ย้อนกลับไปในช่วงที่ นิวคาสเซิ่ล มีเจ้าของสโมสรนามว่า ‘ไมค์ แอชลี่ย์’ ทีมเต็มไปด้วยเรื่องราวยุ่งเหยิงมากมาย และหนึ่งในคือการที่มีส่วนทำให้ เควิน คีแกน ขวัญใจของแฟนๆ ต้องลาถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค แบบไม่น่าจดจำ ในปี 2008 หลังความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ ‘คิงเคฟ’ ได้ออกจาก เดอะ แม็กพายส์’ มาแล้ว เขามักจะแสดงออกอย่างหุนหันพลันแล่น ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะกับบิลลี่ เบรมเมอร์ในเกมการกุศล,การโต้ตอบเฟอร์กี้ด้วยคำพูดที่ค่อนหยาบคายผ่านโทรทัศน์, การลาออกจากเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ และเหล่า ทูน อาร์มี่ ก็เคยเห็นเขาลาออกจากทีมมาแล้วเช่นกัน
ในเดือนพฤษภาคม 1984 ‘เขามาสนามเซนส์ เจมส์ พาร์ค ด้วยเฮลิค็อปเตอร์ในสภาพเต็มยศ หลังจากคืนวันพฤหัสบดีที่มีการเตะเทสติโนเนียนแมตช์กับทีมเก่าอย่างลิเวอร์พูล ผู้ที่เคยคว้าแชมป์ยุโรปมา 4 สมัย และด้วย 28 ประตูเคียงข้างกับเทอร์รี่ แม็คเดอร์ม็อต และดาวรุ่งอย่างปีเตอร์ เบียดส์ลีย์และคริส ว็อดเดิ้ล ช่วยให้นิวคาสเซิลกลับมาสู่ลีกสูงสุดได้ ต่อจากนั้นคิงเคฟตัดสินใจแขวนสตั๊ดในวัย 33 ปี พร้อมปฏิญานว่าจะไม่รับบทบาทกุนซือในอนาคต
แต่ 8 ปีต่อมา ขวัญใจ ทูน อาร์มี่ กลับมา ‘สาลิกาดง’ อีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีม โดยมาแทนที่ ออสซี่ อาร์ดิเลส และช่วยให้นิวคาสเซิลรอดตกชั้นได้สำเร็จ แต่ภายในหนึ่งเดือนจากนั้นเขาก็เดินจากไป แต่ประธานคนใหม่ของทีม เซอร์ จอห์น ฮอลล์ ก็ลงทุนลงแรงและกล่อมให้เขาทำทีมต่อไป ซึ่งต่อมา นิวคาสเซิล กลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วย
แต่จุดสิ้นสุดนั้นก็มาจบลงในวันที่ 8 มกราคม ไม่ถึง 3 เดือนหลังจากที่นิวคาสเซิลถล่มลูกทีมของอเล็กซ์ เฟอร์กูสันไป 5-0 จู่ๆเขาก็ลาออกไป จบฤดูกาลนั้น ‘สาลิกาดง’ จบที่อันดับ 4 อลัน เชียเรอร์ที่เซ็นเข้ามาในช่วงซัมเมอร์ด้วยสถิติโลกก็ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แต่กุนซือที่ลาออกโดยมีสัญญากับทีม 10 ปีกล่าวว่า “ผมพาทีมมาไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว” แฟนบอลบนท้องถนนต่างเศร้าสร้อย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้น เฟรดดี้ เชพเพิร์ด ประธานสโมสรในขณะนั้นอธิบายว่า “เหมือนกับการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป”
…และเราก็กลับมาอีกครั้ง
คีแกน ห่างหายจากวงการลูกหนังไป 8 เดือนก่อนที่จะมาคุมทีมฟูแล่ม จากนั้นก็ทีมชาติอังกฤษ และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งในเวลาต่อมาเขาก็ลาออกจากเม้น โร้ดในเดือนมีนาคมปี 2005 หลังจากแจ้งกับประธานสโมสร วอห์น วาร์เดิ้ล ว่าตัวเขาตั้งใจที่จะเกษียณจากการเป็นกุนซือในซัมเมอร์นี้แล้ว แต่ต่อมาในช่วงปลายเดือนตุลาคมปี 2007เขายังข้องใจเรื่องการคุมทีมอยู่ และสุดแล้วตัวเขาเองก็ต้องกลืนน้ำลายอีกครั้ง หลังเจ้าของฉายา ‘ไมท์ตี้ เมาส์’ ได้เข้าไปกอบกู้นิวคาสเซิลอีกครั้งในเดือนมกราคมปี 2008
นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายในอาชีพของเขา หลังวีธีการของแซม อัลลาไดซ์ได้รับการด่าทอจากแฟนๆอีกครั้ง ซึ่งวีธีการเล่นบอลแบบทื่อๆของบิ๊กแซม ดูจะไม่เข้ากับแฟนๆที่เคยมีผู้เล่นอย่าง ติโน่ แอสปิลย่า และ มิรันดินญ่า เลย และด้วยทัศนคติของ อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล ที่จะนำฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมกลัมามาสู่เมืองที่สวยงาม ในช่วงที่มีเรื่องราวระหว่างเมืองอยู่ นิวคาสเซิลที่เป็นหน้าด่านของราชวงค์ แต่รัฐสภาเมืองซันเดอร์แลนด์ได้รับการช่วยเหลือให้ล้มการผูกขาดการค้าถ่านหินของนิวคาสเซิลได้
อย่างไรก็ตามการกลับฟื้นฟูของคิง เคฟ ดูค่อนข้างโรแมนติกพอสมควร แม้ไมค์ แอชลีย์พยายามที่คว้าตัวแฮร์รี่ เร็ดแนปป์จากพอร์ทสมัธมา ขณะที่คนอื่นๆก็มีไม่น้อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น มาร์ค ฮิวส์จากแบล็คเบิร์น,อดีตกุนซือหงส์แดง เชราร์ อุลลิเย่ร์ และดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ อดีตนักเตะและกุนซือแชมป์โลกที่พึ่งโดนปลดจากยูเวนตุส ณ ตอนนั้น หรือแม้แต่อลัน เชียเรอร์ในวัย 37 ปี ที่ไมีประสบการณ์เลยก็ได้รับการพิจารณา ก่อนจะบอกว่างานนี้ไม่ใช่งานสำหรับมือใหม่ก็ตาม
ในช่วงที่ทีมกำลังเผชิญกับปัญหาอยู่นั้น หลายคนเชื่อว่าการออกไปของอัลลาไดซ์จะช่วยทำให้ทีมดีขึ้น แต่ก็ไม่เลยเพราะทีมที่มีไนเจล เพียร์สันเป็นกุนซือขัดตาทัพโดน ‘ปีศาจแดง’ ถล่มไปอย่างหมดรูป 6-0
คีแกนกลับมาในวันพุธที่ 16 มกราคม ซึ่งได้รับการต้อนรับด้วยความแปลกใจในทุกที่ แต่ในนิวคาสเซิลนั้นเป็นเหมือนวันชัยในทวีปยุโรปเลย โดยผู้สื่อข่าวกีฬาฟุตบอลของบีบีซี เรดิโอ 5 ไมค์ อิงค์แฮม สรุปว่า “เป็นหมือนละครที่ดีเลย คนข้างในอาจจะยินดีมาก แต่คนนอกอาจจะสับสนไม่เข้าใจก้ได้” และการที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ก็พาทีมทุมสโต้ค ซิตี้ในเอฟเอ คัพไป 4-1 นั่นช่วยเพิ่มบรรยากาศด้านบวกให้ทีม
แต่ต่อมา เกมลีกนัดแรกของเขาคือการพบกับโบลตันของแกรี่ เมกสัน ซึ่งเกมนั้นจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 โดยที่ยุสซี่ ยัสเคไลเน่นไม่ได้ออกแรงเซฟเลย และหลังจากนั้นก็พบกับอาร์เซน่อลถึง 2 ครั้งในรอบสัปดาห์ซึ่ง 1 ในนั้นคือการแพ้ 2-0 ในเอฟ เอคัพ รอบ 4 เท่ากับการเข้ามาคุมทีมเป็นคำรบที่สองของคีแกนที่ดูเหมือนยอดเยี่ยมในทีแรก แต่นี่กลับกลายเป็นถูกเหน็บแนมซะได้
ขึ้นๆลงๆ
เมื่อคีแกนกลับมา เขาไม่ตกอยู่ภาพลวงกับหน้าที่การงาน ซึ่งเป็นกังวลแก่แอชลี่ย์อยู่ กุนซือคนใหม่ของเขาได้กล่าวกับสื่อว่า “มันไม่ใช่งานง่ายเลย เราไม่ได้มีขนาดทีมที่ใหญ่ขนาดนั้น” แน่นอนว่าเมื่ออัลลาไดซ์ถูกปลดออกไป เขาคาดหวังว่าจะได้รับการอนุมัติเรื่องการเงิน แต่ว่ากุนซือคนก่อนหน้านี้ได้ใช้เงินไปแล้ว 25 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เจ้าของทีมก็คงไม่อยากจะใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองอีก
นักเตะใหม่ที่ก้าวเข้ามาช่วงที่ ‘คิงเคฟ’ เริ่มคุมทีมก่อนตลาดเดือนมกราคมจะปิดคือแข้งดาวรุ่งที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ เช่น ทามาส คาดาร์ (ซึ่งสนามแค่ 18 นัดในลีกกับสัญญา 4 ปีครึ่ง), กองหน้าชาวอิตาเลี่ยน ฟาบิโอ ซัมเบรล่า (0 นัดกับสัญญา 3 ปีครึ่ง) และประตูชาวสวีดิชอย่างโอเล่ โซเดอร์เบิร์ก (0 นัดกับสัญญา 4 ปี) ขณะที่ลามีเน่ ดีอั๊ตตา ที่เซ็นฟรีเข้ามาในช่วงมีนาคมและเป็นสัญญาระยะสั้น
ณ เวลานั้นมันชัดเจนอยู่แล้วว่า ‘คิงเคฟ’ ไม่ได้ควบคุมการซื้อตัวอย่างเต็มที่ ในวันที่ 29 มกราคม จิม ไวท์มาสนามในไทสีเหลือง แอชลีย์แต่งตัวเหมือนชายวัยกลางคน และผู้อำนวยการกีฬาที่โด่งดังอย่าง เดนนิส ไวส์ พร้อมด้วยการเข้ามาของโทนี่ ฆิมิเนซ และ เจฟฟ์ เวอร์เทรี่
ฆิมิเนซ ชาวสเปนที่เกิดในบริกซ์ตันและเคยอาศัยอยู่ในไซปรัส ผู้มีตั๋วปีสุดพิเศษกับทีมเชลซี ได้กลายมาเป็นรองประธานในการจัดหาผู้เล่น เศรษฐีด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นเพื่อนกับไวส์และแอชลีย์มานมนาน และได้ตำแหน่งที่น่าตกใจในหลายธุรกิจ “ผมตกใจมากที่เขาได้รับกาไว้วางใจในการหาผู้เล่น” หนึ่งในเอเย่นต์ของเขาเคยพูดว่า “เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวฟุตบอลเลย”
แต่กับวอร์เทรี่ คงจะพูดอย่างนั้นไม่ได้ อดีตเด็กฝึกงานจากลูตันทาวน์ที่หันมาเป็นโค้ชที่มีใบอนุญาติไลเซนต์ เอ จากยูฟ่าแถมยังพูดได้ถึง 4 ภาษา ซึ่งเคยทำงานมากับรัชเดน แอนด์ ไดมอนด์, ชาร์ลตัน,เวสต์แฮม และ เรอัลมาดริด ได้กลายมาเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิคให้กับนิวคาสเซิล พูดได้อีกอย่างคือหัวหน้าฝ่ายแมวมอง
ชัดเจนอยู่แล้วว่าเวอร์เทรี่นั้นมีประสบการณ์ แต่คีแกนไม่ค่อยพอใจกับคนกลุ่มนี้เท่าไร ซึ่งตัวแอชลี่ย์เองก็ต้องการผู้จัดการทีมที่เป็นมากกว่าเฮ้ดโค้ช,ผู้นำเชียร์ และ แพะรับบาป ตำนานแข้งชาวอังกฤษไม่มีความสุขกับตัวไวส์นัก ซึ่งตอนนั้นชายอายุ 30 กว่าๆ และเคยติดทีมชาติ 21 นัด จะจะเข้ามาเป็นตัวตั้งตัวตีในการซื้อขาย สำหรับแอชลี่ย์แล้ว การใช้คิมิเนซที่พูดจาหว่านล้อมได้นุ่มนวลกับการหาเป้าหมายของ เวอร์เทรี่ ดูจะเข้าท่ามากกว่า แต่แฟนๆนิวคาสเซิล มองว่าสโมสรถูกย่ำยีและฮีโร่ของพวกเขาก็ได้รับการปฏิบัติอย่างย่ำแย่จากมาเฟียชาวคอกนี่ย์
การเข้ามาของคิงเคฟครั้งที่สองนั้นเกือบจบลงภายในเวลาไม่ถึงเดือน หลังตัวเขาเคยจะลาออกเมื่อได้ยินชื่อทีมบริหารใหม่ของสโมสร ซึ่งทำให้เขาได้รับการพูดคุยจากเจ้าของสโมสรเกี่ยวกับเรื่องนี้
แอชลีย์ดูจะเป็นคนที่เข้าใจยากสำหรับแฟนๆ ‘สาลิกาดง’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับฮีโร่อย่างคีแกน แต่เหตุผลในการมองหาผู้จัดการทีมไม่ได้จำกัดอยู่ในด้านการเงินเท่านั้น อดีตกุนซือของทีมในปี 1996 จึงขมขู่ด้วยแนวรับที่ไม่แน่นอน ทำให้ทีมคว้าตัวเดวิด เบตตี้เข้ามา
เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ต้องการคำแนะนำและตัวแอชลีย์ก็ไม่มีเจตนาที่จะลอกเลียนเซอร์ จอห์น ฮอลล์ ซึ่งเจ้าของอย่างเขาต้องเสี่ยง แต่เขาเองก็ไม่ได้เดิมพันกับเงินของตัวเองเท่าไหร่ ในแง่ของผู้จัดการทีม
อย่างไรก็ตามแม้แอชลีย์จะรู้ว่าการบังคับให้คีแกนต้องออกจากตำแหน่งอาจจะส่งผลไม่ดีกับเป้าหมายนัก และเขาก็ประทับใจในตัวอดีตแข้ง ลิเวอร์พูล ว่าโครงสร้างใหม่นี้จะช่วยให้เขามุ่งเน้นไปที่ประโยชน์ของตัวเองได้ ตำแหน่งผู้นำนั่นเอง คิงเคฟในตอนนี้เหมาะจะป็นผู้สร้างแรงบัลใดในสนามและห้องแต่งตัวมากกว่าจะมาจัดการเรื่องตัวแทนหรือคนล็อกผล
ก้าวต่อไป และ…ตกต่ำลงไป
บางทีพอจะคิดได้ว่าถ้าเขาออกทีมไปอีกครั้ง เด็กๆหลายคนจะต้องมาร่วมตัวนอกเซนต์ เจมส์ พาร์ค แน่ๆ แม้คีแกนยอมที่จะอยู่ต่อ แต่เขาก็ไม่รับการจัดการอย่างไม่เหมาะสมและไม่สามารถซื้อใครมาได้ แต่ฟุตบอลก็ต้องดำเนินต่อไปและมีดาร์บี้แมตช์รอเขาอยู่
มิดเดิลสโบรห์ได้มาเยือนถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค และ 4 นาทีเท่านั้น โบโร่ก็เสียประตูให้กับกัปตันทีมคนใหม่ของคีแกน ไมเคิล โอเว่นยิงประตูในบ้านเป็นลูกแรกนับตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม แต่ถูกไมค์ ดีนปฏิเสธไป เหตุผลก็เพราะตัวของมาร์ค ชวาร์เซอร์ถูกทำฟาวล์จนบอลกระฉอกออกมา แม้ 50 นาทีต่อมาโอเว่นจะทำประตูได้อีกครั้ง แต่เขาก็ถูกผู้ตัดสินปฏิเสธอีกเช่นเคย หลังลูกเปิดของเอมเร่นั้นออกนอกสนามไปก่อนแล้ว
แต่ในที่สุด โอเว่นก็ทำได้ นิวคาสเซิลขึ้นนำ ทำให้ คิงเคฟ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเจมส์ มิลเนอร์ มาแทนเอ็มเร่ และ มาร์ค วิดูก้า แทน อลัน สมิธ และจนแล้วจนรอดก็โดนตามตีเสมอได้ในนาทีที่ 87 และมันอาจจะแย่กว่านี้หากลูกยิงเฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์ ไม่เป็นลูกล้ำหน้าไปซะก่อน
จากเหตุการณ์นี้เกือบนำไปสู่หายนะแล้ว เมื่อโชคดูจะไม่เข้าข้างตำนานแข้ง ‘หงส์แดง’ เลย หลังจากที่เสมอกับโบโร่แล้ว ทีมของเขาแพ้ติดๆกันถึง 4 นัด โดยแพ้วิลล่า 4-1,แพ้แมนฯยูไนเต็ด 5-1, แพ้แบล็คเบิร์น 1-0 และแพ้ลิเวอร์พูล 3-0
ตั้งแต่คุมทีมมาจนถึงกลางมีนาคม 2 เดือนที่ผ่านมา ทีมของเขาไม่เคยสะกดคำว่าชัยชนะได้เลย ยิงได้แค่ 3 ลูก และเสียถึง 20 ประตู อันดับในตารางก็ร่วงลงจากอันดับที่ 11 ลงไปที่ 14 และมี 4 แต้มเหนือโซนตกชั้นเท่านั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะถูกเปรียบเทียบกับอัลลาไดซ์ในช่วง 8 เกมสุดท้าย ซึ่งชนะ 2 นัด เสมอ 3 นัด และแพ้ 3 ยิงประตูได้ 7 ลูก และเสียประตู 9 ลูก
คำถามถูกตั้งขึ้นมากับกลยุทธ์ของคีแกนและความเฉียบแหลมในการจัดการดูเหมือนจะถูกทิ้งไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้วพร้อมการพัฒนาของพรีเมียร์ลีกในยุคนี้ แต่หลังจากที่ทีมเสมอกับเบอร์มิ่งแฮมและไม่ชนะใครมา 7 เกมติดต่อกัน ‘สาลิกาดง’ ก็คว้าชัยได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเกมในบ้านกับ ฟูแล่มและเร้ดดิ้ง การถล่ม สเปอร์ส ของฮวนเด้ รามอสไปขาดลอย 4-1 และเอาชนะทีมอริอย่างซันเดอร์แลนด์ไป 2-0
