การมาถึงถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์ของ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ที่มาพร้อมกับอาการบาดเจ็บที่กรามจากการที่โดนโจรบุกบ้านในบาร์เซโลน่า ทำให้เขาต้องออกสตาร์ทกับทีมใหม่ด้วยการสวมหน้ากาก ซึ่งเจ้าตัวไม่ใช่คนแรกของนักเตะสิงห์บลูที่ต้องสวมหน้ากากลงสนาม
วันนี้ UFA ARENA จะพาไปจัดทัพนักเตะ 11 ตัวจริงของเชลซี ที่เจออาการบาดเจ็บบนใบหน้าจนต้องสวมหน้ากากลงสนาม ว่าจะมีใครกันบ้าง และบาดเจ็บจากอะไรบ้างในระบบ 3-5-2
ตำนานนายด่านคนสำคัญของทัพสิงห์บลู เป็นที่คุ้นตากันดีจากการใส่เฮดการ์ดเอาไว้ตลอดเวลาที่ลงสนามจนกลายเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเจ้าตัวต้องสวมหมวกจากเหตุการณ์ที่ เช็ก ไปปะทะกับ สตีเฟ่น ฮันท์ ในจังหวะที่เขาพยายามออกไปตัดบอลและหัวไปชนกับ หัวเข่าของอีกฝ่ายจนถึงขั้นกะโหลกร้าวเมื่อปี 2006 ทำให้ต้องสวมเฮดการ์ดป้องกันเอาไว้นับตั้งแต่นั้น
ส่วนไอ้เจ้าหน้ากากนี้ตามมาหลังจากนั้นในปี 2011 เมื่อจอมหนึบสิงห์บลูไปปะทะกับผู้เล่นของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส จนจมูกหักและต้องสวมหน้ากากยาวไปจนถึงศึกยูโร 2012 รอบคัดเลือก ช่วงปลายปีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บที่จมูกไม่ได้นักมาก ทำให้หลังจากนั้นเจ้าตัวสามารถถอดออกไปได้ แต่เฮดการ์ด ก็ยังคงต้องสวมไว้เมื่อเดิมจนแขวนถุงมือ
ยังอยู่ในปี 2011 แต่หนนี้เป็นทางแบ็คขวาอะไหล่ของทีมอย่าง เปาโล เฟร์เรย์ร่า ที่ไม่ได้รับโอกาสลงสนามเลยก่อนหน้านี้ จนกระทั่งในเกมช่วงบ็อกซิ่งเดย์เกมเจอกับ อริร่วมเมืองอย่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส เกมนั้นเจ้าตัวมีชื่อเป็นสำรองก่อนที่ บานิสลาฟ อิวาโนวิช แบ็คตัวจริง จะไปเจออาการบาดเจ็บเล่นงานตั้งแต่ต้นเกมจนโดนเปลี่ยนตัวออก และกลายเป็นโอกาสของแข้งชาวโปรตุเกส
อย่างไรก็ตามเกมที่ควรจะเป็นโอกาสของเขาดันต้องมาเจ็บจากการเข้าปะทะกับ แกเร็ธ เบล จนกระดูกโหนกแก้มร้าว จนต้องเข้ารับการรักษาเบื้องต้น แต่ด้วยความที่ในเวลานั้น สิงห์บลูไม่มีตัวเลือกอื่นในเกมรับแล้ว เฟเรย์ร่า จึงต้องถูกส่งลงสนามด้วยการสวหน้ากากป้องกันจุดที่ร้าว เพื่อทดแทน อิวาโนวิชที่บาดเจ็บไปก่อน แต่ก็เป็นการได้ลงสนามเพียง 3 เกมเท่านั้น เมื่อตัวจริงกลับมาดาวเตะจากแดนฝอยทองก็ต้องถอยไปนั่งม้านั่งเหมือนเดิม
