คงไม่ผิดนัก หากจะบอกว่า เมาริซิโอ ซาร์รี่ ถือเป็นผู้จัดการทีมเบอร์ต้นๆในวงการฟุตบอลอิตาลียุคปัจจุบัน
ด้วยฝีมือและมันสมองของ กุนซือชาวอิตาเลี่ยน ถือว่าไม่เป็นสองรองใครในวงการอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นติดตาหลายคนมากที่สุดคงหนีไม่พ้นลีลาการสูบบุหรี่ของเขาที่เข้าขั้นสูบหนักเอาเรื่อง จนถึงขั้นนอนหยอดน้ำเกลือในโรงพยาบาลมาแล้ว
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่เหมือนกันว่า บุหรี่ กับกุนซือรายนี้ มักจะอยู่คู่กันและเป็นภาพจำของเหล่าแฟนบอลทั่วโลกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขาคุมนาโปลี, ตอนที่ยืนเคี้ยวสารนิโคตินอัดแท่งตอนอยู่ในอังกฤษกับเชลซี, กับ ยูเวนนตุส หรือแม้แต่ตอนคุม ลาซิโอ ในปัจจุบัน
ทาง UFA ARENA ขอพาทุกท่านไปดูวิวัฒนการการสูบบุหรี่ของ กุนซือวัย 64 ปี ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรมากมายน้อยแค่ไหนในตลอดหลายปีที่ผ่านมา
สูบแบบเสรี
ซาร์รี่มักยืนพ่นควันอยู่ข้างสนามเป็นเวลาหลายปีในช่วงเวลาที่เขาคุมทีมเอ็มโปลี และ นาโปลี
แต่เขาก็ไม่ใช่คนแรกที่ทำแบบนั้นหรอก เพราะ กุนซือเลือดอิตาเลี่ยนเหมือนกัน อย่าง จานลูก้า วิอัลลี่ และ วอลเตอร์ มาซซารี่ ก็สนุกสนานกับการสูบบุหรี่ในระหว่างการแข่งขัน เช่นเดียวกับ แซม อัลลาร์ไดซ์ และ อาร์เซน เวนเกอร์ ที่เคยสูบในม้านั่งสำรองมาแล้ว หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้หลาย 10 ปี
แบนข้างสนาม
หลังจากที่ ซาร์รี่ และกุนซือร่วมชาติได้ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างสนามในระหว่างเกมการแข่งขันมานานหลายปี ในที่สุดการกระทำเช่นนี้ก็ถูกห้ามอย่างเด็ดขาดในฟุตบอลอิตาลี
ทันทีที่ทราบข้อห้าม นาโปลีได้สร้างเขตสูบบุหรี่ให้กับ กุนซือชาวอิตาลี่ยน ในอุโมงค์ทันที แม้ว่าในอิตาลีจะห้ามสูบบุหรี่ในตึกสาธารณะ แต่นี่ไม่ได้รวมถึงข้างในอาคารของสนามแข่งขันซักหน่อย
โดนไล่ก็ไม่แคร์
กุนซือสิงห์อมควันโดนไล่ออกจากสนาม หลังไปประท้วงในเกมที่นาโปลี พบ เอซี มิลาน ในปี 2016 และทันทีที่ถูกไล่ออก ซาร์ซี่ ก็ใช้โอกาสนี้หยิบไฟแช็คขึ้นมาจุดเพื่อดูดบุหรี่และดื่มดำกลิ่นควันอยู่ข้างบนอัฒจันทร์สนามแบบไม่แคร์ใคร
หลังได้นั่งสูบบุหรี่แบบชิลๆตรงที่นั่งคนดู อัซซูร่าก็ทำประตูตีเสมอได้ในครึ่งหลังเป็น 1-1 เฉย
เหตุผลที่นั่งรถไฟ
กุนซือวัย 64 ปี เคยได้รับรายงานว่าเขาเลือกที่จะเดินทางไปเล่นเกมเยือนกับ โบโลญญ่า ที่อยู่ห่างจากเมืองเนเปิ้ลส์กว่า 500 กิโลเมตรในทางเหนือ ด้วยการนั่งรถไฟแทนที่จะนั่งเครื่องบินเหมือนคนอื่นๆที่เหลือในทีม
ในรายงานนั้นไม่ได้ระบุว่า เขากลัวการขึ้นเครื่องบินเหมือนกับ เดนนิส เบิร์กแคมป์ เป็นตอนอยู่อาร์เซน่อลแต่อย่างใด เพียงแต่การนั่งรถไฟนั่นอนุญาตให้เขาสามารถสูบบุหรี่ได้เต็มที่นั่นเอง
ไลป์ซิก(ก้า)
หลังจากได้เรียนพฤติกรรมการสูบและทราบถึงข้อเรียกร้องของนาโปลี แอร์เบ ไลป์ซิก จึงทำการสร้างห้องแยกขึ้นมา ในห้องแต่งตัวของ ‘อัซซูร่า’ เพื่อให้กุนซือเลือดเลี่ยนได้เต็มที่กับการสูบควันในสนามแห่งนี้
