คาเซมิโร่ ทำประตูชัยพา “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกเอาชนะ บอร์นมัธ 1-0 เก็บ 3 แต้มสำคัญ มีอยู่ 69 คะแนน แทบจะการันตีการคว้าท็อปโฟร์ขอแค่ 1 คะแนนจาก 2 เกมที่เหลือ
โดยเจ้าถิ่นบอร์นมัธรอดพ้นการตกชั้นไปแล้ว ไม่มี ฟิลิปป์ บิลลิ่ง มิดฟิลด์คนสำคัญ ส่วน แมนฯยูไนเต็ด ต้องการรักษาพื้นที่ท็อปโฟร์ แต่ทีมของเอริค เทน ฮาก ยังคงไม่มี มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวยิงคนสำคัญที่ไม่สมบูรณ์
เริ่มเกมมาเพียงแค่ 9 นาที เป็นทีมเยือน แมนฯยูไนเต็ด ที่มาได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ คริสเตียน เอริคเซ่น ตักเข้ากรอบเขตโทษ มาร์กอส เซเนซี่ พยายามสกัด แต่กลายเป็นไปตั้งให้ คาเซมิโร่ ขึ้นฟาดระยะจ่อ ๆ เข้าไปไม่เหลือ
หลังจากที่ได้ประตูขึ้นนำรูปเกมยังคงเป็น แมนฯยูไนเต็ด ที่เดินหน้าบุกเข้าใส่ บอร์นมัธ ถอยลงไปรับลึกและแทบจะไม่มีโอกาสได้เล่นเกมสวนกลับเลย กลายเป็นทีมเยือนที่คุมสถานการณ์ทุกอย่างไว้ได้หมด
นาทีที่ 27 บอร์นมัธ เริ่มมีโอกาสได้ตอบโต้จากจังหวะได้ซัดเหน่ง ๆ ของ โดมินิค โซลันกี้ บอลกำลังพุ่งเสียบเสาสอง แต่ ดาบิด เด เกอา ยังพุ่งไปปัดไว้ได้ทัน
หลังจากนั้นเจ้าถิ่นเริ่มได้ใจเป็นฝ่ายที่ครองบอลบุกโจมตีเข้าใส่ แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบคมพอ ทำให้จบครึ่งแรก แมนฯยูไนเต็ด บุกนำ บอร์นมัธ 1-0
กลับมาเล่นครึ่งหลัง บอร์นมัธ สตาร์ทอย่างร้อนแรงได้ลุ้นก่อนเลยจากจังหวะซัดของ เดวิด บรู๊คส์ บอลพุ่งแรงแต่ ดาบิด เด เกอา ยังปัดออกหลังไปได้
หลังจากนั้น แมนฯยูไนเต็ด ตั้งเกมได้เป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ มีโอกาสจะได้ประตูที่สองอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่จบสกอร์ไม่คม ทำให้บอร์นมัธยังอยู่ในเกม และเกือบจะได้ประตูตีเสมอเหมือนกันจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ คีฟเฟอร์ มัวร์ แต่ยิงติดเซฟ เด เกอา
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันได้ ทำให้จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเอาชนะ บอร์นมัธ 1-0 เก็บ 3 คะแนนสำคัญ มี 69 แต้ม นำอันดับ 5 อย่าง ลิเวอร์พูล ทีี่ทำได้แค่เสมอกับ แอสตัน วิลล่า 3 คะแนนและมีเกมในมือมากกว่า 1 นัด แทบจะการันตีการคว้าท็อปโฟร์ขอแค่ 1 คะแนนจาก 2 เกมที่เหลือ
11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
บอร์นมัธ (3-4-2-1): เนโต้, อิลเลีย ซาบาร์นยี่, มาร์กอส เซเนซี่, ลอยด์ เคลลี่, อดัม สมิธ, ลูอิส คุ๊ก, เจฟฟอร์สัน เลอมาร์, ไจดอน แอนโธนี่, เดวิด บรู๊คส์, ไรอัน คริสตี้ และโดมินิค โซลันกี้
แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1): ดาบิด เด เกอา, แอรอน วาน-บิสซาก้า, วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ, ราฟาเอล วาราน, ลุค ชอว์, คาเซมิโร่, คริสเตียน เอริคเซ่น, แอนโทนี่, บรูโน่ เฟอร์นานเดส, เจดอน ซานโช่ และอองโตนี่ มาร์กซิยาล