แม้ปัญหาเรื่องเจรจาเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุด ชาบี เอร์นานเดซ ก็แยกทางกับ อัล ซาดด์ และกลายเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ บาร์เซโลน่า อย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน
หลายคนทราบดีว่าอดีตกองกลางทีมชาติสเปน ประสบความสำเร็จกับ บาร์ซ่า มากแค่ไหน อีกทั้งยังถูกยกให้เป็นตำนานของสโมสรด้วย ทว่าเทรนด์การแต่งตั้งอดีตผู้เล่นเข้ามาคุมทีมในฟุตบอลยุคปัจจุบัน ดูไม่สวยงามเท่าไหร่นัก
ทั้ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ยังกระเสือกกระสนกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อันเดรีย ปีร์โล่ โดน ยูเวนตุส ปลดกับ 1 ปีที่ล้มเหลวในฤดูกาลก่อน หรือ การกลับมาของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ใน เชลซี ก็จบลงในแบบที่น่าผิดหวัง
‘อาซูลกราน่า’ ก็ทำพลาดในเรื่องนี้เช่นกัน เมื่อแต่งตั้ง โรนัลด์ คูมัน ตำนานสโมสรผู้ยิงประตูชัยในศึกยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1992 เข้ามาเป็นกุนซือเมื่อซัมเมอร์ปี 2020 และจุดจบก็อย่างที่หลายคนทราบกันดี
นอกจากนี้การที่สโมสร ตัดสินใจดึง ชาบี เข้ามาคุมทีมแทน คูมัน ก็สร้างความสงสัยให้กับแฟนบอลไม่น้อย เนื่องจากกุนซือคนใหม่มีประสบการณ์ในการคุมทีมกับ อัล ซาดด์ เพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น
ทว่าการกลับมาคัมป์ นู ในรอบ 6 ปีครึ่งของเขา ไม่ได้เป็นเพราะเขาเป็นอดีตนักเตะชื่อก้องเพียงเท่านั้นอย่างแน่นอน
ว่าที่กุนซือในอนาคต
ไม่มีผู้จัดการทีมคนไหนคิดล้ำหน้าไปไกลเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะทำเมื่อทำหน้าที่กุมบังเหียน บาร์เซโลน่า มากไปกว่า ชาบี อีกแล้ว
“ผู้คนอาจบอกว่าผมยังไม่พร้อม แต่ผมพร้อมแล้ว” กุนซือวัย 41 ปี กล่าว เมื่อเดือนมิถุนายน ช่วงที่กลับมาเยือนบ้านเกิด
“ผมรู้สึกว่าพร้อมแล้วกับการเป็นโค้ช บาร์ซ่า ผมพูดจริงๆนะ และผมก็รู้จักสโมสรและทุกๆอย่างเป็นอย่างดีด้วย”
มีนักฟุตบอลไม่กี่คนที่ถูกพูดถึงหรือเชื่อว่าจะกลายเป็น ‘กุนซือในอนาคต’ หลายต่อหลายครั้งเท่ากับ ชาบี ที่ บาร์เซโลน่า ด้วยสไตล์การเล่นของเขาในช่วง 17 ปีในสโมสร ที่คอยวางแผนขึ้นเกมรุกและการเคลื่อนที่ของเพื่อนร่วมทีมทั่วสนามด้วยจ่ายบอลอันยอดเยี่ยม เป็นจุดที่ทำให้เขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะที่คว้าแชมป์ลาลีก้า 8 สมัยและแชมเปียนส์ลีก 4 สมัยในฐานะผู้เล่น อดีตกองกลางทีมชาติสเปน ยังพูดเกี่ยวกับรูปแบบยุทธวิธีที่เป็นเอกลักษณ์ของสโมสรและปรัชญาทั่วไปอย่างสม่ำเสมอและลึกซึ้ง นั่นทำให้เขาถูกยกให้เป็นทายาทของ 2 อดีตโค้ชและผู้เล่นของ บาร์ซ่า อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ โยฮัน ครัฟฟ์ ด้วย และก็ไม่แปลกเช่นกันที่เขาจะซึมซับสไตล์การคุมทีมของ 2 ตำนานไว้ด้วย
การตัดสินใจย้ายไปเล่นกับ อัล ซาดด์ ในปี 2015 เจ้าตัวยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่าเป็นเพราะเขาไม่สามารถตัวหลักในแดนกลางของ บาร์ซ่า ได้อีกต่อไป แต่นั่นก็เป็นแผนที่เขาวางไว้แล้ว โดยระหว่างช่วง 4 ปีที่ค้าแข้งใน กาตาร์ สตาร์ ลีก เขาได้ฝึกสอนแข้งเยาวชนในสโมสร และเรียนรู้งานโค้ชจนคว้าโปรไลเซนส์จาก ยูฟ่า ได้สำเร็จในเดือนมิถุนายนปี 2019
ช่วงซัมเมอร์นั้นเองที่ กองกลางแดนกระทิง ประกาศแขวนสตั๊ดเพื่อผันตัวไปเป็นกุนซือเต็มตัว แน่นอนว่า เขาได้รับข้อเสนอมากมายทั้งจากสโมสรในสเปน และยุโรป แต่ทุกที่ถูกปฏิเสธทั้งหมด เพราะมีงานเดียวเท่านั้นที่เขาสนใจ ซึ่งก็คือ บาร์เซโลน่า นั่นเอง
ทดสอบตัวเองที่ กาตาร์
ทว่าการเข้าไปคุมทีม บาร์เซโลน่า ชุดบี เหมือน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้เป็นอาจารย์ก่อนขึ้นไปรับงานในทีมชุดใหญ่ ก็ไม่ใช่แผนที่อยู่ในหัวของ กองกลางจากกาตาลัน ซึ่งเขาเปิดเผยว่าเขารู้สึกว่าเป็นการเตรียมตัวที่ดีกว่า หากได้ทำหน้าที่กับทีมชุดใหญ่ที่ กาตาร์ พร้อมกับประสบการณ์บนเวที เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เปรียบเสมือน แชมเปี้ยนส์ลีกในยุโรป
“ผมไม่สามารถนั่งรถเฟอร์รารี่ หรือลงเรือใหญ่ล่องมหาสมุทรได้ทันที ผมต้องเริ่มจากเรือลำเล็กๆกับรถคันเล็กๆ ก่อน เพื่อทดสอบตัวเองและหาประสบการณ์” ชาบี กล่าวกับ Marca สื่อดังในสเปนเมื่อปี 2019
“ความคิดนั้นก็คือการเริ่มเป็นโค้ชที่ กาตาร์ ซึ่งที่นั่นมีแรงกดดันไม่มากนัก กับการพิสูจน์ตัวเองและหาประสบการณ์ และเป้าหมายของผมคือการกลับไปยุโรป และกลับไปที่ บาร์เซโลน่า เป็นหลัก”
การพา อัล ซาดด์ คว้าแชมป์ได้ 7 รายการ ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจนัก อีกทั้งพวกเขายังเป็นสโมสรที่แข็งแกร่งในด้านการเงินมากที่สุดในกาตาร์ด้วย แต่หากดูตัวเลขก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมในมือของ อดีตแข้งจาก กาตาลัน ยอดเยี่ยมแค่ไหน
โดยฤดูกาลก่อน อัล ซาดด์ ผงาดคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 15 โดยมีแต้มห่างอันดับ 2 ถึง 13 คะแนน, ยิงประตูได้มากที่สุด (77), เสียประตูน้อยที่สุด (14) และ ไม่แพ้ใครเลยจาก 22 นัด รวมถึงคว้าแชมป์บอลถ้วยมาครองด้วยการเอาชนะ อัล อราบี ทีมคู่อริในนัดชิง 2-1
