หากจะพูดถึงหนึ่งในทีมที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังที่สุดในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ตอนนี้อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม คงไม่พ้น “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ทีมชาติเบลเยี่ยม ที่ฟอร์มการเล่นดูไม่เข้าตาจริง ๆ
ว่ากันว่านี่คือทัวร์นาเมนต์สุดท้ายปลายทางของทีมชุดที่ถูกขนานนามว่า “โกลเด้น เจเนเรชั่น” ของพวกเขา เพราะนักเตะฟุตบอลหลาย ๆ ก็เริ่มโรมรายไปตามสภาพตามวัย ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และเป็นปกติของวิถีฟุตบอล
อย่างไรก็ตามผลงานของพวกเขาก็ควรจะดีกว่านี้ ออกสตาร์ทด้วยการเอาชนะ แคนาดา ทีมที่ห่างหายจากการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมายาวนานถึง 36 ปี ได้แค่ 1-0 ด้วยรูปเกมที่ต้องบอกว่าพวกเขาเป็นรองด้วยซ้ำ อาการร่อแร่เจียนอยู่เจียนไป
หนักกว่านั้นคือเกมที่สองพวกเขาถึงกับแพ้ให้ทีมรองบ่อนอย่าง “สิงโตแห่งคาซาบลังก้า” โมร็อคโก ที่ไม่เคยชนะใครในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมายาวนานถึง 24 ปี ทำให้ตัวเองต้องมาลำบากในเกมนัดสุดท้ายในการดวลกับ “ตราหมากรุก” โครเอเชีย
วันนี้เราจะพาทุกท่านไปย้อนดูความรุงรังที่เกิดขึ้นในทัพเบลเยี่ยมก่อนลงชี้ชะตาเข้ารอบในเกมนัดสุดท้าย ว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่เกิดขึ้นในแคมป์ของพวกเขา
๐ หน้าเป้าตัวจบสกอร์
ปัญหาหน้าเป้าตัวจบสกอร์ของทีมชาติเบลเยี่ยมถือว่าเป็นสิ่งที่พอจะเข้าใจกันได้ เพราะก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ โรเมลู ลูกากู ดาวยิงคนสำคัญดันไปโชคร้ายมีปัญหาอาการบาดเจ็บกับต้นสังกัด “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ติดทีมมาในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เกมแรกเขาไม่ได้ลงเล่น เพราะต้องการถนอมร่างกายให้สมบูรณ์ที่สุด ต้องใช้ มิตชี่ บัตซัวยี่ ลงเล่น แม้ว่าเขาจะยิงประตูชัยในเกมดังกล่าว แต่ฟอร์มโดยรวมถือว่าห่วยสุด ๆ เล่นเอาเพื่อนร่วมทีมอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ เดินก้มหน้าส่ายหัวอยู่หลายจังหวะ
นี่คือปัญหาที่เชื่อหลาย ๆ คนก็มองเห็นเหมือนกัน แต่จะทำยังไงได้ เพราะตัวความหวังสูงสุดดันอยู่ในสภาพที่ไม่ฟิตเต็ม 100 % ตัวเลือกอื่น ๆ นอกจาก บัตซัวยี่ ก็ถือว่าเป็นหน้าใหม่ ก็มีอย่าง โลอีส โอเปนด้า ดาวยิงจาก ล็องส์ ที่แม้ว่าจะทำผลงานได้ดีกับต้นสังกัด แต่ต้องยอมรับว่าเขายังไม่มีประสบการณ์ เช่นเดียวกับ เฌเรมี่ โดกู ขณะที่ ดรีส เมอร์เท่นส์ ก็แก่เกินแกงไปแล้ว
๐ คำพูดที่ไม่ควรออกสื่อ
หลังจบเกมนัดแรกที่พวกเขาเอาชนะ แคนาดา 1-0 เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพคนสำคัญได้ออกมาเปิดใจว่าเขารู้สึกงงเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รับเลือกให้เป็น “แมน ออฟ เดอะ แมตช์” ในเกมนี้ ทั้งที่พวกเขาก็โชว์ฟอร์มไม่ได้ดีอะไรเลย เขาบอกว่ามันอาจจะเป็นเพราะชื่อเสียงที่ทำให้ได้รับเลือกในการคว้าตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยม เกมดังกล่าว ยังมีการเปิดเผยด้วยว่าตัวของ เดอ บรอยน์ ได้มีปากเสียงกับผู้เล่นแนวรับอย่าง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ เกี่ยวกับแนวทางการเล่นของพวกเขา
ส่วนบทสัมภาษณ์ที่อาจจะสร้างรอยร้าวให้กับทีมคือการ “เพรส คอนเฟอเรนซ์” ก่อนเกมนัดที่สองที่พวกเขาจะพบกับ โมร็อคโก จอมทัพจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูกถามจากผู้สื่อข่าวของ “เดอะ การ์เดี้ยน” ว่าทีมชาติเบลเยี่ยมนั้นมีโอกาสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 หรือไม่?
