จาก หลุยส์ ซัวเรซ และ รุด ฟาน นิสเตลรอย คือคู่ขาในแดนหน้าที่ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน เคยเล่นร่วมกันมาแล้วในอาชีพค้าแข้ง ทว่าไม่มีใครรู้ใจเขาไปมากกว่า จาบูลานี่ อีกแล้ว
เชื่อว่าบรรดาคอบอลคงรู้อยู่แล้ว่า ชื่อที่เราเอ่ยถึงไม่ใช่ชื่อของอดีตเพื่อนร่วมทีม ฟอร์ลัน แต่นี่คือลูกบอลที่ใช้อย่างเป็นทางการฟุตบอลโลกปี 2010 ที่ แอฟริกาใต้ เป็นเจ้าภาพ และทำให้ อดีตดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย ยิงกระจายในเวิลด์คัพหนนั้น
ทว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน? UFA ARENA จะพาไปย้อนเรื่องราวของ ฟอร์ลัน และ จาบูลานี่ ผ่านบทความนี้กัน
บอลเจ้าปัญหา
ย้อนกลับไปในเดือนธันวาคมปี 2009 อาดิดาส แบรนด์ผลิตชุดและอุปกรณ์กีฬาระดับโลกจากเยอรมนี ได้เปิดตัวลูกบอลใหม่ที่จะใช้ในฟุตบอลโลกปี 2010 ที่ แอฟริกาใต้ โดยใช้ชื่อว่า “จาบูลานี่”
ชื่อดังกล่าวตั้งมาจากภาษา ซูลู ซึ่งมีความหมายว่า “เฉลิมฉลอง” โดยมี 12 สีในลูกบอลนั้น ซึ่งเป็นตัวแทนของ 11 ผู้เล่นในแต่ละทีม, 11 ภาษาในแอฟริกาใต้ และ 11 เผ่าในประเทศ
นอกจากนั้น สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือ ฟีฟ่า ยังเผยว่า นี่คือลูกฟุตบอลรุ่นกลมที่สุดเท่าที่เคยผลิตมาแถมยังมีความเที่ยงตรงและแม่นยำมากที่สุดเวลาลอยอยู่บนอากาศ ยึดเกาะเป็นเยี่ยมในทุกสภาพอากาศและพื้น เพราะไม่ได้ใช้วิธีการเย็บและมีมวลทั้งลูกรวมกัน 380 กรัม
มีนักฟุตบอลหลายคนเมื่อได้ลองเล่น จาบูลานี แล้วได้วิจารณ์ไปในทางไม่ดี โดยมักบอกว่าควบคุมทิศทางของลูกได้ยาก แต่ทางอาดิดาส บริษัทผู้ผลิตก็มิได้สนใจต่อเสียงวิจารณ์นี้ โดยกล่าวว่าเพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกัน
ทว่าหลังจากนั้นเหล่านักเตะที่เข้าร่วมเวิลด์คัพ ฉบับกาฬทวีป ก็เริ่มเข้าใจว่าบอลลูกนี้แปลกประหลาดและผิดปกติกว่าลูกบอลทั่วไปที่พวกเขาเคยพบมา
แข้งส่วนใหญ่ไม่ปลื้ม
“ลูกบอลแย่สุดๆ มันเหมือนกันบอลที่ซื้อมาในซูเปอร์มาร์เก็ตเลย” ฮูลิโอ เซซาร์ นายทวารทีมชาติบราซิล กล่าวหลังจากทดสอบบอลลูกนี้ในแคมป์ฝึกซ้อม
แม้แต่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน โคตรนายด่านของทีมชาติอิตาลี ที่ปกติไม่ค่อยพูดอะไรรุนแรง ก็พูดตรงๆว่าไม่ปลื้มกับ จาบูลานี่ เท่าไหร่ โดยกล่าวว่า “รูปแบบใหม่ขาดคุณภาพจริงๆ และผมเชื่อว่ามันอับอายที่ต้องใช้เล่นในรายการสำคัญแบบนี้ ที่มียอดแข้งมากมายเข้าร่วม ด้วยลูกบอลแบบนี้”
ขณะที่เหล่าผู้รักษาประตูออกมาบ่นลูกบอลใหม่ในบอลโลกปี 2010 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีแค่ผู้เล่นตำแหน่งนี้ที่ออกมาบ่นหรือรู้สึกแบบนั้นแค่กลุ่มเดียว
“มันแปลกมากๆ จู่ๆบอลก็เปลี่ยนทิศทางต่อหน้าคุณเฉยเลย มันเหมือนกับว่าไม่อยากถูกเตะ มันเหลือเชื่อ มันเหมือนมีคนนำทาง คุณเตะมันออกไปและมันก็เคลื่อนไปอีกทาง ผมว่ามันเกินไป มันแย่จริงๆ” หลุยส์ ฟาเบียโน่ อดีตกองหน้าทีมชาติ บราซิล กล่าว