การตั้งความคาดหวังใหม่
การพลิกกลับมาของทีมช่วยให้นิวคาสเซิลจบอันดับที่ 12 ในฤดูกาลนั้น หลังจากที่อันดับร่วงจนต้องปลดอัลดาไดซ์ไป นอกเหนือไปกว่านั้นทีมมีการฟื้นฟูในแง่ที่ดีขึ้น และสิ่งเหล่านี้มาจากตัวของคีแกน
ในวันที่ 5 เดือนพฤษภาคม เกมสุดท้ายในบ้านในฤดูกาลที่แสนจะวุ่นวาย นิวคาสเซิลแพ้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน แก่เชลซีที่ไล่โชเซ่ มูรินโญ่ออกไปและแทนที่ด้วยอัฟฟราม แกรนท์ แต่ ‘สิงห์บลูส์’ ก็เก็บไปได้แค่ 73 คะแนน ในสัปดาห์สุดท้ายของฤดูกาล และอดีตแข้งวัย 71 ปี ก็เฉิดหน้าได้อีกครั้ง แต่ในงานแถลงข่าวของเเขาฟังดูเหมือนชขุดหลุมฝั่งตัวหลังพูดต่อกรกับผู้บริหารที่ร่ำรวยทั้งหลาย
“ผมรู้ว่าผู้คนอาจจะผิดหวังที่ผมพุดว่าเราไม่อาจคว้าแชมป์ลีกได้ แต่ผมคงจะถูกส่งไปโรงพยาบาลประสาท ถ้าผมพูดอะไรแบบนั้น” เขาพูดต่อว่า “มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันและมีหลักฐานที่ชัดเจน ไม่ใช่จากผมเองนะ จากหลายๆคนในเกมที่มีความคิดเห็นที่น่าเคารพ…บางทีเจ้าของทีมอาจจะคิดว่าเราข้ามช่องว่างนั้นไปได้ แต่เราทำไม่ได้หรอก”
นี่ไม่ใช่สิ่งที่แอชลีย์ตอ้งการว่าจ้างเลย การขยายสัญญาของคีแกนได้มีการพูดคุยตลอดซัมเมอร์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นผลมาจากการขายตั๋วปีที่อยู่ในด้านบวก แต่ตัวของเขาเองก็ตกใจว่าทำไม ไมเคิล โอเว่นถึงไม่ได้รับการขยายสัญญาหลังจากเซ็นเขามาในทีมด้วยสัญญา 4 ปีเมื่อปี 2005
ในสัญญาก่อนหน้านี้ ค่าเหนื่อยของโอเว่นอยู่ที่ 110,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และเจ้าของสโมสรเองก็ไม่แน่ใจว่าเม็ดเงินเหล่านั้นจะคุ้มค่าหรือไม่ หลังกองหน้าร่างเล็กมีปัญหาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เจ้าตัวพลาดการลงสนามตลอดช่วงพรีซีซั่นในปี 2008
ยิ่งไปกว่านั้น นิวคาสเซิลจำเป็นต้องสร้างทีมขึ้นมาใหม่ โดยเริ่มจากจุดบอดภายในทีม แนวรับ ‘เดอะ แม็กพายส์’ เสียประตูไป 65 ลูก ซึ่งสูงกว่าทีมที่ตกชั้นอย่าง เร้ดดิ้งและดาร์บี้ ซึ่งนำแข้งใหม่อย่างฟาบริซิโอ โคลอชชินี่ และ เซบาสเตียน บาสซง มาสู่ทีม แต่เขาดูจะไม่พอใจในแนวรุกเท่าไหร่ หลังคว้าตัวโจนาส กูเตียร์เรซ ราคา 2 ล้านปอนด์ ที่ลงสนามมาแล้วกว่า 200 นัด แต่การย้ายมาของแดนนี่ กัทธรี ด้วยราคา 2.5 ล้านปอนด์จากลิเวอร์พูล คงเทียบไม่ได้กับแข้งรุ่นเก๋าอย่าง ร็อบ ลี และ พอล เบรซเวลล์
จุดสิ้นสุด
นอกเหนือไปจากการใช้จ่าย 15 ล้านปอนด์ ในส่วนการขายดูไม่ได้เยอะมากเท่า ทำให้แอชลีย์รู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นผลจึงตกมาที่เจมส์ มิลเนอร์ ผู้ขอขึ้นบัญชีย้ายทีม “ผมรู้ว่ามีข้อเสนอมากมายตลอดช่วงซัมเมอร์ และสโมสรก็ปฏิเสธมันไป การประเมินค่าของทีมที่มีต่อผมไม่ได้สะท้อนให้เห็นผมในดีลนั้นเลย” และแอสตัน วิลล่า ที่จบอันดับ 6 (และจบอันดับนั้นอีก 2 ฤดูกาลต่อมา) กระชากตัวเขาไปด้วยราคา 12 ล้านปอนด์ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม
และ กุนซือ นิวคาสเซิ่ล ก็อธิบายดีลนี้ว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย “เจมส์ได้ย้ายและเราก็ได้เงินก้อนใหญ่เข้ามา ซึ่งทำให้เราเลือกที่จะใช้เงิน ณ ตอนนี้หรือในตลาดรอบหน้า ผมอยากจะเก็บเจมส์ไว้นะ แต่ข้อเสนอที่เข้ามาก็สมเหตุสมผลเช่นกัน”
“ผมเชื่อว่าแม้จะมีข้อเท็จจริงที่แฟนๆอาจจะไม่มองว่านี่เป็นเรื่องดีนัก แต่ผมคิดว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นในสองวันหรือสามวันหลังจากนี้จะเป็นผลดีต่อสโมสรในอนาคต”
แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ภายในอาทิตย์นั้น คีแกนลาออกไป แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่เขารู้สึกว่าสโมสรหลอกเขาโดยอ้างว่าเขาจะขายมิลเนอร์เพื่อคว้าตัว บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์เข้ามาแทน ณ ตอนนั้น ฆิมิเนซได้บอกให้เขาโทรไปหาเพื่อนเก่า คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิเก้ที่บาเยิร์น และเขาก็พบว่านิวคาสเซิลเสนอซื้อตัวไปจริงๆ แต่แค่ 5 ล้านปอนด์เท่านั้น น่าขำแทนบาเยิร์นจริงๆ
ในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขาย นิวคาสเซิลกำลังยื่นข้อเสนอพิเศษสำหรับผุ้เล่นชุดใหญ่ นั่นรวมไปถึงโอเว่นและโจอี้ บาร์ตัน แม้สุดท้ายจะไม่มีใครย้ายออกไป แต่ด้วยธุรกิจที่สนแต่รายได้นำไปสู่การแยกทางของ ‘คิงเคฟ’ ซึ่งเขาก็ทิ้งรายชื่อผู้เล่นที่ต้องการไว้ให้บอร์ด 2-3 คน แต่ที่ดีที่สุดคงจะเป็นการคว้าซิสโก้จากเดปอร์ติโบ ลา กอรุนย่า ด้วยราคา 5.7 ล้านปอนด์
ในขณะเดียวกัน กองหลางชาวอุรุกวัย นาโช่ กอนซาเลซจากบาเลนเซียก็ย้ายเข้ามาในทีมด้วยสัญญายืมตัว โดยที่อดีตกุนซือ ‘สาลิกาดง’ ไม่ได้รับรู้เรื่องนี้เลย ภายหลังมีการเปิดเผยว่าข้อตกลงนี้ มาจากเอเย่นต์จากทวีปอเมริกาใต้ เพื่อให้ได้เงินจากดาวรุ่งมากพรสวรรค์รายนี้
เมื่อมีการขายนักเตะที่ดีที่สุดในทีมควบคู่กับการล้มเหลวในการคว้าตัวชไวน์สไตเกอร์ ทำให้ตัวของ ‘คิงเคฟ’ ไม่มีทางเลือกนอกจากเลือกเดินจากไป
ผลที่ตามมา
แม้จะดูเป็นเรื่องตลกที่ยาวนาน แต่ในช่วงเช้าวันจันทร์หลังจากที่ข่าวคีแกนลาออกหลุดออกไป ทางสมาคมผู้จัดการทีมฟุตบอลลีกได้ออกมาไม่ยอมรับเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว แฟนๆ ‘เดอะ แม็กพายส์’ เป็นร้อยๆคน ไปมาเรียกร้องให้แอชลีย์ และ ไวส์ ลาออกจากตำแหน่งหน้าสนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค ในขณะที่การเจรจาอย่างเข้มขันยังคงเกิดขึ้นในเบื้องหลัง ณ วันอังคาร สโมสรได้ออกมาแถลงการณ์ยืนยันว่าเขาไม่ได้ถูกไล่ออก แต่ในวันพฤหัสบดี เจ้าตัวยอมรับว่าเขาได้พยายามลาออก และครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วด้วย
