ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งทางสำหรับพรีเมียร์ฤดูกาล 2021-22 แต่ก็คงจะเร็วไปที่จะตีตราว่า จาดอน ซานโช่ เป็นการเซ็นสัญญาที่ล้มเหลวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ปีกขวาชาวอังกฤษ ถือเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดสมัยที่เขาฉายแสงกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ใน บุนเดสลีก้า แต่สิ่งเหล่านั้นยังไม่แสดงให้เห็นเลยตลอด 5 เดือนในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
อีกทั้งยังเข้าๆออกๆกับการเป็น 11 ตัวจริงของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และยังไม่สามารถยิงประตูหรือแอสซิสต์ได้เลยจาก 13 นัดที่ลงเล่น จนล่าสุดไม่มีชื่อลุยทีมชาติอังกฤษในศึกคัดบอลโลกเดือนพฤศจิกายนของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียบร้อย
คงเร็วไปที่จะมองว่า ซานโช่ จะล้มเหลวกับ ‘ปีศาจแดง’ แน่นอน และในอดีตก็มีนักเตะจากลีกเมืองเบียร์หลายคนที่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งในลีกผู้ดีได้ ไม่ว่าจะเป็น ซอน เฮือง มิน, เควิน เดอ บรอยน์ หรือ อิลคาย กุนโดกัน
ทว่าในขณะเดียวกันก็มีดาวเด่นจาก บุนเดสลีก้า ไม่น้อยเช่นกันที่ไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่หลายคนคาดหวังในพรีเมียร์ลีก และนี่คือ 9 แข้งตัวอย่างที่ ซานโช่ ไม่ควรทำตามหากหวังประสบความสำเร็จในบ้านเกิดให้ได้
ไค ฮาแวร์ตซ์
“ผมไม่สนแม่งหรอกเพราะเราคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกไง” นี่เป็นคำพูดของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ตอกกลับเสียงวิจารณ์ต่างๆนาๆหลังยิงประตูชัยให้ เชลซี คว้าแชมป์ยุโรปเมื่อฤดูกาลก่อน
ประตูดังกล่าวไม่ต่างจากประตูของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ยิงใส่ บาร์เซโลน่า ซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นเรื่องเล่าตำนานของ ‘สิงห์บลูส์’ อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็สามารถพูดได้เต็มปากเช่นกันว่าเจ้าของค่าตัว 70 ล้านปอนด์ ยังไม่สามารถฉายแววเด่นได้เหมือนสมัยเล่นให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เท่าไหร่นัก
ดาวเตะชาวเยอรมัน ซัดไป 36 นัดกับ 25 ประตู จากการเล่นในบุนเดสลีก้า ก่อนที่เขาอายุครบ 21 ปี เสียอีก และมีค่าเฉลี่ยมีส่วนร่วมกับประตูทุกๆการลงเล่น 136 นาทีในฤดูกาลสุดท้ายของเขากับ ‘ห้างขายยา’
ทว่าตลอด 37 นัดในพรีเมียร์ลีก กองกลางวัย 22 ปี ทำได้เพียง 6 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ หรือมีส่วนร่วมกับประตูจากการลงเล่นทุกๆ 174 นาที
ติโม แวร์เนอร์
ครั้งหนึ่ง ติโม แวร์เนอร์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เฉียบคมที่สุดในวงการลูกหนังเยอรมัน หลังมีค่าเฉลี่ยยิง 19 ประตูต่อฤดูกาลในบุนเดสลีก้ากับตลอด 4 ปีที่ค้าแข้งกับ แอร์เบ ไลป์ซิก โดยเฉพาะในฤดูกาลสุดท้ายที่ซัดไปถึง 28 ประตูจาก 34 นัด
ทว่าตัวเลขในการทำประตูของ ดาวยิงทีมชาติเยอรมัน ตกลงอย่างน่าใจหาย เมื่อย้ายมาเล่นในอังกฤษ และเขาคงมีความมั่นใจมากกว่านี้ หากประตูที่เขาทำได้ไม่ล้ำหน้าหรือโดน VAR ริบคืนบ่อยๆในช่วง 1 ปีกว่าๆที่ผ่านมา
ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรก แวร์เนอร์ กดประตูเพียง 6 ลูกเท่านั้น และการกลับมาของ โรเมลู ลูกากู ก็ทำให้โอกาสลงสนามของเขาลดน้อยลงไปอีกในฤดูกาลนี้
ติอาโก้ อัลคันตาร่า
ติอาโก้ อัลคันตาร่า เลือกลา บาร์เซโลน่า สโมสรบ้านเกิดเพื่อโอกาสลงสนามที่มากขึ้นกับ บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2013 และเขาได้มากกว่านั้นหลายเท่ากับการค้าแข้งในเมืองเบียร์
ตลอด 7 ปีที่เยอรมัน กองกลางทีมชาติสเปน คว้าแชมป์บุนเดสลีก้ามาครอง 7 สมัยซ้อน บวกกับ เดเอฟเบ โพคาล อีก 4 สมัย พร้อมส่งท้ายแบบสวยๆด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 2019-20 ก่อนลา ‘เสือใต้’ เพื่อไปหาความท้าทายครั้งใหม่กับ ลิเวอร์พูล
แต่ มิดฟิลด์วัย 30 ปี ต้องเจอกับปีแรกที่ยากลำบากในอังกฤษ ทั้งการติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงบาดเจ็บหัวเข่าจนต้องพักยาวหลายเดือน หลังปะทะหนักกับ ริชาร์ลิสัน ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ที่เขาเป็นตัวจริงให้ ‘หงส์แดง’ ครั้งแรก
ถึงโชว์ให้เห็นถึงคลาสกองกลางระดับโลกอยู่บ้างเมื่อฟิตสมบูรณ์ แต่โดยรวม ติอาโก้ ก็ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มเด่นได้สมัยเล่นให้กับ บาเยิร์น ได้เลย แม้จะได้รับโอกาสจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่น้อยก็ตาม
นาบี เกอิต้า
ก่อนหน้า ติอาโก้ ลิเวอร์พูล ได้ลองดาวเด่นจาก บุนเดสลีก้า มาแล้ว นั่นก็คือ นาบี เกอิต้า กองกลางจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ดูเหมือนเริ่มปรับตัวเข้ากับลีกอังกฤษได้แล้วในฤดูกาลนี้ หลังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในเกมบุกไปถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5-0 ก่อนโดน ปอล ป็อกบา เข้าปะทะหนักจนเดี้ยงอีกครั้ง
ศักยภาพของ กองกลางทีมชาติกินี ไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอาการบาดเจ็บตลอด 3 ปีใน แอนฟิลด์ ทำให้เขาไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นที่สม่ำาเสมอได้เหมือนสมัยเล่นใน เยอรมัน และคงต้องลุ้นว่าถ้า เกอิต้า หายกลับมาคราวนี้ เขาจะยังเป็นคนเดิมเหมือนในเกมแดงเดือดเมื่อเดือนตุลาคมหรือเปล่า
เซบาสเตียน อัลแลร์
เซบาสเตียน อัลแลร์ กลับมาเป็นยอดกองหน้าอีกครั้ง ด้วยการซัดไป 27 ประตูจาก 39 นัด นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม อาแจ็กซ์ ในเดือนมกราคมปี 2021 รวมไปถึงกดไปแล้ว 7 ประตูจาก 4 นัดในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้
