สถิติค่าตัวการย้ายทีมของพรีเมียร์ลีกถูกทำลายอีกครั้งจากการที่ แจ็ค กรีลิช กองกลางจอมทัพชาวอังกฤษ เลือกย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวในระดับ 100 ล้านปอนด์ แต่นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการดันเพดานค่าตัวนักเตะขึ้นไปอีกระดับ
วันนี้ UFAARENA จะพาไปย้อนชมนักเตะที่เป็นผู้ทำลายสถิติค่าตัวประจำลีกแดนผู้ดี นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรีเมียร์ลีก กับ 10 นักเตะค่าตัวระดับสถิติพรีเมียร์ลีก
สแตน คอลลีมอร์ 8.5 ล้านปอนด์ | นอตติ้งแฮม ไป ลิเวอร์พูล
ย้อนไปในซัมเมอร์ปี 1995 เป็นปีที่พรีเมียร์ลีกมีการทำลายสถิติต่อเนื่องกันมากที่สุด เริ่มจาก แอนดี้ โคล ที่ย้ายจาก นิวคาสเซิ่ล ไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยราคา 7 ล้านปอนด์ ต่อด้วย เดนนิส เบิร์กแคมป์ ที่ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน มาสู่อาร์เซน่อล ที่ราคา 7.5 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะมาปิดท้ายที่ สแตน คอลลีมอร์ ที่ย้ายจาก นอตติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ มาอยู่กับ ลิเวอร์พูลที่ราคา 8.5 ล้านปอนด์
ซึ่งการย้ายมาในครั้งนี้เจ้าตัวก็สามารถเล่นเข้าขากับดาวรุ่งพุ่งแรงของทีมอย่าง รอบบี้ ฟาวเลอร์ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยผลงานการทำประตูไปทั้งหมด 55 ประตู ในซีซั่น 1995/96 แต่เจ้าตัวก็อยู่ได้แค่ไม่นานก็โดนแข้งรุ่นเยาว์คนใหม่อย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น ถูกดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1997 จนโดนเบียดแย่งตำแหน่ง และสุดท้ายก็โดนปล่อยไปให้กับ แอสตัน วิลล่า ในเวลาต่อมา
อลัน เชียร์เรอร์ 15 ล้านปอนด์ | แบล็คเบิร์น ไป นิวคาสเซิ่ล
นี้คือนักเตะที่ย้ายทีมด้วยค่าตัวระดับสถิติถึงสองครั้งติด ครั้งแรกเป็นการย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ไปอยู่กับ แบล็คเบิร์น ด้วยราคา 3.6 ล้านปอนด์ ก่อนที่ค่าตัวสถิติจะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 1996 ที่ดาวยิงชาวอังกฤษ ย้ายจากทัพกุหลาบเพลิงไปอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ด้วยราคา 15 ล้านปอนด์
นอกจากจะเป็นสถิติประจำพรีเมียร์ลีกแล้ว ยังเป็นสถิติโลกอีกด้วย โดยเจ้าตัวก็ได้ตอบแทนเม็ดเงินได้อย่างคุ้มค่าด้วยผลงาน 206 ประตู จาก 405 นัดรวมทุรายการ พร้อมขึ้นแท่นจนกลายเป็นตำนานของสโมสรไป ก่อนจะแขวนสตั๊ดกับทัพสาลิกาดงไปในปี 2006
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 18 ล้านปอนด์ | เวสต์แฮม ไป ลีดส์
นอกจากจะเป็นสถิติสูงสุดของเกาะอังกฤษแล้ว ยังนับเป็นกองหลังที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ณ เวลานั้นอีกด้วย จากการที่ เฟอร์ดินานด์ ย้ายมาอยู่กับยูงทองด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2000 โดยนับเป็นการลงทุนแสนคุ้มค่าเมื่อเขาเป็นส่วนสำคัญพาทีมไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศศึกยููฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนที่จะได้รับปลอกแขนกัปตันทีมในปีถัดมา