นอกจากเสียงหึ่งๆ ของแตร่วูวูเซล่าแล้ว ลูกบอลลูกนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในประเด็นพูดคุยที่ใหญ่ที่สุดของฟุตบอลโลกปี 2010 อย่างรวดเร็ว ผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลกที่รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อจ่ายบอลผิดทาง หรือการเตะลูกนิ่งที่ยากจะได้ลุ้นประตูเมื่อตัดสินใจยิงออกไป
ในขณะที่นักเตะหลายคนบ่นเรื่องลูกบอลประหลาดผ่านสื่อ กลับมีนักเตะคนหนึ่งที่นำคนอื่นไปหนึ่งก้าว เนื่องจากรู้เทคนิคการยิงเจ้าจาบูลานี่ ให้ไปในทิศทางที่ต้องการ นั่นก็คือ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย
เรียนรู้ลูกบอลก่อนใคร
ในฤดูกาล 2009-10 ฟอร์ลัน โชว์ฟอร์มร้อนแรงสุดๆ ด้วยการกดไป 28 ประตูในทุกรายการให้ แอตเลติโก้ มาดริด และมุ่งมั่นการพาทัพ ‘จอมโหด’ ในบอลโลกปี 2010 หลังทีมพลาดลงเล่นรอบสุดท้ายเมื่อ 4 ปีก่อนที่เยอรมัน
ซึ่ง หอกชาวอุรุกวัย ก็รู้ทันทีว่าเจ้า จาบูลานี่ จะสร้างปัญหาและการเตรียมตัวก่อนทัวร์นาเม้นต์ระดับโลกจะเปิดฉากขึ้นในแอฟริกาใต้
“3 เดือนก่อนฟุตบอลโลกปี 2010 ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ร้องขอให้ อาดิดาส ส่งบอลจาบูลานี่ให้เขา” เซบาสเตียน อเบรอู อดีตเพื่อนร่วมทีมชาติ กล่าว
“ที่ แอตเลติโก้ มาดริด หลังจากฝึกซ้อม เขาอยู่ในสนาม ฝึกซ้อมดูการทิศทางของบอลและการยิงฟรีคิก”
กองหน้า ‘ตราหมี’ ใช้เวลาหลายเดือนในการฝึกฝนให้ตัวเองรู้จักทุกแง่ทุกมุมของ บอลเจ้าปัญหาลูกนี้ และทำมันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งเขาสามารถเตะมันออกไปได้อย่างที่ใจต้องการ
เมื่อทัวร์นาเม้นต์เริ่มต้นขึ้น แอฟริกาใต้ เสมอกับ เม็กซิโก 1-1 ในรอบแบ่งกลุ่มนัดแรก ขณะเกมอีกคู่ ฝรั่งเศส ก็เสมอกับ อุรุกวัย แบบไม่มีประตูเกิดขึ้น แต่แฟนบอลหลายคนในสนามวันนั้นก็ได้เห็นช่วงเวลาที่ ฟอร์ลัน เกือบทำประตูได้หลายหน หนึ่งในนั้นคือลูกยิงโค้งระยะ 20 หลา จน ฮูโก้ โยริส ต้องบินเซฟ
บทบาทของ ฟอร์ลัน ในทัพ จอมโหด เวลานั้น จะถอยลงมายืนต่ำกว่า หลุยส์ ซัวเรซ และ เอดินสัน คาวานี่ ซึ่งเขาก็ยกระดับตัวเองไปอีกขั้นในเกมถล่ม เจ้าภาพ 3-0 ในนัดที่ 2 ของรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อก้มหน้าซัดบอลจากระยะ 35 หลา หลังเห็นกองหลังคู่แข่งเปิดช่อง
ทันที ดาวเตะเบอร์ 10 ของอุรุกวัย ยิงออกไป บอลก็พุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว ก่อนบอลจะฮุคลงในเวลาต่อมา ซึ่งหมดสิทธิ์ที่ อิตูเมเลง คูเน่ นายด่านคู่แข่งจะป้องกันได้
แม้เกมต่อมา ซัวเรซ จะกลายเป็นพระเอก ยิงประตูโทนให้ อุรุกวัย เอาชนะ เม็กซิโก 1-0 รวมไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เหมา 2 พาทีมเฉือน เกาหลีใต้ 2-1 แต่ ฟอร์ลัน ก็ตกอยู่ในเงาพระรองไม่นาน
บอลลูกนี้พี่รัก
ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย อุรุกวัย ตามหลัง กาน่า 1-0 จากลูกยิงไกลสุดสวยของ ซัลลี่ มุนตารี่ ในช่วงทดเวลาของครึ่งแรก
แม้ว่าในชีวิตนี้จะไม่เคยทำประตูจากลูกฟรีคิกได้เลน ทั้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, บียาร์เรอัล หรือ แอตเลติโก้ มาดริด แต่ ฟอร์ลัน ก็ลองเสี่ยงยิงลูกนิ่งดูในนาทีที่ 55 กับบอลที่เขาเรียนรู้มานานหลายเดือน
ความเร็วของบอลทำให้เห็นมันเคลื่อนที่เปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ ผ่านมือของ ริชาร์ด คิงสัน นายด่านทีม ดาวดำ อย่างรวดเร็ว และจบลงด้วยบอลไปชนก้นตาข่าย กลายเป็นประตูตีเสมอของ อุรุกวัย
หลังจากนั้นเกมเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ และก็เกิดดราม่าของ ซัวเรซ ที่ทำลายหัวใจของแฟนบอลกาน่าทั่วประเทศด้วยจงใจแฮนด์บอล ก่อนที่ กียาน อซาโมอาห์ จะยิงไม่ได้ และสุดท้ายเป็นทัพ จอมโหด ที่ชนะช่วงดวลจุดโทษชี้ขาด ส่งผลให้พวกเขาเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1970
ในรอบตัดเชือก ‘ฟอร์ลัน’ ได้เจอกับคู่แข่งที่เชี่ยวชาญ จาบูลานี่ ไม่แพ้กัน เมื่อ โจวานนี่ ฟาน บรองก์ฮอร์สต์ กดประตูสุดสวยให้ เนเธอร์แลนด์ ขึ้นนำไปก่อนในสนาม เคปทาวน์ สเตเดี้ยม
ทว่า อดีตหอก ‘ปีศาจแดง’ ก็แสดงให้เห็นว่าเขาคือแฟนพันธุ์แท้ของลูกบอลเจ้าปัญหาตัวจริง เมื่อกดด้วยซ้ายเท้าข้างไม่ถนัด ก่อนที่บอลจะลอยโค้งเข้าไป หลังโดนแค่ปลายนิ้วของ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก
แม้ฟอร์มส่วนตัวของ ฟอร์ลัน จะยอดเยี่ยมสุดๆ แต่ฝันเข้าชิงบอลโลกก็จบลง หลัง ‘อัศวินสีส้ม’ ได้ประตูนำห่างอีก 2 ลูกจาก เวสลี่ย์ ชไนเดอร์ และ อาร์เยน ร็อบเบน ทำให้พวกเขาต้องไปลุ้นคว้าอันดับ 3 ของรายการแทน
เคล็ดลับที่ซ่อนไว้
การชิงที่ 3 คือสิ่งที่ชาติต่างๆไม่ต้องการ เพราะมันเป็นอันดับที่ไม่มีความหมายนัก และขณะที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ของ อุรุกวัย ต้องการกลับบ้านแล้ว ฟอร์ลัน ก็ยังแสดงให้เห็นว่า นี่อาจเป็นลูกบอลที่เกิดมาเพื่อเขาจริงๆ
หลังจากประตูของ โธมัส มุลเลอร์ ดาวรุ่งจาก เยอรมนี และ คาวานี่ ทำให้เกมเสมอกัน 1-1 ในครึ่งแรก ฟอร์ลัน ก็ยิงประตูให้ อุรุกวัย ขึ้นนำด้วยการฮาล์ฟวอลเลย์ระยะ 18 หลา จนบอลเด้งพื้นเข้าประตูไปแบบที่ ฮันส์ ยอร์ก บุตต์ ได้แต่ยืนขาตาย
หลังจากนั้นผู้คนเริ่มเชื่อแล้วว่า ฟอร์ลัน มีสูตรโกงในการยิงบอลลูกสุดบอลหวิวนี้ ให้ไปในทิศทางที่ต้องการ หรือมีบางคนแอบบังคับลูกบอลอยู่ แต่ในเวลาต่อมา อดีตหอกวัย 43 ปี ก็เผยเคล็ดลับของเขาในบอลโลกที่ แอฟริกาใต้
“ไม่มีเรื่องลึกลับอะไรหรอก ก็แค่ฝึกซ้อมเยอะ ฝึกเข้าไปเยอะ และซ้อมไปเยอะๆอีกครั้ง” เขากล่าวผ่าน Between the Lines ช่องในยูทูป
“ผมโชคดีเช่นกัน และมัน(จาบูลานี่) ก็ทำตัวดีมากๆเลยในตอนนั้น และผมก็เข้ากันได้ดีสุดๆไปเลย”
ท้ายที่สุด ทัพ ‘อินทรีเหล็ก’ เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-2 แต่ประตูดังกล่าวกลายเป็นลูกยิงยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ และส่งให้ ฟอร์ลัน คว้ารางวัลโกลเด้น บอล หรือนักเตะยอดเยี่ยมของรายการไปครองอย่างไร้ข้อกังขา โดยซัดไป 5 ประตู เท่ากับ มุลเลอร์, ชไนเดอร์ และ ดาบิด บีย่า
หลังจากถูกมองว่าล้มเหลวสุดๆช่วงที่ค้าแข้งในอังกฤษ ฟอร์ลัน ก็สลัดชื่อเสียงแย่ๆของเขากับ ยูไนเต็ด ทิ้งได้สำเร็จ และกลายเป็นดาวเด่นในทัวร์นาเม้นต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอล
แต่ถึงกระนั้น ฟอร์ลัน ก็คงตระหนักดีว่าเรื่องนี้อาจเป็นไปไม่ได้หากไม่มีคู่หูที่รู้ใจเขาเกินใครอย่าง จาบูลานี่ ลูกบอลเจ้าปัญหาเช่นกัน