ขณะที่สโมสรอื่นๆเปิดตัวแข้งใหม่เป็นการส่งท้านตลาดนักเตะหน้าหนาวปี 2022 แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะเป็นสโมสรเดียวที่นอกจากไม่ได้ใครเข้ามาเพิ่มแล้ว ยังต้องออกมาแถลงถึงคดีอันอื้อฉาวของ เมสัน กรีนวู้ด กองหน้าดาวรุ่งของทีม
ดาวเตะชาวอังกฤษ ตกเป็นข่าวเสื่อมเสียเมื่อเช้าวันที่ 30 มกราคม หลังจาก แฮร์เรียต ร็อบสัน แฟนสาวของเขาที่คบหากันนาน 4 ปี ปล่อยภาพลงสื่อโซเชี่ยลเป็นชุดๆว่าเธอถูกนักเตะทีมดังทำร้ายจนถึงกับได้เลือด และมีรอยแผลฟกช้ำเต็มตัวหมดทั้งบริเวณแขน ขา และลำคอ
ด้วยหลักฐานดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เกรท แมนเชสเตอร์ ควบคุมตัว กองหน้าวัย 20 ปี บุกควบคุมตัวถึงบ้านพัก เพื่อไปสอบปากคำเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ขณะที่ ‘ปีศาจแดง’ ก็ประกาศแบนไม่ให้เจ้าตัวลงซ้อมและลงสนามอย่างไม่มีกำหนด พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หากนักเตะมีความผิดจริง
ทว่าเรื่องราวสุดฉาวที่เกิดขึ้นในช่วงส่งท้ายตลาดย่อมทรงผลกระทบใหญ่หลวงต่อ แมนฯยูไนเต็ด อย่างที่พวกเขาปฏิเสธไม่ได้แน่นอน…
ภาพลักษณ์สโมสรติดลบ
แม้ไม่ประสบความสำเร็จในแง่ของถ้วยรางวัลในช่วงเวลาเกือบ 5 ปี ที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังเป็นสโมสรที่มีชื่อเสียงเป็นระดับต้นๆทั้งในยุโรป รวมไปถึงระดับโลกด้วย รวมถึงด้านรายรับพวกเขาก็รั้งอันดับต้นๆของวงการลูกหนังมานานหลาย 10 ปี
ทว่าเรื่องอื้อฉาวของ กรีนวู้ด ทำให้ภาพลักษณ์ของสโมสรที่ดูดีต้องติดลบในทันที กับภาพของ แฮร์เรียต ร็อบสัน แฟนสาวที่โดนทำร้ายถึงขั้นเลือดกบปาก บนอินสตราแกรมของเธอที่มีผู้ติดตามกว่า 231,000 ราย จนถูกแชร์ไปมากกมายในโลกโซเชี่ยล ก่อนถูกลบทิ้งในเวลาต่อมา
รวมไปคลิปเสียงบันทึกการสนทนาที่เธออ้างว่าเป็นเสียงของ ดาวเตะเบอร์ 11 ซึ่งพยายามจะมีเพศสัมพันธ์โดยที่เธอไม่เต็มใจ ก็ยิ่งทำให้เรื่องราวใหญ่ขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว และกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ แข้งวัย 20 ปีตกเป็นผู้ต้องหาในคดีข่มขืนและทำร้ายร่างกาย
ไม่แปลกที่ ‘ปีศาจแดง’ จะออกมาแถลงการณ์สั้นๆผ่านเว็บไซต์ว่าพวกเขาได้ตระหนักถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมสั่งแบนไม่ให้นักเตะฉาวลงซ้อม และลงแข่งอย่างไม่มีกำหนด
แต่นั่นก็ไม่ได้ลบรอยด่างพร้อยที่เกิดขึ้นในสโมสรจากการกระทำของนักเตะเพียงคนเดียวได้แม้แต่นิดเดียว อีกทั้งมูลนิธิช่วยเหลือสตรีแห่งสหราชอาณาจักร ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่าทั่วโลกจะจับตามองคดีนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมเตือนให้ แมนยู, เอฟเอ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา
สปอนเซอร์จ่อถอนตัว