รุด ฟาน นิสเตอรอย 19 ล้านปอนด์ | พีเอสวี ไป แมนฯยู
แม้ในฤดูกาลก่อนที่หัวหอกชาวฮอลแลนด์จะย้ายมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาจะมีอาการบาดเจ็บจนแทบจะไม่ได้ลงสนามกับพีเอสวีเลย แต่สุดท้ายแล้วปีศาจแดงก็ตัดสินใจทุ่มเงิน 19 ล้านปอนด์ เพื่อไปดึงตัวเขามาสู่ทีม แต่แม้ว่าผลงานส่วนตัวของเขาจะกดไปถึง 150 ประตู จากการลงสนาม 219 นัดรวมทุกรายการ และแทบจะเป็นดาวซัลโวแทบทุกปี แต่กลับมีความสำเร็จประดับเพียงแค่ แชมป์พรีเมียร์ลีก , เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ อย่างละสมัยเท่านั้น ก่อนที่จะย้ายออกจากทีมไปในปี 2006
ฆวน เซบาสเตียน เวรอน 28.1 ล้านปอนด์ | ลาซิโอ ไป แมนฯยู
จอมทัพจากอินทรีฟ้าขาว ที่ถูกยกเป็นนักเตะอัจฉริยะก่อนที่ปีศาจแดงภายใต้การนำของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะยอมทุ่มเงินกว่า 28.1 ล้านปอนด์ เพื่อดึงเขามาสู่ทีมในปี 2001 แต่สตาร์ชาวอาร์เจนไตน์กลับทำผลงานไม่ได้ดีอย่างที่คาดหวังไว้ และแทบจะนับว่าเป็นหนึ่งในดีลล้มเหลวของป๋าเฟอร์กี้เลยทีเดียว
สุดท้ายแล้วเขาก็ได้อยู่กับทีมเพียงแค่ 2 ปีฝากผลงาน 11 ประตู กับ 11 แอสซิสต์ จาก 82 นัดรวมทุกรายการ ก่อนจะโดนปล่อยออกไปให้กับ เชลซี แต่ก็ยังเล่นไม่ออก และอยู่ได้เพียงปีเดียวก็ย้ายกลับไปกัลโช่ เซเรียอา กับอินเตอร์ มิลาน
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 29.1 ล้านปอนด์ | ลีดส์ ไป แมนฯยู
นับเป็นการทำลายสถิติครั้งที่สองของแนวรับชาวอังกฤษรายนี้ ทั้งสถิติแข้งแพงสุดในพรีเมียร์ลีก และกองหลังที่แพงที่สุดอีกด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยย้ายจาก เวสต์แฮม ไปอยู่กับลีดส์ เมื่อปี 2000 ถัดมาในปี 2002 เขาก็ทำลายสถิติอีกครั้งกับการย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 29.1 ล้านปอนด์
และสามารถตอบแทนทุกเม็ดเงินอย่างคุ้มค่าจากการช่วยทีมคว้าแชมป์ทั้ง พรีเมียร์ลีก 6 สมัย , แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย , เอฟเอคัพ 3 สมัย , ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 สมัย และ แชมป์สโมสรโลก 1 สมัย ก่อนที่จะย้ายออกจากทีมไปในปี 2014 และแขวนสตั๊ดในอีกปีถัดมา
อันเดรีย เชฟเชนโก้ 30.6ล้านปอนด์ | เอซี มิลาน ไป เชลซี
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับ เอซี มิลาน เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 1 สมัย เมื่อปี 2004 แถมยังเป็นดาวซัลโวของทีมตลอดกาลอันดับสองอีกด้วย นั่นทำให้ในปี 2006 เชลซี ก็จัดการประเคนเงินกว่า 30.6 ล้านปอนด์ เพื่อดึงเขามาสู่เวทีพรีเมียร์ลีก แต่จากที่เขาเคยยิงถึง 28 ประตู จากการลงสนาม 40 นัดในปี 2005/06 กับปีศาจแดงดำ ผลงานปีแรกของเขาในสีเสื้อสิงห์บลู กลับยิงได้แค่ 14 ประตู จากการลงสนาม 51 นัดเท่านั้น
