ไม่มีอะไรผิดคาดสำหรับ เรอัล มาดริด ที่ผงาดแชมป์สโมสรโลกได้ หลังเอาชนะ อัล ฮิลาล 5-3 ในนัดชิงชนะเลิศ ที่ สนาม พรินซ์ มูลาย อับเดลลาห์ สเตเดี้ยม กรุงราบัต ประเทศโมร็อกโก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
นั่นทำให้ ‘โลส บลังโกส’ คว้าแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ มาครองเป็นสมัยที่ 5 (ปี 2014, 2016, 2017, 2018 และ 2022) ถือเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากสุดในรายการนี้ และถือเป็นแชมป์สโมสรโลกสมัยที่ 8 หากนับรวมสามครั้ง (ปี 1960, 1998 และ 2002) ที่ได้ในสมัยการแข่งขันแบบเก่าภายใต้ชื่อ อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ
การที่ ‘ราชันชุดขาว’ คว้าแชมป์รายการนี้ได้อีกครั้ง ถือไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ทีมตัวแทนจากยุโรป มักถูกยกให้เป็นตัวเต็งชูถ้วยสโมสรโลกอยู่แล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทว่าบางทีมก็ไม่ได้สมหวังเหมือน เรอัล มาดริด เมื่อต้องพ่ายในรายการนี้ไปแบบสุดช็อค ทั้งจากสโมสรจากอเมริกาใต้ หรือตัวแทนจากทวีปอื่น และ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 5 ทีมจากยุโรปที่พลิกล็อคพ่ายในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2000
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจถอนตัวจากการมีส่วนร่วมในศึกเอฟเอ คัพ ฤดูกาล 1999-00 เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องไปเล่นในรายการ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ที่ฟีฟ่า เพิ่งจัดขึ้นในปี 1999 ซึ่งเป็นช่วงที่คาบเกี่ยวกับการเตะบอลถ้วยในประเทศรอบ 3
และที่่น่าซับซ้อนมากกว่านั้น คือ ‘ปีศาจแดง’ คว้าแชมป์ อินเตอร์คอนติเนนทัล มาแล้วในปีเดียวกัน และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เชื่อว่าการที่ เอฟเอ พยายามคะยั้นคะยอให้พวกเขาไปร่วมรายการของ ฟีฟ่า เนื่องจาก อังกฤษ ต้องการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2006
“เราคิดว่าเป็นสถานการณ์ที่ อังกฤษ กำลังขอเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ไม่มีใครไม่อยากเห็นพวกเขาพลาดโอกาสนี้ ผมไม่กล้าคิดถึงคำวิจารณ์ที่เราจะได้รับหากเราปฏิเสธ นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ต้องคิดเลย” เฟอร์กี้ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยูไนเต็ด ก็ฟอร์มไม่ไฉไลเท่าไหร่ เมื่อเสมอกับ เนกาซ่า สโมสรจาก เม็กซิโก 1-1, แม้เอาชนะ เซาธ์ เมลเบิร์น 2-0 แต่การถูก วาสโก เด กาม่า ที่ 2 คู่ขาแดนหน้าอย่าง เอ็ดมุนโด้ และ โรมาริโอ ถล่มไป 3-1 ทำให้ทีมกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มไป
ขณะที่ “ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ” ครั้งแรกในปี 2000 ประสบความล้มเหลวแบบไม่เป็นท่าจนต้องเลิกจัดไปเลย แต่รายการนี้ก็กลับมาอีกครั้งในปี 2005 โดยผนวกร่วมกับ อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ เป็นรายการเดียว
ส่วนอังกฤษ ก็ไม่ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2006 ที่อย่างที่พวกเขาหวังด้วย เนื่องจาก เยอรมนี ต่างหากที่ได้สิทธิ์เจ้าภาพในปีนั้นไป
เรอัล มาดริด ปี 2000
แมนฯยูไนเต็ด ไม่ใช่ทีมจากยุโรป ทีมเดียวที่ได้เข้าไปเล่นในรายการชิงแชมป์สโมสรโลกหนแรกของฟีฟ่า ซึ่งมี 8 ทีมร่วมแข่ง โดนทีมจากสเปน ถูกเชิญไปแข่งในฐานะทีมแชมป์ อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ ปี 1998 โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ก่อนที่อันดับ 1 ของทั้ง 2 กลุ่ม จะไปดวลกันในนัดชิง