ผลกระทบที่ตามมานอกเหนือจากภาพลักษณ์ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องสปอนเซอร์หรือผู้สนับสนุนต่างๆของสโมสร ที่อาจต้องตัดสินใจถอนตัวออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงภาพลักษณ์ที่ทำให้แบรนด์หรือสินค้าของพวกเขาติดลบตามไปด้วย
ซึ่งสิ่งนี้กระทบต่อรายได้ของ แมนฯยูไนเต็ด อย่างมหาศาล เพียงแต่ในปัจจุบันยังไม่มีข่าวว่าสปอนเซอร์ของสโมสรประกาศถอนตัวสนับสนุนทีมอย่างเป็นทางการ ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนหาความจริงกับคดีดังกล่าว
แต่ถึงอย่างนั้น ดาวยิงวัย 20 ปี ก็ไม่รอดต้องเสียรายได้ไปอีกทาง เมื่อ Nike สปอนเซอร์ของเขา ได้ประกาศพักความสัมพันธ์ในเบื้องต้น เนื่องจากการที่นักเตะตกเป็นข่าวในทางเสื่อมเสียและใช้ความรุนแรง
พร้อมกันนี้ ‘ปีศาจแดง’ สั่งยุติการจำหน่ายสินค้าทุกประเภทของกองหน้าหมายเลข 11 ทางเว็บไซต์ในช่วงเวลาไล่เรี่ยกัน โดยในตอนนี้แม้ชื่อของเขาจะยังปรากฏอยู่ในรายชื่อผู้เล่นด้วยซ้ำ
ตำแหน่งตัวรุกที่ลดลง
อย่างที่ทราบกันว่า ปีศาจแดง ได้สั่งแบน กรีนวู้ด ไม่ให้มีส่วนร่วมกับลงแข่งหรือซ้อมร่วมกับทีมแบบไม่มีกำหนด จนกว่าคดีจะแล้วเสร็จ
การแบนครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อแผนการทำทีมของ ราล์ฟ รังนิค อย่างมาก เนื่องจากเมื่อไร้ดาวเตะเบอร์ 11 พวกเขาก็จะเหลือกองหน้าแค่ 3 รายเท่านั้นก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เอดินสัน คาวานี่ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด
ช่วงตลาดนักเตะที่ผ่านมา สโมสรปล่อยนักเตะออกไป 3 รายในสัญญายืมตัวประกอบไปด้วย อองโทนี่ มาร์กซิยาล ที่ย้ายไปเซบีย่า, อาหมัด ดิยัลโล่ ที่ซบ กลาสโกว เรนเจอร์ส และ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ที่ไป เอฟเวอร์ตัน ก็ยิ่งทำให้ตัวเลือกในเกมรุกลดลงไปอีก
หากไม่มีใครบาดเจ็บก็ดีไป แต่ถ้านัดกันเดี้ยงเมื่อไหร่ก็อาจส่งผลให้ ยูไนเต็ด หมดลุ้นท็อปโฟร์ก่อนใครเพื่อนก็เป็นได้
เสียเงินซื้อแข้งใหม่ทดแทน
ด้วยรูปคดีดังกล่าวเชื่อว่าคงไม่เสร็จภายในเร็วๆนี้แน่นอน และมันกระทบต่อการทำทีมของ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้า ไม่ว่า รังนิค จะทำหน้าที่กุนซือต่อไป หรือแต่งตั้งคนใหม่เข้ามาก็ตาม
แม้เหลือ เจสซี่ ลินการ์ด แต่เชื่อว่าเจ้าตัวคงไม่ต่อสัญญาใหม่ และย้ายจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบไร้ค่าตัวในซัมเมอร์นี้แน่นอน ส่งผลให้ทีมต้องควักเงินในกระเป๋าเสริมตัวรุกเข้ามาเพิ่มอีก
ครั้นจะดันลูกหม้อขึ้นมาก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าดาวรุ่งเหล่านั้นจะโชว์ฟอร์มได้กระฉูดแตกแบบที่ กรีนวู้ด เคยทำ ทั้งนักเตะชุดสำรอง หรือพวกเขาที่ถูกดันมาเล่นชุดใหญ่แล้วอย่าง โชล่า ชอเรทิเร่, ฮันนิบาล เมจบรี้ หรือ แอนโธนี่ อีลังก้า ที่เพิ่งกดประตูให้ทีมในเดือนที่ผ่านมาก็ตาม
ซึ่งอยากได้นักเตะดาวรุ่งฝีเท้าระดับเดียวกับ ‘ไอ้ไม้เขียว’ จากทีมอื่นๆ ทีมเงินหนาอย่าง ยูไนเต็ด หากไม่ได้ปฏิเสธขายให้ ก็ต้องโดนโก่งราคาค่าตัวให้ขึ้นไปแตะระดับ 60-70 ล้านปอนด์เป็นอย่างน้อยแน่นอน และก็ไม่ได้การันตีว่าแข้งคนนั้นจะปรับตัวกับทีมได้เช่นกันในกรณีที่ทุ่มเงินเพื่อคว้ามาได้จริงๆ