นับเป็นการลงทุนที่ล้มเหลวสำหรับยอดทีมจากลอนดอน เพราะหลังจากนั้น 2 ปี ก็โดนปล่อยไปให้ทีมเก่าอย่าง รอสโซเนลลี่ ยืมตัว และปล่อยฟรีไปให้กับ ดีนาโม เคียฟ ทีมในบ้านเกิด สรุปแล้วฝากผลงานไว้แค่ 22 ประตู จากการลงสนาม 77 นัดรวมทุกรายการ
โรบินโญ่ 32.5 ล้านปอนด์ | เรอัล มาดริด ไป แมนฯซิตี้
เป็นหนึ่งในไม่กี่ดีลที่เชลซีโดนปาดหน้าไปในนาทีสุดท้าย หลังจากที่หอกดาวรุ่งเรอัล มาดริด ที่เป็นข่าวกับทางสิงห์บลูมาโดยตลอด อยู่ๆก็หักเลี้ยวไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งได้กลุ่มทุนจากตะวันออกกลางเข้ามาคุมทีม ซึ่งพวกเขาก็โชว์พาวด้วยการทุ่มเงินถึง 32.5 ล้านปอนด์ ปาดแย่งแนวรุกรายนี้ไปสู่ทีม
แต่ผลงานของเขากลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เมื่อได้โอกาสลงสนามไป 53 นัด ยิงได้แค่ 16 ประตู รวมทุกรายการ ตลอด 2 ปีที่อยู่กับทีมก่อนจะโดนปล่อยไปให้กับ ซานโตส ยืมตัวในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง 2009/10 ต่อด้วยการปล่อยไปให้กับ เอซี มิลาน ในฤดูกาล 2010/11
เฟร์นันโด ตอร์เรส 50 ล้านปอนด์ | ลิเวอร์พูล ไป เชลซี
นับเป็นดีลช็อคแฟนหงส์ที่ย้ายกันแทบจะท้ายตลาดนักเตะ หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอดกับทัพหงส์แดง ทำให้ทาง สิงห์บลู ตัดสินใจทุบเพดานค่าตัวไปถึง 50 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวเขามาอยู่กับทีม
แต่การย้ายมาที่ถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์ แม้จะมีความสำเร็จติดมือทั้งถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย , เอฟเอคัพ 1 สมัย และ ยูโรป้าลีก 1 สมัย แต่ผลงานส่วนตัวของเขากลับทำไปได่แค่ 45 ประตู จากการลงสนาม 172 นัด ในขณะที่ทาง ลิเวอร์พูล เองก็ประสบปัญหากับการหาหอกมาแทนที่เช่นกัน กับการไปดึง แอนดี้ แคร์โรล มาแทนแต่ก็ฟอร์มย่ำแย่ไม่แพ้กัน
พอล ป็อกบา 89 ล้านปอนด์ | ยูเวนตุส ไป แมนฯยู
นับเป็นดีลที่ขาดทุนยับสำหรับปีศาจแดง เนื่องจากพวกเขาปล่อยดาวเตะชาวฝรั่งเศสไปให้กับ ยูเวนตุสแบบฟรีๆในปี 2012 แต่ในปี 2016 พวกเขาต้องทุ่มเงินกว่า 89 ล้านปอนด์ เพื่อดึงเขากลับมาสู่ทีม ซึ่งการมาของเขาก็สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลไม่น้อย แต่หลังจากนั้นก็โดนวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง จากฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอรวมถึงพฤติกรรมทั้งนอกและในสนาม
จนปัจจุบันเจ้าตัวลงสนามให้กับทีมไปแล้วกว่า 206 นัด ยิง 38 ประตู 45 แอสซิสต์ แต่ก็ยังคงมีปัญหาในเรื่องของการต่อสัญญา ที่เหลืออีกถึงปี 2022 นั่นทำให้อนาคตของเขากับทีมยังคงคลุมเครือ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : จะไปท่าเดียว : 7 แข้งพรีเมียร์ลีกงัดข้อต้นสังกัดจนได้ย้ายทีม