และมันช่วยได้มากจริงๆ เมื่อนาโปลีเอาชนะไปได้ 2-0 น่าเสียดายที่พวกเขาดันพ่ายมาก่อนในเกมแรกที่อิตาลี 3-1 ทำให้ทีมจากเยอรมันผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของยูโรป้าไปได้ ด้วยกฏประตูทีมเยือน
“เขาเป็นสิงห์อมควันตัวจริงเลย นั่นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก” อดีตกัปตันทีมนาโปลี มาเร็ก ฮัมซิก กล่าว ณ ตอนนั้น “ผมไม่เคยเห็นคนไหนสูบจัดแบบนี้มาก่อน ขอบคุณพระเจ้าที่เขายังหยุดในระหว่างเกมได้”
5 ซองต่อวัน
อดีตนายใหญ่เอ็มโปลีถูกตั้งข้อสงสัยหลังจากที่เสีย กอนซาโล่ อิกวาอิน ไป หลังดันผู้เล่นตำแหน่งปีกอย่าง ดรีส์ เมอร์เท่นส์ มาเล่นเป็นหน้าเป้าแทน แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด และทำให้ดาวเตะชาวเบลเยี่ยมผู้นี้รับรู้ถึงนิสัยการสูบของเจ้านายแบบชัดเจน
“เมื่อผมเลิกเล่น ผมไม่มีทางไปรับงานโค้ชแน่ๆ มันเคร่งเครียดเกินไป” เมอร์เท่นส์กล่าวถึงอนาคตของตัวเองเมื่อปีที่ผ่านมา
“ซาร์รี่เขาเครียดหรือไม่น่ะหรอ? ผมว่าคงเป็นแบบนั้นแหละ จัดบุหรี่ไป 5 ซองต่อวัน คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
เซ็นบุหรี่
แร็พเปอร์ชาวอิตาเลี่ยน นาสต้า ได้แต่งเพลงอุทิศให้กับ อดีตกุนซือ นาโปลี ในเดือนมีนาคมปี 2020 โดยใช้ชื่อเป็นภาษาอิตาเลี่ยนว่า “Come Maurizio Sarri” (แปลเป็นไทยว่า ‘เหมือนกับเมาริซิโอ ซาร์รี่’) ซึ่งทำให้เขาได้พบกับนายใหญ่จากนาโปลีในเวลาต่อมา
แต่ช่วงเวลาที่น่าจดจำมากที่สุดเกิดขึ้นต่อจากนั้น เมื่อศิลปินหนุ่มได้ขอให้ กุนซือสิงห์อมควัน จรดปากเขียนลายเซ็นไปที่บุหรี่ของเขาแทน
“มันเหมือนกับได้ลูกบอลที่มีลายเซ็นของมาราโดน่าเลยล่ะ” นาสต้ากล่าว
เขตสูบบุหรี่ที่เชลซี
ในตอนที่เชลซีสนใจดึงตัว อดีตนายใหญ่ นาโปลี มาร่วมทีม มีรายงานว่าสโมสรเริ่มสร้างห้องแยกขึ้นมาเพื่อให้ กุนซือชาวอิตาเลี่ยนสนุกสนานกับนิสัยการสูบของตน
เดลี่ มิร์เลอร์ เป็นสื่อเจ้าแรกที่รายงานเรื่องการสร้างห้องสูบบุหรี่สำหรับกุนซือชาวอิตาเลี่ยน แต่ดูเหมือนว่าสถานที่นั้นยังคงไม่มีให้เห็น และน่าจะไม่มีอยู่จริงด้วย
ทัศนคติแบบชาวผู้ดี
จากนั้น เดอะ ซัน สื่อจอมแฉของอังกฤษ ได้เผยข่าววงในที่มาจากปากของ โรมัน อับราโมวิช เจ้าของทีม ‘สิงห์บลูส์’ เองเลย
พวกเขารายงานว่า เสี่ยหมี่ต้องการให้ ลุงรี่ ซึมซับ ทัศนคติของชาวอังกฤษในการทำงาน ซึ่งหมายความว่าจะต้องเลิกสูบและสวมชุดสูทคุมทีมข้างสนาม อย่างไรก็ตาม เราไม่เคยเห็นเขาใส่ชุดเหล่านั้นเลยในฤดูกาล 2018-19
เคี้ยวแทนหมากฝรั่ง
ณ เกมแรกของ ซาร์รี่ในศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่ง เชลซี บุกเอาชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ได้แบบสบายๆ 3-0 แต่เขาไม่สนใจที่จะใช้วิธีหาสารนิโคตินเข้าร่างกายในแบบอื่นๆ
เขาไม่ได้แปะพลาสเตอร์ลดบุหรี่ หรือ เคี้ยวหมากฝรั่งแต่อย่างใด แต่กลับทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดด้วยการนำก้นกรองบุหรี่มาเคี้ยวให้หนำใจบริเวณข้างสนาม