“ผมไม่ทางเลือกนอกจากหนีออกมา…ผมทำงานอย่างหนักเพื่อก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกับผู้บริหาร แต่น่าเศร้าที่มันดูเป็นไปไม่ได้” เขากล่าวในงานแถลงข่าวว่า “ในความคิดของผมผู้จัดการจะต้องมีสิทธิ์ในการจัดการทีม และสโมสรไม่ควรบังคับให้กุนซือหรือผู้เล่นทำให้สิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ”
สโมสรได้ออกมาประกาศผ่านเว็บไซต์ของทีมในวันเสาร์ที่ 6 กันยายนว่า “เป็นความจริงที่เควิน คีแกนเป็นในฐานะผู้จัดการทีม เขามีหน้าที่เฉพาะด้านซึ่งรับผิดชอบในการฝึกซ้อม เลือกสรรและกระตุ้นทีม เขาได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่ต่างๆโดยไม่มีการแทรกแซง เขาทำงานกับสโมสรตั้งแต่ 16 มกราคม 2008 จนถึงวันที่เขาลาออก และก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันที่เขาตกลงที่จะไม่เปิดเผยกับสื่อต่างๆเกี่ยวกับการซื้อนักเตะในทีม”
ในช่วงพักเบรกทีมชาติ อดีตกุนซือ ‘สาลิกาดง’ ได้นั่งดูทีมชาติอังกฤษในนัดคว้าตั๋วไปบอลโลกปี 2010 กับอันดอร์ร่า ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลแน่นอน
อดีตกรรมการบริหารของเอฟเอ เดวิด เดวี่ส์ ได้ออกมาพูดว่า “ผมว่ามันคงเป็นน่าเศร้าที่ฟุตบอลจะไม่มีชื่อของขวัญใจ ทูน อาร์มี่ กี่ยวข้องอีกครั้ง และผมถามว่าเกมจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีคนอย่างเขา ต้องพูดเลยว่าเขามีบางอย่างเหมือนกุนซือรุ่นเก่า เขาได้รับปลุกปั้นจากบิล แชงคลีย์และเล่นให้กับลอว์รี่ แม็คเมเนมี่ แต่ผู้จัดการทีมควรจัดการกับเรื่องต่างๆ จากนั้นค่อยพูดว่าใครจะเป็นผู้เล่นของเขาในตอนสุดท้าย”
บางทีคนที่เฝ้ามองที่น่าเศร้าที่สุดคงจะเป็น เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ที่พึ่งได้รับการยืนยันว่าเป็นมะเร็งปอดในวัย 75 ปี
“ความล้มเหลวต่างๆทำให้นิวคาสเซิลในตอนนี้ระส่ำระสายมากขึ้น มันถึงเวลาแล้วที่แอชลีย์ต้องแก้ไข” ตำนานของนิวคาสเซิลอ้อนวอน “เจ้าของหรือประธานสโมสรคือคนที่สำคัญที่สุดของสโมสร ผู้จัดการทีมนั้นรองลงมา และทุกๆคนคืออันดับสาม ถ้าผู้อำนวยการกีฬาไม่ช่วยให้สนับสนุนผู้จัดการ มันคงไม่เกิดผล ไม่มีกุนซือหน้าไหนอยากจะมารับงานในสภาพทีทีมเป็นอยู่ตอนนี้หรอก”
น่าเศร้าสำหรับเซอร์ บ็อบบี้ แต่เขาก็พูดถูก ณ เวลานั้น มะเร็งได้คร่าชีวิตของร็อบสันไปในเดือนกรกฎาคม แม้นิวคาสเซิลจะใช้กุนซือมากกว่า 4 คนในปีนั้น แต่ท้ายที่สุดจบฤดูกาลนั้นสาลิกาดงตกชั้น
เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
ในวันศุกร์ที่ 12 กันยายน เควิน คีแกนได้พบไมค์ แอชลีย์อีกครั้ง หลังเจ้าของสโมสรชาวค็อกนี่ย์ พยายามเกลี่ยกล่อมแต่ก็ไม่ได้ผล ต่อมาวันอาทิตย์ที่ 14 แอชลีย์ตัดสินใจขายสโมสร และช่วงปลายเดือนตุลาคม สมาคมผู้จัดการทีมฟุตบอลลีกบอกว่า ‘คิงเคฟ’ อาจจะกลับมา หากโครงสร้างของสโมสรมีการเปลี่ยนแปลง แต่แอชลีย์ไม่สามารถหาผู้ซื้อที่พึงพอใจ และได้ถอนการขายในวันที่ 28 ธันวาคม