นอกจากนี้ อดีตกองกลาง บาร์ซ่า ก็ยังสร้างความประทับใจให้กับกุนซือมากประสบการณ์รายอื่นเมื่อได้เห็นลีลาข้างสนามของเขาใน กาตาร์
ไม่ว่าจะเป็น เฮียเมียร์ ฮัลกริมส์สัน อดีตกุนซือทีมชาติไอซแลนด์ ที่เคยปะมือสมัยคุม อัลอราบี หรือ โบร่า มิลูติโนวิช อดีตกุนซือชาวเซิร์บ ผู้เป็นคนแรกๆที่กล่าวผ่านสื่อว่า ตำนาน บาร์ซ่า พร้อมแล้วสำหรับงานช้างที่สเปน
เกือบได้กลับมา
การกลับมาบ้านเกิดนั้นยังคงติดตราตรึงอยู่ในใจของ ชาบี เสมอ โดยตั้งแต่ปี 2019 เขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับบิคตอร์ ฟอนต์ นักธุรกิจด้านการเงินชื่อดังที่เตรียมพร้อมสำหรับการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีบาร์เซโลนามาหลายปี
เมื่อการหาเสียงเลือกตั้งครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้นในปีก่อน หลัง โจเซป มาเรีย บาโตเมว ที่ทนกระแสต่อต้านไม้ไหวจนลาออกจากตำแหน่ง พวกเขาทั้งคู่ก็ทำงานร่วมกันเรื่อยมา โดย ฟอนต์ กล่าวในช่วงหาเสียงว่า “ผมคุยกับ ชาบี มากกว่าคุยกับภรรยาของผมเสียอีก”
และหลายคนคงจำได้ดีกับการประกาศลั่นว่าพร้อมปลด คูมัน ออกจากตำแหน่งทันที เพื่อดันอดีตกองกลางทีมชาติสเปน เข้ามาทำหน้าที่กุนซือคนใหม่ของ ‘อาซูลกราน่า’
แหล่งข่าววงในยังมีการเปิดเผยว่า อดีตลูกหม้อ บาร์ซ่า เป็นคนออกแบบโครงการกีฬาทั้งหมดให้กับ ฟอนต์ ณ ช่วงเวลานั้น ซึ่งพร้อมจะลุยตามแผนตั้งแต่วันแรกหากเขาชนะการเลือกตั้ง และรวมถึงเพิ่มคนกว่า 20 ตำแหน่งเข้ามาทำหน้าที่เพื่อพัฒนาด้านฟุตบอลในสโมสร ทั้งในทีมชุดใหญ่, เยาวชน หรือ ด้านการแพทย์
นอกจากนี้ยังมีแผนที่กำหนดไว้สำหรับนโยบายการซื้อขาย เอริค การ์เซีย จะถูกเซ็นสัญญาเข้ามาร่วมทีม ไม่ใช่นักเตะอย่าง เมมฟิส เดปาย หรือเหล่าดาวรุ่งแววดี เช่น กาบี หรือ นิโก้ จะถูกดันขึ้นชุดใหญ่อย่างที่ทีมเคยเป็นมา รวมไปถึงรูปแบบแทคติกและการเล่นก็คล้ายคลึงกันทั้งในทีมเยาวชนและทีมชุดใหญ่
อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวประสบปัญหา เมื่อโซซิโอของบาร์เซโลน่าลงคะแนนให้ โจน ลาปอร์ต้า เป็นประธานสโมสรคนใหม่ในเดือนมีนาคม เมื่อ ลาปอร์ต้า มองหาตัวเลือกอื่นแทนที่ คูมัน เขาพิจารณาว่าอดีตลูกหม้อมีประสบการณ์น้อยเกินไป ซึ่งดูเหมือนเป็นการหักหน้าของ ฟอนต์ ไม่น้อยเช่นกัน
ทีมงานที่คุ้นเคย
แต่คนอื่นๆที่มีส่วนร่วมกับโครงการของ ฟอนต์ และทำงานใกล้ชิดกับ ชาบี ในแผนแก้ไขปัญหา บาร์ซ่า ก็ถูก ลาปอร์ต้า ดึงกลับมาร่วมงานในสโมสร ไม่ว่าจะเป็น จอร์ดี้ ครัฟฟ์ ในเดือนสิงหาคม หรือ อัลเบิร์ต คาเปลลาส์ เมื่อซัมเมอร์ปีก่อน และเมื่อ กองกลางชุดแชมป์โลกปี 2010 เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ ทั้ง ครัฟฟ์ และ คาเปลลาส์ ก็จะบทบาทสำคัญมากขึ้นในการซื้อขายนักเตะ และพัฒนาเยาวชน ตามลำดับ