ลูกทีมของ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ทำผลงานได้ดีกว่า ‘ปีศาจแดง’ ชัดเจน หลังไม่แพ้ใครในรอบแบ่งกลุ่ม พร้อมเก็บไป 7จาก 9 แต้ม โดยเอาชนะ อัล นาสเซอร์ ทีมจากซาอุดิอาระเบีย และ ราจา คาสาบลังก้า ไปได้ ทว่าการเสมอกับ โครินเธียนส์ 2-2 ทำให้ โลส บลังโก คว้าอันดับ 2 เนื่องจากลูกได้เสียน้อยกว่า ก่อนพ่ายให้ เนกาซ่า ในช่วงดวลจุดโทษชี้ขาด และคว้าอันดับ 4 ของรายการไปครอง
ก่อนจัด ฟีฟ่า คงหวังว่าจะเห็น เรอัล มาดริด เข้าไปชิงกับ แมนฯยูไนเต็ด ทว่าสุดท้ายกับเป็นทีมจากบราซิลอย่าง วาสโก ดา กาม่า และ โครินเธียนส์ ซึ่งจบลงด้วยการที่ โครินเธียส์ คว้าแชมป์ไปครอง หลังเอาชนะช่วงดวลจุดโทษ 4-3
ลิเวอร์พูล ปี 2005
หลังห่างหายไปนานกว่า 5 ปี เนื่องจากปัญหากด้านการเงิน ในที่ ฟีฟ่า ก็คืนชีพถ้วยสโมสรโลกอีกครั้งในช่วงปลายปี 2005 และตัวเต็งในตอนนั้นคงหนีไม่พ้น ลิเวอร์พูล ของ ราฟาเอล เบนิเตซ ตัวแทนจากยุโรป ที่คว้าแชมเปี้ยนส์ลีก โดยพวกเขาต้องไปดวลกับ เซา เปาโล ตัวแทนจากอเมริกาใต้ เจ้าของแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส
‘หงส์แดง’ เอาชนะ ซาปริสซ่า สโมสรจากคอสต้าริก้าไปได้ 3-0 ในรอบก่อน ขณะที่ เซา เปาโล ก็เอาชนะตัวแทนจากเอเชียอย่าง อัล อิติฮัด แบบหืดจับ 3-2 ก่อนมาดวลกันที่ โยโกฮาม่า อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม
อย่างไรก็ดี ทีมของ เอล ราฟา ต้องกลับบ้านมือเปล่า เมื่อพ่ายให้กับทีมจากบราซิล ด้วยสกอร์ 1-0 จากลูกยิงของ มิไนโร่ โดยไม่สามารถยิงผ่าน โรเจริโอ้ เชนี่ ได้เลย
บาร์เซโลน่า ปี 2006
สโมสรจากบราซิล ยังครองแชมป์สโมสรโลกของฟีฟ่า ในช่วงแรกๆของรายการนี้ เช่นเดียวกันกับปี 2006 เมื่อ อินเตอร์นาซิอองนาล ตามรอย โครินเธียนส์ และ เซา เปาโล
บาร์เซโลน่า ผ่านเข้ามาเล่นนัดชิงชนะเลิศได้ตามคาด พร้อมด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม หลังเอาชนะ คลับ อเมริกา ทีมจากเม็กซิโก 4-0 ในรอบตัดเชือก โดยในตอนนั้น บาร์ซ่า แกร่งสุดๆ เนื่องจากมีแข้งระดับโลกมากมาย ทั้ง การ์เลส ปูโยล, ราฟาเอล มาร์เกซ, เดโก้, ชาบี, ซามูเอล เอโต้ หรือ โรนัลดินโญ่ เจ้าของบัลลงดอร์ ปี 2005 ที่กำลังพีกสุดๆ
แม้ทีมของ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด จะเหนือกว่าทุกอย่าง ทั้งชื่อชั้นและคุณภาพผู้เล่น แต่ อินเตอร์นาซิอองนาล กลับเอาตัวรอดไป ก่อนที่ อเล็กซานเดร ปาโต้ ในวัย 17 ปี จะยิงประตูชัยให้ทีมจากแดนกาแฟเอาชนะไป 1-0 คว้าแชมป์ไปครอง ในสนามโยโกฮาม่า
เชลซี ปี 2012
หลังผ่านพ้นปี 2006 เป็นต้นมา สโมสรจากยุโรป ก็กลายเป็นตัวเต็งครองแชมป์สโมสรโลกเรื่อยมา ทั้ง เอซี มิลาน (2007), แมนฯยูไนเต็ด (2008), บาร์เซโลน่า, (2009, 2011), อินเตอร์ มิลาน (2010)
ในปี 2012 เชลซี เป็นตัวแทนจากยุโรป หลังผงาดชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกในปีนั้น และก็หวังตามรอบทีมจากทวีปเดียวกัน ซึ่งหากทำได้ ทีมยุโรปจะครองแชมป์รายการนี้ 6 ปีติด
ทว่าในฤดูกาล 2012-23 ทุกอย่างดำเนินไปไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เมื่อ ‘สิงห์บลูส์’ ผลงานร่วงจาก โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ผู้พาทีมคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรก ถูกปลดในเดือนพฤศจิกายน ก่อนแต่งตั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ เข้ามา
แม้ผลงานของทีมจะดีขึ้นตามลำดับ แต่ในสโมสรโลก พวกเขาก็ต้องอกหัก เมื่อพ่ายให้กับ โครินเธียนส์ ของ ตีตี้ 1-0 จากลูกโขกจ่อๆของ เปาโล เกร์เรโร่
อย่างไรก็ตาม ผ่านไปเกือบ 10 ปี เชลซี ก็สมหวังกับการเป็นแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ หนแรกเสียทีในปี 2021 หลังเอาชนะ พัลไมรัส 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