จาก ลูกากู ถึง วินิซิอุส! การเหยียดผิวกับความยุติธรรมที่หายไป

วินิซิอุส

กรณีการเหยียดผิวใส่ วินิซิอุส จูเนียร์ แนวรุกตัวเก่ง เรอัล มาดริด กลายเป็นประเด็นที่พูดถึงเป็นวงกว้างถึงความยุติธรรมของการตัดสิน และปัญหาเหยียดผิวที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความพยายามต่อต้านมามากมายแล้วก็ตาม โดยนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่สตาร์แซมบ้า โดนกระทำแบบนี้ และไม่ใช่คนเดียวที่เจอเหตุการณ์แบบเดียวกันในปีนี้

วันนี้ UFAARENA จะพาไปเจาะลึกบทเรียนการเหยียดผิว ที่มาที่ไป และความพยายามของโลกฟุตบอลที่ต่อต้านเรื่องเหล่านี้

 

โดนหนักทั้งคู่

From Mbappe to Vinicius Jr: Football world supports Lukaku after racist abuse | FootballTransfers.com

ปี 2023 ที่ทั้งโลกตระหนักรู้ในเรื่องของการเหยียดผิวกันอย่างมาก แต่ในวงการฟุตบอลเรื่องราวเหล่านี้ก็ยังมีอยู่ แม้จะมีการรณรงค์กันอย่างหนัก นับแค่ในฤดูกาลปัจจุบันก็มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหนักๆ 2 กรณีที่เห็นได้ชัดคือเคสของ โรเมลู ลูกากู กองหน้าจากอินเตอร์ มิลาน ที่โดนแฟนบอล ยูเวนตุส เหยียดผิวระหว่างเกมโคปปา อิตาเลีย รอบรองชนะเลิศนัดแรก และ วินิซิอุส จูเนียร์ แนวรุกจากเรอัล มาดริด ที่โดนเหยียดไปถึง 8 ครั้งในฤดูกาลนี้

ความเหมือนที่นักเตะทั้งสองรายต้องเจอ นอกจากการเหยียดผิวจากแฟนบอลแล้ว คือการที่กรรมการในสนามตัดสินใจลงโทษพวกเขาแทนที่จะเป็นการตักเตือนแฟนบอล โดย ลูกากู โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดง เนื่องจากไปฉลองประตูต่อหน้าแฟนบอล ทำให้ถูกมองว่าเป็นการยั่วยุ ส่วน วินิซิอุส ก็เพิ่งโดนใบแดงจากจังหวะชุลมุนที่มีการปะทะกันของนักเตะในสนาม ซึ่งเป็นเหตุบานปลายมาจากการเหยียดผิวของแฟนบอล แต่ผู้ตัดสินดันมองแค่จังหวะที่เจ้าตัวตอบโต้การโดนผู้เล่นบาเลนเซียล็อคคอ

Vinicius come Lukaku, anche la Liga spagnola toglie la squalifica al calciatore vittima di razzismo - Il Fatto Quotidiano

สำหรับแข้งชาวบราซิเลี่ยน เจอเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่ต้นฤดูกาล โดยนับจากเหตุการณ์เหยียดผิวที่เกิดขึ้นในลา ลีกาที่เกิดขึ้น 12 ครั้งนับเป็นเหตุที่เกิดกับดาวเตะราชันชุดขาวไปถึง 8 ครั้ง และแทบจะไม่เคยได้รับการปกป้องจากสมาคมฟุตบอลสเปน เลย จนกระทั่งมาเกิดกรณีล่าสุดในเกมกับ บาเลนเซีย

 

ความเมินเฉยของลีก

Vinicius Jr racist abuse: Valencia to appeal against five-game stand closure as Real Madrid player has red card overturned | World News | Sky News

ถ้าจะพูดให้ยุติธรรมกับลีกสเปน ก็มีการดำเนินการเกี่ยวการเหยียดผิวตามกระบวนการเมื่อมีการส่งเรื่องเข้าไป แต่กว่าจะดำเนินการได้ก็ช้าเหลือเกิน และอัตราการหาตัวคนผิดมาลงโทษก็ต่ำเตี่ยเลี่ยดิน จริงอยู่ที่มีบทลงโทษกับทางสโมสรแต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการอย่างจริงจังอะไร

อย่างกรณีล่าสุดที่ วินิซิอุส โดนแฟนบอล บาเลนเซีย เหยียดผิวก็เพิ่งจะมีการเดินเรื่องกันอย่างจริงจัง โดยทางลีกแดนกระทิงดุก็มีการแบนเจ้าหน้าที่ VAR ทั้ง 6 คน พร้อมยกเลิกใบแดงให้เจ้าตัว รวมถึงแบนแฟนบอล “ค้างคาว” ไปจนถึงซีซั่นหน้า ขณะที่สโมสรบาเลนเซีย ก็จับคนกระทำผิดมาได้ และแบนตลอดชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อย

เมื่อเทียบกับในพรีเมียร์ลีก เมื่อมีการเหยียดผิวเกิดขึ้นในวันต่อมาก็จะสามารถระบุตัวคนผิดได้และทำการลงโทษทันที ส่วนกับ ลา ลีกา ก็พอจะมีเคสอยู่บ้างอย่างในกรณีของ อินากี้ วิลเลี่ยมส์ แต่ก็ใช้เวลาถึง 3 ปีกว่าจะหาคนผิดมาลงโทษได้