คาดการณ์ว่า ทีมงานของเขาในบาร์เซโลน่า จะคนที่เข้าร่วมงานด้วยตั้งแต่วันแรกในกรุงโดฮา ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่เขารู้จักหรือพบเจอสมัยค้าแข้งให้ทีมบ้านเกิด
ทั้งผู้ช่วยอย่าง ออสการ์ เอร์นานเดซ น้องชายของเขา และ เซร์คิโอ อเลเกร, อิวาน ตอร์เรส ตำแหน่งโค้ชฟิตเนส, คาร์ลอส โนกูเอร่า นักกายภาพบำบัด, นักวิเคราะห์ 3 คน อย่าง ดาวิด พรัตส์, เซร์คิโอ้ การเซีย และ โทนี่ โลโบ้
มีเพียงคนเดียวในสต๊าฟชุดของ คูมัน ที่จะได้ทำหน้าที่ในสโมสรต่อไป ก็คือ โฆเซ่ รามอน เด ลา ฟูเอนเต้ โค้ชผู้รักษาประตู ที่ฝึกสอนเหล่านายด่านทีมชุดใหญ่ของ บาร์ซ่า ตั้งแต่สมัยที่ ชาบี ยังค้าแข้งอยู่แล้ว
ผู้กอบกู้?
คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับกุนซือรายอื่นๆที่จะรับงานใน คัมป์ นู เพื่อเจอประสบการณ์แบบนี้และทำให้ทีมพร้อมเดินหน้าต่อไปได้ และเมื่อ คูมัน ถูกไล่ออกเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ลาปอร์ต้า และบอร์ดบริหารก็เดินหน้าเต็มตัวเพื่อคว้า อดีตแข้งวัย 41 ปี มาเป็นกุนซือคนใหม่ให้ได้
“ถ้าเป็นชาบี แฟนบอลจะเห็นพ้องต้องกันทั้งหมด เขามีโปรไฟล์ที่สมบูรณ์แบบในการเป็นผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่า” แหล่งข่าวของสโมสร กล่าวกับ The Athletic
“เขามาจากที่นี่ รู้จักสไตล์ของบาร์เซโลน่าอย่างดี และอยากที่จะใช้สไตล์นั้น เขาเป็นนักวิเคราะห์และนักวางแผนที่ยอดเยี่ยม เขายังหลงใหลในสโมสรเป็นอย่างมาก”
นี่เป็นการเพิ่มความชัดเจนในดีเอ็นเอ ของบาร์เซโลนาและแนวคิด “mes que un club” ที่แปลว่า “เป็นมากกว่าสโมสร” มีความสำคัญต่อครอบครัวบาร์เซโลนาอย่างมาก หลังจากสิ่งนี้ได้จางหายไปจากสโมสรมาหลายปีแล้ว
ฤดูกาลของบาร์เซโลน่าอยู่ในจุดวิกฤติ พวกเขาจำเป็นต้องขยับขึ้นจากตำแหน่งกลางตารางในลาลีก้าให่ได้ โดยกุนซือวัย 41 ปี จะคุม บาร์ซ่า เกมแรกในกาตาลัน ดาร์บี้ พบกับ เอสปันญอล ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้
รวมไปถึงเกมสำคัญชี้ชะตาในแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มพบกับ เบนฟิก้า ในวัน 23 พฤศจิกายน ว่าพวกเขาจะดีพอเข้ารอบน็อคเอ้าท์หรือไม่
กุนซือคนใหม่ของบาร์เซโลน่า ต้องพาทีมคว้าชัยชนะให้ได้ และในขณะเดียวกันรูปแบบการเล่นของทีมก็ต้องดีขึ้นกว่าในยุค คูมัน ด้วย
นี่ถือป็นความท้าทายที่ขั้นสูงสุดสำหรับผู้จัดการทีมทุกคนที่เข้ามารับงานในถิ่น คัมป์ นู แต่ ณ เวลานี้ ไม่มีใครพร้อมจะรับมือได้ดีไปกว่า ชาบี อีกแล้ว