เสียดายพรสวรรค์
ในสายตาใครต่อใคร กรีนวู้ด คือเด็กหนุ่มที่น่ารัก มีความสดใสอินโนเซนส์ ผู้ที่เติบโตมากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ พร้อมไต่เต้าสร้างชื่อในระดับเยาวชน ก่อนขึ้นมาเล่นชุดใหญ่เป็นครั้งแรกด้วยวัยเพียง 17 ปี ในปี 2019 และได้โอกาศลงเล่นสม่ำเสมอ นับตั้งแต่นั้น ไม่ว่าจะในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา หรือ ราล์ฟ รังนิค ในปัจจุบัน
ไม่นานมานี้ CIES Football Observatory หน่วยงานวิเคราะห์สถิติที่ได้รับความน่าเชื่อถือ เปิดเผยมูลค่าของนักเตะตัวท็อปใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปในปัจจุบัน ซึ่ง ดาวเตะลูกหม้อ ‘ปีศาจแดง’ ถูกประเมินไว้ที่ 133.9 ล้านปอนด์ สูงเป็นอันดับ 4 จึงไม่ต้องสงสัยในสถานะวันเดอร์คิดของเขาเลยสักนิด
แม้ดูมั่นใจหรือติดเลี้ยง บ้ายิงมากเกินไปในบ้างครั้งยามลงสนาม รวมไปถึงคดีเก่าที่ถูกส่งกลับบ้านเกิด หลังเรียกสาวขึ้นมาบนโรงแรมที่ไอซ์แลนด์ร่วมกับ ฟิล โฟเด้น ในช่วงติดทีมชาติอังกฤษครั้งแรกในปี 2020 แต่ด้วยวัยแค่นี้ก็ยังมีเวลาในการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง อีกทั้งพื้นฐานทางครอบครัวก็อยู่ในขั้นดีเช่นเดียวกัน มีพ่อแม่คอยสนับสนุน น่าจะทำให้เขากลับมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกที่ควรได้อีกครั้ง
แต่ดูเหมือนว่า กรีนวู้ด จะไม่เข้าใจคุณค่าของโอกาสที่ได้รับเลย กับวีรกรรมล่าสุดของเขาในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้สื่อต่างขุดคุ้ยเรื่องแย่ของ หอกเลือดผู้ดี ในเวลาต่อมา ทั้งปัญหาไม่ลงรอยกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พี่ใหญ่ของทีม, มารายงานตัวซ้อมสายหลายต่อหลายครั้ง รวมไปถึงปาร์ตี้เสียงดังบ่อยๆจนสร้างความไม่พอใจให้กับเพื่อนบ้านใกล้เคียง
ต้องติดตามกันต่อไปว่า แมนฯยูไนเต็ดจะตัดสินอย่างไรในเรื่องนี้ ซึ่งหาก ดาวเตะชาวอังกฤษ เป็นคนผิดจริง ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกสโมสรยกเลิกสัญญา และอาจเป็นการปิดฉากอนาคตในวงการฟุตบอลเขาทันที
ดั่งเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับ อดัม จอห์นสัน อดีตปีกทีมชาติอังกฤษ รวมถึง แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ แบ็คซ้ายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ก็ถูกคดีข่มขืนจนไม่ได้ลงเล่นมารวม 1 ปีเต็ม
ช่วง 10 ปีก่อน ‘ปีศาจแดง’ เคยต้องเสีย ราเวล มอร์ริสัน ดาวรุ่งมากพรสวรรค์เบอร์หนึ่ง เนื่องจากพฤติกรรมที่ย่ำแย่และไม่ยอมแก้ไจตัวเองจนส่งผลต่ออาชีพค้าแข้งของเขาในเวลาต่อมา
และนี่อาจจะเป็นอีกครั้งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเสียนักเตะมากพรสวรรค์ไปอีกรายจากคดีฉาวของ กรีนวู้ด ในแบบที่ไม่มีฝ่ายไหนได้ประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว