่ ‘สิงห์หนุ่ม’ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ซินาน เคิร์ท์ โชวฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในชุดยู 16 โดยทำไป 31 ประตู และ 21 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 52 นัด และนั่นได้ทำให้เขาได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเล่นในชุด U-19 อย่างรวดเร็ว
ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้ชุดก่อน ถล่มประตูไปถึง 16 ลูกจาก 24 นัดที่ลงเล่น ก่อนจะได้ย้ายไปเล่นในลีกระดับสี่ในเยอรมันกับ กลัดบัค ทู ในวัย 18 ปี
รวมไปถึงในทัพ ‘อินทรีเหล็ก’ ชุดอายุไม่เกิน 19 ปีด้วย ไม่แปลกใจที่ยักษ์ใหญ่ในบุนเดสลีก้าอย่าง บาเยิร์น มิวนิคจะจ้อง เคิร์ท ตาเป็นมันอยู่ในขณะนั้น
หลังจากที่สองสโมสรต่อสู้กันทางกฏหมายอยู่นาน ในที่สุดเคิร์ทก็ได้ย้ายไปร่วมทีมของเป็ป กวาร์ดิโอล่า สมใจ ในเดือนสิงหาคมปี 2014 และกลายเป็นแข้งเยาวชนที่แพงที่สุดของ ‘เสือใต้’ ณ เวลานั้น
จุดเปลี่ยน
เคิร์ทมีชื่อเสียงจาการเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ในวงการฟุตบอลเมืองเบียร์แล้ว แต่ในบาเยิร์นนั่นมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไปจากเดิมพอตัว
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาหยุดพัฒนาความสามารถของตัวเอง แต่เป็นความหลงระเริงต่างหากที่แซงหน้าฝีเท้าของเขาไปไกล
มัทธีอัส ซามเมอร์ ผู้อำนวยการกีฬาของ ‘เสือใต้’ ในขณะนั้นได้อ้างว่า เคิร์ทได้พูดแนะนำกับเพื่อนร่วมทีมว่า อะไรบ้างคือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นนักเตะที่สุดยอดแบบนี้
ช่วงที่ย้ายมาบาวาเรีย เคิร์ท ทิ้งแผลใจครั้งใหญ่ให้กับ แม็กซ์ อูเบิร์ล ผู้อำนวยการกีฬาของกลัดบัค โดยเขาได้บอกหลังการย้ายทีมของเคิร์ทว่า “ผมผิดหวังในตัวซินานจริงๆ เราทั้ง 3 คน ไม่ว่าจะเป็นลูเซียง ฟาฟร์, ซินาน และ ผม ต่างคุยกับถึงเรื่องโอกาสที่เราจะให้เขาลงเล่น แต่แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ? 5 วันต่อมาเขาก็ไปเจรจากับบาเยิร์นเรียบร้อย”
ในปีแรกของ เคิร์ท กับ ‘เสือใต้’ นั้นห่างไกลจากคำว่า ‘น่าประทับใจ’ พอสมควร โดยเขาได้ลงเล่นแค่เกมเดียวเท่านั้น ซึ่งพบกับแฮร์ธ่า เบอร์รินในช่วงท้ายฤดูกาล และตอนนั้นบาเยิร์นก็คว้าแชมป์ลีกมาครองเรียบร้อยแล้ว
ซัมเมอร์ต่อมา บาเยิร์น ได้คว้า ดักลาส คอสต้า และ คิงสลี่ย์ โกมัน มาร่วมทีมนั่นทำให้โอกาสลงสนามของ เคิร์ท น้อยลงกว่าอีกเป็นเท่าตัว
ช่วงพรีซีซั่น เป็ปคอนเฟิร์มว่านักเตะดาวรุ่งในทีมจะมีส่วนร่วมอย่างแน่นอน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ซินาน เคิร์ท ที่ได้ลงเล่นในทีมชุดสำรองบ่อยครั้ง เพื่อจะได้มาพัฒนาและเพิ่มระสบการณ์กับทีมชุดใหญ่ดู และเขาถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นไปแข้งคนสำคัญของ ‘เสือใต้’ ในอนาคตด้วย
อีโก้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ด้วยทัศนคติและความคิดความอ่านของเคิร์ทที่ดูมีปัญหาชัดเจน ทำให้ทุกอย่างแย่ เขาไม่สามารถทำผลงานได้เหมือนสมัยรุ่ง ๆ ในกลัดบัคเลย ลงจนกระทั่งในเดือนมกราคมปี 2016 ทุกอย่างก็มาถึงจุดแตกหัก
ด้วยอีโก้ที่มากเกินไปและไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กุนซือเสือใต้ได้ ทำให้เคิร์ทตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ ‘หญิงชรา’ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และหวังว่าเขาจะโอกาสลงเล่นตัวจริงมากกว่าเดิม โดยมีสัญญากับทีม 3 ปี
แม้จะล้มเหลวกับทีมเมืองหลวง แต่เคิร์ทก็ได้รับการยกย่องจากสื่อท้องถิ่นหลังย้ายมาที่เบอร์ลิน โดยผู้จัดการทีมหญิงชรากล่าวยกย่องว่า เคิร์ทเป็นนักเตะหนุ่มในมีพรสวรรค์มากๆ
แต่ในถิ่น โอลิมเปียสตาดิโอน ปัญหาเดิมก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
ช่วงเวลา 3 ปีกับสโมสรเขาลงเล่นในชุดใหญ่แค่ 2 นัดเท่านั้น และใช้เวลาส่วนใหญ่ในทีมสำรองมากกว่า แต่ก็ยิงได้แค่ 3 ลูกเท่านั้นในชุดสำรอง
ทัศนคติของเคิร์ทก็ยังย่ำแย่ไม่ต่างจากเมื่อก่อน, ปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินเนื่องจากมีความเกียจคร้านในการฝึกซ้อม รวมไปถึงอาการบาดเจ็บที่รบกวนเขาตลอด สิ่งเหล่านี้ทำให้เวลาของเขากับแฮร์ธ่า เบอร์ลิน ถึงจุดสิ้นสุดลง
เขาตกต่ำถึงขั้นไปเล่นกับ ดับบริวเอสจี วัตเท่น สโมสรในลีกออสเตรีย, เอสเฟา สตาเล่น ทีมนอกลีกในเยอรมันเมื่อปี 2020 หรือ เอฟซี นิตตร้า ทีมจากลีกสโลวาเกีย รวมไปถึงเคยกลายเป็นแข้งไร้สังกัดอยู่ร่วมปีกว่า ก่อนปัจจุบันเพิ่งย้ายไปเล่นกับ คารามัน เอฟเค ทีมจากลีกดิวิชั่น 4 ของตุรกี ช่วงต้นปี 2023 ที่ผ่านมา
ทว่าก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอะไรนัก หากมองดูถึงทัศนคติและวินัยของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งไม่มีทีมไหนที่พูดได้เต็มปากว่าทำผลงานได้โดดเด่นเช่นตอนที่เล่นให้ กลัดบัค
กับนักเตะที่มากพรสวรรค์เช่น ซินาน เคิร์ท ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ปล่อยให้ความทะนงตนมาบดบังโอกาสพัฒนาขึ้นไปเป็นแข้งระดับโลกในอนาคตเช่นนี้ และคงยากจะกลับมาสู่เส้นทางที่ควรอีกครั้ง แม้อายุยังแค่ 26 ปีก็ตาม