จากการที่ “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ดาวยิงทีมชาติไทยของ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้เซ็นสัญญาอาชีพกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ และปฏิเสธที่จะร่วมทัพ “ช้างศึก” ล่าเหรียญทองซีเกมส์ ที่ประเทศ กัมพูชา ในช่วงเดือน พ.ค. นี้
โดยในเรื่องนี้หากมองถึงโอกาสที่”เจ้าแบงค์” จะกลายไปเป็นแข้งไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ถือว่าไม่ง่าย เพราะต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนเริ่มจากหลังจบศึก ไทยลีก ฤดูกาลนี้ เจ้าตัวต้องเดินทางไปร่วมทีม โอเอช ลูเวิน ในลีกเบลเยียม เพื่อเริ่มกระบวนการทำ “เวิร์ค เพอร์มิท” หรือใบอนุญาตทำงานทันทีหลังจบฤดูกาลนี้
ซึ่งการทำเวิร์ค เพอร์มิท เพื่อค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สำหรับนักเตะที่ชาติอยู่ในแรงค์กิ้งโลกเกิน 50 อันดับแรก (ปัจจุบันไทยรั้งอันดับ 114) ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากตัวของนักเตะนั้นจำเป้นต้องไปเล่นอยู่ในลีกอื่นๆในยุโรป ที่ทางกระทรวงมหาดไทยของ อังกฤษ ตั้งเอาไว้เพื่อให้ได้ 15 แต้มในการคว้าเวิร์คเพอร์มิท
ซึ่งใน จูบิแลร์ ลีก ของเบลเยียม นั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ดี คือเป็นเกรด 2 ที่จะทำแต้มได้เยอะ ซึ่งหาก ศุภณัฏฐ์ ย้ายไปเล่นกับ โอเอช ลูเวิน เขาจำเป็นต้องได้รับโอกาสลงสนามไม่น้อยกว่า 90 เปอร์เซนต์ ของเกมทั้งหมด เพื่อให้ได้รับ 10 แต้ม (แต่หากคุณเล่นในไทยลีก ซึ่งถูกคัดเอาไว้ที่เกรด 6 แม้จะได้เล่น 90 เปอร์เซนต์คุณก็จะได้เพียง 2 แต้มเท่านั้น)
จากนั้นก็ต้องมาลุ้นอันดับของ โอเอช ลูเวิน ว่าจะสามารถจบอันดับที่ดี ซึ่งจะสามารถคว้าตั๋วไปเตะ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ ยูโรป้า ลีกได้หรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้จะได้ 3 แต้ม และส่วนสุดท้ายคือการได้เล่นกับทีมชาติอย่างสม่ำเสมอ หากตัว เจ้าแบงค์ ถูกเรียกติดธงและได้ลงเล่นในโปรแกรมที่เป็นฟีฟ่าเดย์อย่างต่อเนื่องเขาก็จะได้เพิ่มอีก 2 แต้ม นั่นจะทำให้ได้แต้มรวมทั้งสิ้น 15 แต้ม และผ่านเวิร์คเพอร์มิตในการเข้ามาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก พอดี
ทั้งนี้แม้เส้นทางที่วางไว้อาจจะยากถึงยากมา แต่หากมองจากฟอร์มของ “เจ้าแบงค์” ที่มีอายุเพียง 20 ปี ในเวลานี้ เขาทำไปแล้ว 8 ประตู และ 9 แอสซิสต์ ซึ่งเป็นแอสซิสต์ของนักเตะที่มากสุดในไทยลีกเวลานี้ นั่นก็เชื่อว่านี่จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่นักเตะไทยจะได้พิสูจน์ตัวเองว่า
ดีพอจะไปค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : โอกาสมาแล้ว! ศุภณัฏฐ์ได้สัญญาเลสเตอร์เตรียมบินเก็บเวิร์คเพอร์มิทโอเอชแอล