 

การเหยียดถูกมองเป็นเรื่องธรรมดา

Atletico Madrid fans publicly HANG an effigy of Vinicius Jr off a bridge on the eve of their derby | Daily Mail Online

ความเมินเฉยของกระบวนการยุติธรรมล้วนมีที่มาจากทัศนคติของคนในประเทศที่มองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา หรือเป็นเพียงแค่การแซวขำๆ กันเท่านั้น ตัวอย่างเช่นในอิตาลี ตอนที่ ลูกากู เพิ่งย้ายมาอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน และโดนเหยียดผิว แทนที่แฟนบอลจะออกมาปกป้อง แต่พวกเขากลับออกแถลงการณ์ว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นส่วนนึงของวัฒนธรรมการเชียร์ พร้อมขอให้ตัวนักเตะทำใจยอมรับมัน

ส่วนในสเปน จากเรื่องของ วินิซิอุส ที่เพิ่งโดนไป เสียงก็แตกออกเป็นสองทางคือกลุ่มที่เห็นใจกับเหตุการณ์ที่เจ้าตัวต้องเจอ ส่วนอีกกลุ่มมองว่าตัวนักเตะคิดมากเกินไป และชี้ว่ามันเป็นเพียงแค่การแซวกันเท่านั้น โดยจุดนี้มันเลยทำให้มีปัญหาในกระบวนการหาตัวคนผิด ที่บ่อยครั้งถูกมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปสุดท้ายก็ถูกปัดตก และไม่ได้ดำเนินการจริงจัง

ซึ่งไม่ใช่แค่วงการฟุตบอล แต่ทั้งประเทศสเปน มีคดีที่เกี่ยวกับการเหยียดไม่ว่าจะเชื้อชาติ เพศสภาพต่างๆ ในปี 2021 เกิดขึ้นมากถึง 1,800 คดี แต่ถูกส่งฟ้องไปแค่ 192 คดีและมีเพียงแค่ 91 คดีที่ถูกตัดสินลงโทษเท่านั้น 

 

ความพยายามของวงการฟุตบอล

Real Madrid's Marcelo supports for Black Lives Matter movement with goal celebration | CNN

ความเป็นจริงในโลกฟุตบอลมีความพยายามที่จะต่อต้านการเหยียดผิวมาโดยตลอด อย่างการให้คุกเข่าก่อนเกม เพื่อแสดงออกทางสัญลักษณ์ แต่เรื่องเหล่านี้ก็ยังคงมีเรื่อยๆ จนสุดท้ายบรรดานักเตะผิวสีก็เริ่มเลิกคุกเข่ากันไปแล้ว เพราะมองว่าไม่ได้ช่วยอะไรกับการแสดงออกแบบนี้ แต่ควรดำเนินการลงโทษอย่างจริงจังมากกว่า

ในขณะที่บรรดาสโมสร ก็มีการดำเนินการหาตัวคนผิด และแบนอย่างจริงจัง รวมถึงคอยสนับสนุนนักเตะในสังกัดของตัวเอง แต่นั่นก็เป็นขอบเขตสูงสุดที่สโมสรจะทำได้แล้ว เช่นเดียวกับนักเตะและสต๊าฟโค้ชที่แสดงการสนับสนุนเสมอเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้น และพร้อมที่จะวอล์คเอาท์ หากมีนักเตะในทีมโดนเหยียดผิวทุกเมื่อ เช่นเดียวกับภาพใหญ่อย่าง ฟีฟ่า ก็ให้สิทธิในการยุติการแข่งขันเองหากมีกรณีเหยียดผิวเกิดขึ้น

Racism in football will never be a thing of the past | CNN

ทั้งหมดนี้จะเห็นได้เลยว่าโลกฟุตบอลมีความพยายาม และมาตรการออกมาเพื่อตอบโต้การกระทำที่น่ารังเกียจแบบนี้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับคนที่บังคับใช้กฎอยู่ดีไม่ว่าจะเป็นกรรมการในสนามที่มีสิทธิยกเลิกการแข่งขันได้ทุกเมื่อหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ตัวลีกเองที่มีอำนาจสูงสุดในการดำเนินคดี ไม่ว่าจะกับสโมสรที่ก่อเหตุ หรือ ตัวผู้กระทำผิด 

ถ้าหากทุกฝ่ายมีความจริงจังในเรื่องนี้ เหมือนในเยอรมัน ที่แทบไม่เหลือการเหยียดผิวแล้วในปัจจุบัน เคสสุดท้ายที่มีการพูดถึงคือในเดือนพฤษภาคม 2021 ที่ เยนส์ เลห์มันน์ โดน แฮร์ธา เบอร์ลิน ปลดออกจากบอร์ดบริหารเนื่องจาก ส่งข้อความเหยียด เดนนิส อาโอโก้ อดีตแข้งชาลเก้ผ่าน Whatsapp จะทำให้ปัญหาเหยียดผิวก็สามารถลดลงได้

โลโก้มันติดตา : 10 สปอนเซอร์เสื้อบอลสุดเด่นวงการลูกหนัง

โลโก้มันติดตา : 10 สปอนเซอร์เสื้อบอลสุดเด่นวงการลูกหนัง