อดีตปราการหลังกัปตันทีมสิงห์บลู นับเป็นนักเตะคนแรกของทีมก็ว่าได้ที่ต้องสวมหน้ากากลงเล่น ย้อนไปในฤดูกาล 2007/08 เชลซีมีคิวลงสนามเจอกับ ฟูแล่ม เจ้าตัวได้ลงสนามเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นจากการไปปะทะกับ คลินท์ เดมพ์ซีย์ จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง ก่อนที่จะถูกพิจารณาโดยแพทย์พบว่ากระดูกบริเวณโหนกแก้มร้าว
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นมีการคาดการณ์ว่าอาจต้องพักยาวถึง 6 สัปดาห์ แต่ตัวเทอร์รี่ใช้เวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดเพียงแค่ 2 วันเท่านั้นก็สามารถฟื้นตัวได้ แม้ยังต้องสวมหน้ากากเพื่อป้องกันต่อไปอีก แต่ก็สามารถกลับมาลงสนามให้กับทีมได้ต่อจากนั้นทันที แถมยังเป็นหน้ากากที่มีเอกลักษณ์ด้วยความเป็นหน้ากากใสไม่เหมือนใคร
นับว่าปี 2015 เป็นปีชงสำหรับ เคฮิลล์ เนื่องจากเขาประสบอาการบาดเจ็บที่ใบหน้าถึง 3 หนไล่มาตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นกับ บาร์เซโลน่า ที่จมูกไปบาดเจ็บเป็นแผลในจังหวะทำประตูท้ายเกม แต่นั่นยังไม่หนักมากนัก จนกระทั่งฤดูกาลเปิดฉากขึ้นมาก็มาโดนปะทะหนักในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อลติดต่อกันอีก หนนี้จมูกของแนวรับเลือดผู้ดีทนไม่ไหวอีกต่อไป ถึงกับหักเป็นสองส่วนไปเลย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็แทบไม่ต้องพักรักษาตัว เพียงแค่ต้องสวมหน้ากากลงลุยศึกต่อไปเท่านั้น
กองหลังตัวห้าวของสิงห์บลู ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศกับ เรอัล มาดริด เมื่อซีซั่น 2020/21 ที่ผ่านมาไม่นานนี้เอง จากการปะทะกับแข้งราชันชุดขาวจนกระดูกโหนกแก้มแตก หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ต้องสวมหน้ากากลงสนามให้กับทีมไปจนจบฤดูกาล และลากยาวไปจนถึงในศึกยูโร 2020 ช่วงซัมเมอร์นั้นที่ลงเล่นให้กับทีมชาติเยอรมัน ก็ยังคงสวมหน้ากากอยู่ โดยรูดิเกอร์ ให้เหตุผลว่าสวมเพื่อความปลอดภัย และรอกลับไปปรึกษากับแพทย์ที่สโมสรก่อน
ในกรณีของ อัซปลิกวยต้า ค่อนข้างคล้ายกับกรณีของ จอห์น เทอร์รี่ ที่พยายามจะเอาหัวเข้าไปสกัดจังหวะของอีกฝ่าย ซึ่งในเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในเกมกับ คริสตัล พาเลซ และเจ้าตัวพยายามจะสกัดการเล่นของ เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ แต่กลายเป็นว่าเท้าที่จะเตะบอล กลายเป็นไปเตะโดนหัวของแข้งชาวสเปนไปเต็มๆ ด้วยเหตุการณ์นั้นทำให้กระดูกโหนกแก้มของ เคฮิลล์ ไม่ใช่แค่ร้าวเหมือน เทอร์รี่ แต่แตกไปเลยทำให้เขาต้องรับการรักษาและใส่หน้ากากเพื่อป้องกัน
กองกลางชาวบราซิเลี่ยนเจออาการบาดเจ็บที่ใบหน้าเล่นงานมาจากเกมที่เสมอกับ กาลาตาซาราย บนเวที ยูฟ่า แขมเปี้ยนส์ลีก 2013/14 ที่เจ้าตัวไปปะทะเข้ากับศอกของ บูรัค ยิลมาซ นักเตะเจ้าบ้านจนจมูกหัก แต่แม้เลือดจะท่วมแต่ รามิเรส ก็ยังฝืนเล่นไปจนจบ 90 นาที ก่อนจะไปเข้ารับรักษาหลังจบเกม แต่ก็ใช้เวลาไม่นาน ดาวเตะแซมบ้าก็ไปจัดการหาหน้ากากป้องกันมาสวมพร้อมลงสนามในเกมลีกนัดต่อมาทันที แลกกับการสวมหน้ากากไปอีก 7 สัปดาห์หรือจนจบซีซั่นเลยทีเดียว
เป็นอีกครั้งที่นักเตะสิงห์บลูบาดเจ็บหนักในเกมลอนดอนดาร์บี้ กับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส หนนี้เกิดขึ้นกับกองกลางตัวรับอย่าง เนมันย่า มาติช ที่ต้องเล่นจนจบ 90 นาที และต้องเจอกับจมูกที่หักรวมถึงกระดูกโหนกแก้มร้าว จากการเข้าปะทะกับ เอริค ลาเมล่า อย่างไรก็ตามช่วงเวลาเพียงสัปดาห์เดียว แข้งชาวเซิร์บ ก็กลับมาลงสนามให้กับทีมได้ด้วยการสวมหน้ากากป้องกันเอาไว้ โดยความพิเศษของหน้ากากนี้คือเจ้าตัวใส่ชื่อลูกๆของเขาไปด้วย
ย้อนไปในเกมระหว่าง เชลซี และ สโต๊ค ซิตี้ ในเกมลีกฤดูกาล 2014/15 ผู้คนคงตื่นตากับประตูของ ชาร์ลี อดัม ที่ยิงอย่างสวยใส่สิงห์บลู แต่อีกเหตุการณ์นึง อดัมคนเดิมก็มีการไปปะทะกับ เชส์ก ฟาเบรกาส จนถึงขั้นที่แข้งชาวสเปนจมูกหัก แต่ก็ยังต้องเล่นอยู่ในสนามจนจบเกม อย่างไรก็ตามเกมนั้นจบลงด้วยชัยชนะของทาง เชลซี ส่วนตัว ฟาเบรกาส ก็ถูกส่งไปรักษา และใช้เวลาไม่นานก็กลับมาลงสนามต่อได้ทันที โดยสวมหน้ากากป้องกันเอาไว้
ในกรณีของ หัวหอกพันธุ์ดุ แตกต่างออกไป คนอื่นๆได้รับบาดเจ็บในสนามแข่ง แต่ตัว คอสต้าเจออาการบาดเจ็บที่ใบหน้าในระหว่างฝึกซ้อมที่เจ้าตัวไปปะทะกับนักเตะดาวรุ่งของทีมเวลานนั้นอย่าง ฟิกาโย่ โทโมริ ทำให้เขาต้องสวมหน้ากากเพื่อป้องกันจมูกที่หัก และนับเป็นนักเตะคนที่ 4 ของทีมในฤดูกาล 2015/16 ที่ต้องสวมหน้ากากลงสนาม จนโดนเรียกว่าเป็นทีมหน้ากากโซโร แต่เจ้าหน้ากากที่สวมก็ไม่ได้ทำให้ฟอร์มตกลงไป โดยสามารถยิงประตูได้ทันทีในเกมถัดมา
‘ซอร์เรส’ เป็นชื่อเล่นที่ ตอร์เรส ได้รับมาจาก ฆวน มาต้า เพื่อนร่วมทีม ที่ตั้งให้นับตั้งแต่เจ้าตัวต้องสวมหน้ากากลงสนาม โดยมันมาจากอาการบาดเจ็บที่ใบหน้าในช่วงเดือนมีนาคม 2013 ในเกมเลกแรกของศึกยูโรป้าลีก กับ สเตอัว บูคาเรสต์ ซึ่งเจ้าตัวทำผลงานได้ไม่ดีนักในเกมนั้น และทีมก็แพ้ไป แถมตอร์เรสยังต้องสังเวยจมูกตัวเองที่หักไปอีก แต่ในเกมเลกสองดาวยิงเลือดกระทิง ในลุคสวมหน้ากาก ก็สามารถแก้ตัวได้จากการพาทีมกลับมาชนะด้วยสกอร์ 3-1 ผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ พร้อมรับชื่อเล่นจากเพื่อนร่วมทีมที่เป็นการนำชื่อของเขาไปผสมกับตำนานหนังดังอย่าง หน้ากากโซโร กลายเป็น ซอร์เรสไป