ตัวเลขเหล่านี้ดีกว่าสมัยที่เขาล่าตาข่ายกับ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ซึ่งเป็นช่วงที่เขาแจ้งเกิดเสียอีก โดยในฤดูกาล 2018-19 เขายิงไป 15 ประตูในบุนเดสลีก้า ก่อน เวสต์แฮม จะคว้าตัว หอกทีมชาติไอวอรี่โคสต์ ไปร่วมทีมด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 45 ล้านปอนด์
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่ อัลแลร์ คาดหวัง เมื่อเขายิงให้ ขุนค้อน เพียง 10 ประตูจาก 48 นัดในลีก แต่อย่างน้อยก็ฟากประตูโอเวอร์เฮดคิกสุดสวยในยุค เดวิด มอยส์ ไว้ให้แฟนๆได้จดจำอยู่บ้าง
โจลิงตัน
ไม่บ่อยที่ นิวคาสเซิล สมัยที่ ไมค์ แอชลี่ย์ เป็นเจ้าของทีมอยู่จะยอมควักเงินในกระเป๋าให้ทีมเสริมทัพในราคาหลายสิบล้านปอนด์ และหนึ่งในนั้นคือ โจลิงตัน
ดาวยิงชาวบราซิล ย้ายจาก ฮอฟเฟ่นไฮม มาร่วมทีม สาลิกาดง ด้วยค่าตัว 39 ล้านปอนด์ ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นนักเตะที่มีค่าตัวสูงสุดในสโมสรอยู่
แม้ไม่ใช่กองหน้าประเภทถล่มประตู และคอยสนับสนุนแนวรุกคนอื่นๆมากกว่า แต่การยิงเพียง 6 ประตูจาก 79 นัดในพรีเมียร์ลีกช่วง 2 ปีเศษๆ ก็ยังน้อยกว่าปีที่เขาแจ้งเกิดกับ ฮอฟเฟ่นไฮม ที่กดไป 11 ประตู จาก 33 นัด เมื่อฤดูกาล 2018-19 อยู่ดี
เฮนริค มคิตาร์ยาน
เฮนริค มคิตาร์ยาน โชว์ฟอร์มสุดปังกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ภายใต้การดูแลของ โธมัส ทูเคิ่ล โดยครองตำแหน่งแข้งทำแอสซิสต์มากที่สุดในฤดูกาล 2015-16 ที่ 15 ลูก พร้อมกดไป 11 ประตู จนคว้าแข้งบุนเดสลีก้ายอดเยี่ยงแห่งปีจาก DW สื่อในเยอรมัน
นั่นทำให้ ปีกทีมชาติอาร์เมเนีย ย้ายมาเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซัมเมอร์ปี 2016 แต่ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งของเขาออกมาได้ รวมถึง อาร์เซน เวนเกอร์ กับ อูไน เอเมรี่ ก็ไม่สามารถทำได้เช่นกันในตอนที่เขาย้ายมา อาร์เซน่อล
อย่างไรก็ตาม มคิตาร์ยาน กลับมายิงประตูและแอสซิสต์แตะเลข 2 หลักอีกครั้ง กับการเล่นให้ โรม่า ในฤดูกาลก่อน และตอนนี้ก็ต้องมาลุ้นว่า มิคกี้ จะรักษาฟอร์มเก่งกับการร่วมงานกับ มูรินโญ่ เป็นหนที่ 2 ได้หรือไม่
ชินจิ คากาวะ
ก่อนหน้า เฮนริค มคิตาร์ยาน แฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ ต้องผิดหวังกับ ชินจิ คากาวะ มาแล้ว และพวกเขาคงหวังว่า ซานโช่ จะไม่เลียนแบบฟอร์มของทั้งคู่ในอนาคต
ดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่น เป็นผู้เล่นคนสำคัญในยุคที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ พา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์บุนเดสลีก้า 2 สมัยติดต่อกัน ก่อนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ตั้งแต่ปีแรกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2012-13
แต่ฟอร์มของ ชินจัง ในอังกฤษ ก็ห่างไกลกับสมัยฉายแสงในเมืองเบียร์พอสมควร แต่ฟอร์มตกสุดๆในยุคของ เดวิด มอยส์ ก่อน ยูไนเต็ด จะขายคืนให้ ‘เสือเหลือง’ ด้วยค่าตัวที่ถูกลงกว่าครึ่ง (6.5 ล้านปอนด์) ในปี 2014