เป็นไปตามคำทำนายของเกรแฮม เทย์เลอร์ ตำนาน ลิเวอร์พูล ฟ้องร้องต่อนิวคาสเซิลซึ่งทำให้เขาออกจากทีม ในเดือนตุลาคม ปี 2009 ศาลเห็นชอบกับคำร้องของเขาจึงให้ค่าชดเชย 2 ล้านปอนด์ และเขาก็ไม่เคยกลับไปบนม้านั่งข้างสนามอีกเลย
ต่อคริส ฮิวจ์ตัน ได้เข้ามารักษาการแทนจนถึง 26 พฤศจิกายน เมื่อทีมได้ยื่นข้อเสนอให้ โจ คินเนียร์ เข้าเป็นผู้จัดการชั่วคราว อดีตกุนซือวิมเบอร์ดันได้เข้ามาอย่างน่ากลัวหลังด่าสื่ออังกฤษในงานแถลงข่าว จนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เขาต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยปัญหาโรคหัวใจ
ฮิวจ์ตันเข้ามารักษาการอีกครั้งจนถึงวันที่ 1 เมษายน นิวคาสเซิลจมอยู่ท้ายตาราง อลัน เชียเรอร์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวใน 8 สุดท้ายของฤดูกาลนั้น เชียเรอร์สามารถพาทีมชนะมิดเดิลสโบรห์ได้ก็จริง แต่นอกนั้นเขาพาทีมเสมอไป 2 นัด และ แพ้ไป 5 นัด ตกเป้นจำเลยที่พาทีมตกชั้นไปอีกราย
เดนนิส ไวส์ ออกจากนิวคาสเซิลในวันที่ 1 เมษายน วันเดียวกับที่เชียเรอร์เข้ามาคุมทีม “ไมค์ไล่ผมออก” เขาบอก “มันส่งผลต่ออาชีพของผมอย่างมากและสำหรับผมมันก็ไม่ได้แปลกอะไรหรอก” แน่นอนว่าหลังจากนั้นไวส์ไม่ได้งานบริหารในสโมสรเลยตั้งแต่ออกจากนิวคาสเซิล แต่ก็ปรากฏตัวบ่อยครั้งผ่านสื่อ,งานการกุศล รวมไปถึงรายการ I’m a Celebrity, Get Me Out of Here and The Crystal Maze ด้วย
โทนี่ ฆืมิเนซได้ออกจากนิวคาสเซิลในช่วงต้นเดือนตุลาคมหลังแอชลีย์ประกาศขายสโมสร ในเดือนมกราคมปี 2011 เขาซื้อสโมสรชาร์ลตัน แอธเลติก ร่วมกับไมเคิล สเลเตอร์ พร้อมกับปลดฟิล พาร์กินสันออก ก่อนจะขายทีมให้โรแลนด์ ดูชาทาเล่ต์ในปี 2014 จากนั้นไวส์ได้ฟ้องร้องฆิมิเนซจำนวน 500,000 ปอนด์ จากความเสียหายที่เกิดขึ้นในสนามกอล์ฟที่ฝรั่งเศส และก็มาโดนคดีเดียวกันในปี 2017 ซึ่งรอบนี้แอชลีย์เป็นคนฟ้องร้องคิมิเนซเป็นเงินจำนวน 3 ล้านปอนด์
เจฟฟ์ เวอร์เทรี่ ใช้เวลากับนิวคาสเซิล 2 ปีก่อนจะย้ายไปเป็นหัวหน้าแมวมองของเชราร์ อุลลิเย่ร์ที่แอสตัน วิลล่าในเดือนพฤศจิกายนปี 2010 ต่อมาในเดือนมิถุนายน เขากลับมาร่วมงานกับ ฆิมิเนซเพื่อรับงานผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคกีฬาที่ชาร์ลตัน ต่อมาก็ฟูแล่มและเบอร์มิ่งแฮมของแฮร์รี่ เร็ดแนปป์ ในฐานะผู้อำนวยการกีฬา แต่ปัจจุบันว่างงานอยู่
ซิสโก้ ยิงประตูแรกในนัดประเดิมสนามพบกับฮัล์ ซิตี้ และยิงไม่ได้เลยอีก 10 นัด และอยู่ในทีมนานถึง 4 ปีครึ่ง
นาโช่ กอนซาเลซ ได้ลงมาเป็นตัวสำรองในยุดของฮิวจ์ตัน ซึ่งแพ้ทั้ง 2 นัด ก่อนที่อาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายจะทำให้เขาร้างสนามไปถึง 4 เดือน ก่อนจะพเนจรไปทั้งกรีซ,สเปน และ เบลเยี่ยม ก่อนจะย้ายกลับอุรุกวัย แม้ทีมจะแนวโน้มในการเลือกใช้นักเตะเยาวชน แต่นิวคาสเซิลก็ไม่ได้เซ้นนักเตะจากอเมริกาใต้มาสักคนจนกระทั่งเดือนสิงหาคมปี 2014 ได้คว้าตัว ฟาคุนโด้ เฟอร์เรย์ร่า จากชัคตาร์ โนเนสก์ด้วยสัญญายืมตัว แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ลงให้ทีมชุดใหญ่อยู่ดี