แต่ว่านั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำหรอกนะ
“ถ้าผมสูบต่อ ผมคงต้องเจอปัญหาแน่ๆ” เขากล่าวไว้ในเดือนพฤศจิกายนปี 2017 หลังจากที่กล้องจับภาพได้ว่าเขานำก้นบุหรี่มาเคี้ยว ระหว่างเกมที่นาโปลีเอาชนะเอซี มิลานไปได้ 2-1
เต็มไม้เต็มมือ
หลังจากที่แฟนบอลชาวผู้ดีเห็นเขาเคี้ยวบุหรี่ให้เกมนัดเปิดสนาม ซาร์รี่ก็กลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อมีคนพบว่า กุนซือวัย 60 ปีกำซองบุหรี่แน่นในระหว่างที่พาเชลซีเอาชนะอาร์เซน่อลได้ ซึ่งเป็นเกมลีกนัดที่สองของเขาด้วย
ซึ่งในเกมดังกล่าว มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทีม ‘ปืนใหญ่’ เกือบทำประตูเพิ่มได้ แต่เจ้าตัวก็สารภาพว่าตอนนั้นคงเป็นช่วงเวลาที่เพอร์เฟคในการสูบควันเข้าปอดจริงๆ แม้จะไม่ได้ไปสูบอย่างที่พูดก็ตาม
“ในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเป็นอะไรที่เลวร้ายจริง” เขากล่าว “ผมสนุกกับเกมถึง 75 นาที แต่ไม่ใช่ 15 นาทีนั้น ซึ่งอีก 15 นาทีนั้นน่าจะนำไปสูบบุหรี่ดีกว่า ผมคิดว่านะ”
บอกว่าจะเลิก(มั้ง)
ครั้งหนึ่งในงานแถลงข่าวได้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับนิสัยการสูบของกุนซือวัย 64 ปี และเขาก็เปิดเผยว่าจะเลิกสูบอย่างเป็นทางการแล้ว อย่างน้อยก็ในระหว่างยืนคุมทีมข้างสนาม
“ผมจะสูบในเย็นนี้ ไม่ใช่ในระหว่างเกม” อดีตกุนซือสิงห์บลูอธิบาย “ผมจะหยุดมัน ซักปีหรือ 2 ปี จากนั้นผมจะเริ่มใหม่อีกครั้ง”
จากนั้นนักข่าวในงานได้ถามต่อว่า ถ้าเขารู้สึกอยากบุหรี่มากในช่วงพักครึ่ง หรือในช่วงที่เกือบโดนอาร์เซน่อลทำประตู เขาจะทำอย่างไรต่อไป
“ไม่ๆ ผมแค่อยากให้ครึ่งแรกจบลง ผมต้องการช่วงพักครึ่งเท่านั้น” เจ้าตัวกล่าวเชิงๆว่าคงเลิกขาดไม่ได้แน่ ๆ
หนักแค่ไหนก็ไม่ยอมเลิก
ซาร์รี่อาจจะอยู่คุมทีมในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์แค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น แต่ก็พาทีมคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกได้สำเร็จ ก่อนย้ายไปเริ่มต้นอาชีพกุนซือใหม่กับ ยูเวนตุส ในฤดูกาล 2019-20
แต่ช่วงที่ เขา คุม ‘เบี่ยงโคเนรี่’ เขาหายหน้าจากสนามไปช่วงหนึ่งในระหว่างปลายเดือนสิงหาคม ถึง กันยายน เมื่อต้องพักรักษาตัวจากโรคปอดบวมอยู่หลายสัปดาห์
ด้วยเหตุผลดังกล่าว กุนซือแดนมักกะโรนี ไม่ได้คุม ‘ม้าลาย’ เป็นเวลา 2 นัดในศึกกัลโซ่ เซเรีย อา นั่นก็คือเเมตช์พบปาร์ม่า และ นาโปลี โดยให้ โจวานนี่ มาร์ตุสเชลโล่ ผู้ช่วยโค้ช คุมทีมเเทนไปก่อน
ซึ่งโรคที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัวเองก็มีต้นตอมาจากการสูบบุหรี่ของเขาที่เข้าขั้นจัดมากๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและลดน้อยแต่อย่างใด เพราะในช่วงที่พักรักษาตัว เขายังถ่ายรูปคู่กับแฟนบอลพร้อมซองบุหรี่ที่กำแน่นอยู่คามือ
ด้วยใจมันรักมากๆ จะให้เลิกทันทีก็คงจะยากเกินไปสำหรับเขาจริง ๆ แม้มันอาจทำให้เขาต้องหายหน้าไปจากการคุมทีมข้างสนามกับว่าที่สโมสรใหม่ก็ตามที