เจ้าตัวตอบแบบตรงไปตามมาว่า “ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะพวกเรานั้นแก่เกินไปแล้วล่ะ” เขาให้เหตุผลว่าทีมยุคทองที่ดีที่สุดของพวกเขาคือฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ลงเอยด้วยการคว้าอันดับ 3 ในทัวร์นาเมนต์นั้น แต่ตอนนี้ทีมได้เสียผู้เล่นแกนหลักไปหลายราย ผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาในชุดปัจจุบันถือว่าฝีเท้าดี แต่มันยังเทียบกับปี 2018 ไม่ได้
ขณะเดียวกัน เอแดน อาซาร์ แนวรุกของทีมก็แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน และมองว่าผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังของทีมนั้นช้าเกินไป
สุดท้ายพวกเขาพลิกล็อคพ่ายให้กับ โมร็อคโก 2-0 และหลังจบเกมดังกล่าวมีรายงานว่าในห้องแต่งตัวมีการทะเลาะกันของสามผู้เล่นจอมเก๋าอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, เอแดน อาซาร์ และแยน แฟร์ตองเก้น เดือดร้อนให้ โรเมลู ลูกากู ต้องเข้ามาห้ามทัพ
ถ้าจะมองดูแล้ว ก็แก่จริง ๆ ทั้งทีม 11 ผู้เล่นตัวจริงของ เบลเยี่ยม ในเกมดังกล่าว อายุรวมกันก็ปาเข้าไป 329 ปี โดยแนวรับ 4 คนรวมตีโบต์ กูร์ตัวส์ ก็ล่อไปแล้ว 124 ปี แดนกลาง 114 ปี และแนวรุก 91 ปี
๐ ตอบโต้เอาคืน
หลังเกมที่พ่าย โมร็อคโก แยน แฟร์ตองเก้น ที่เงียบมาตลอดก็ได้ทีให้สัมภาษณ์สาดคืนกลับไปบ้าง
“เราก็เสียสองประตูจากลูกเตะมุมสองครั้งเป็นลูกที่ไม่น่าเสียเลย”ตอนนี้มีหลายสิ่งอยู่ในหัวผม สิ่งที่ผมไม่ควรพูดออกมาในที่โล่ง ผมไม่คิดว่าเราสร้างโอกาสได้เลย มันผิดพลาดตรงไหน?”
“เราอาจมีเกมรุกที่แย่เพราะเราแก่เกินไป คงจะเป็นอย่างนั้น ใช่หรือเปล่า? เรามีผู้เล่นคุณภาพมากมายในแนวรุก แต่โมร็อคโกก็มีเหมือนกัน และพวกเขาก็ทำออกมาได้ดีกว่าในวันนี้ นี่คือสิ่งที่น่าผิดหวังมาก”
เรียกได้ว่าทั้งหมดเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ควรนำมาพูดออกสื่อให้คนทั่วโลกได้รับรู้ เพราะกำลังอยู่ในทัวร์นาเมนต์สำคัญ มีแต่เสียกับเสียไม่มีประโยชน์อะไรเลย กลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนทำให้สปิริตของทีมต้องพังทลายลงไปเสียเปล่า ๆ หลายสื่อฟังธงว่าในทีมนั้นมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะถ้าทุกอย่างปกติ นักเตะคงไม่ออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้อยู่แล้ว
๐ ความไม่ลงรอยของนักฟุตบอล
อย่างที่ทราบกันดีว่าผู้เล่นในทีมชาติเบลเยี่ยมอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และตีโบต์ กูร์กตัวส์ ที่ถือว่าเป็นแกนหลักทั้งคู่ พวกเขาไม่ลงรอยกันมานานแล้ว สาเหตุมาจากเรื่องผู้หญิง ทั้งหมดเกิดขึ้นจริง นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่คุยกันเลย แม้ว่าจะเล่นในทีมชาติด้วยกันมาตลอด
นอกจากนี้กัปตันทีมอย่าง เอแดน อาซาร์ ก็มีรายงานว่าเขาไม่ถูกกับ เลอันโดร ทรอสซาร์ แนวรุกฟอร์มแรงจากไบร์ทตัน รวมไปถึง มิชี่ บัตซัวยี่ ก็ไม่ได้มองว่า โรเมลู ลูกากู คือเพื่อนร่วมทีม เป็นเพียงคู่ต่อสู้ในการแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติ เรียกได้ว่ามันวุ่นวายหลายขนานจริง ๆ สำหรับทีมชาติเบลเยี่ยม
แม้ว่าล่าสุดในการแถลงข่าวความพร้อมผู้เล่นอย่าง ตีโบต์ กูร์กตัวส์ และเอแดน อาซาร์ จะออกมายืนยันว่าไม่มีอะไรในก่อไผ่ทุกอย่างเป็นเพิ่งแค่สื่อที่ปั่นข่าวขึ้นมาเท่านั้น และได้เคลียร์ใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ก็ต้องมาลุ้นกันว่าในเกมนัดสุดท้ายที่จะพบกับทีมชาติโครเอเชียในวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พวกเขามี 3 คะแนน ต้องชนะเพื่อเข้ารอบ หรือเสมอและไปลุ้นให้ โมร็อคโก แพ้แคนาดาแบบเละเทะเพราะตอนนี้ลูกได้เสียยังเป็นรอง
ซึ่งดูแล้วไม่ง่ายเลย ด้วยสปิริตทีมที่เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเจอใครก็ยากลำบากอยู่ดี รอดูกันว่า เบลเยี่ยมในชุด “โกลเด้น เจเนเรชั่น” จะทิ้งทวนฟุตบอลโลกแบบไหน?