ในที่สุดมหกาพย์ย้ายทีมของ ดูซาน วลาโฮวิช ก็สิ้นสุดลง หลังลา ฟิออเรนติน่า ซบ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 70 ล้านยูโร พร้อมโบนัสอีก 10 ล้านยูโร พร้อมเซ็นสัญญาด้วยกันถึงเดือนมิถุนายนปี 2026
หัวหอกชาวเซิร์บ ทำผลงานได้อย่างสุดยอด โดยกระทุ้งไป 20 ประตู จากการลงเล่นให้ ‘ม่วงมหากาฬ’ รวมทุกรายการ 24 นัด จนตกเป็นข่าวกับ อาร์เซน่อล อย่างหนักตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม แต่ท้ายที่สุด วลาโฮวิช ก็เลือกย้ายไปเล่นในตูรินแทน
ดีลของ วลาโฮวิช ถือเป็นอีกครั้งที่เหล่า สาวก ‘วิโอล่า’ ต้องปวดใจ เมื่อทีมรักเลือกปล่อยนักเตะคนสำคัญให้กับทีมคู่แข่ง โดยเฉพาะกับ ‘เบี่ยงโคเนรี่’ ซึ่งเป็นทีมคู่ปรับที่ชอบคว้าผู้เล่นตัวหลักของพวกเขาไปเสริมแกร่งบ่อยๆในรอบหลายปีที่ผ่านมา
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 7 ดาวดังของ ฟิออเรนติน่า ก่อนหน้า วลาโฮวิช ที่โดน ยูเวนตุส คว้าไปร่วมทีม
โรแบร์โต้ บาจโจ้
ด้วยลีลาโดดเด่นเกินใครกับ วิเซนซ่า ทำให้ ฟิออเรนติน่า คว้า โรแบร์โต้ บาจโจ้ ช่วงที่ดาวรุ่งมาร่วมทีมก่อนใครในปี 1985 แม้ช่วง 2 ปีแรกในเมืองฟลอเรนซ์จะไม่ค่อยได้ลงเล่น เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ช่วง 3 ปีต่อมา หอกชาวอิตาเลี่ยน ก็กลายเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งของทีม โดนเฉพาะฤดูกาล 1988-89 และ 1989-90 ที่ซัดไป 24 ประตู (41 นัด) และ 19 ประตู (46 นัด) ตามลำดับ
นั่นทำให้ ยูเวนตุส ยอมทุ่มเงินเป็นสถิติโลก ณ ตอนนั้น กว่า 8 ล้านยูโร เพื่อคว้า ‘เทพบุตรเปียทองคำ’ มาร่วมทีม และแม้เป็นทีมคู่แค้นตลอดกาล แต่ ‘วิโอล่า’ ก็ปฏิเสธเงินก้อนโตนั้นไม่ได้จริงๆ
แม้ถูกแฟนบอล ‘ม้าลาย’ ต่อต้านในช่วงแรก เนื่องจาก บาจโจ้ บอกว่าถูกบังคับให้ย้ายทีม แต่สุดท้าย หอกทีมชาติอิตาลี ก็พิสูจนตัวเองจนเอาชนะสาวก ‘เบียงโคเนี่’ ได้ พร้อมกลายเป็นสโมสรที่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุด ด้วยการคว้าแชมป์ เซเรียอา, โคปปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า คัพ อย่างละสมัย ตลอด 5 ปีในตูริน
จอร์โจ้ คิเอลลินี่
การที่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ อยู่ ยูเวนตุส มานานกว่า 17 ปี ทำให้หลายคนอาจลืมไปกว่าเขาก็เคยเล่นให้ทีมอื่นในอิตาลีมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ลิวอร์โน่, โรม่า รวมไปถึง ฟิออเรนติน่า ด้วย
แต่กรณีของ แนวรับทีมชาติอิตาลี อาจแปลกประหลาดและซับซ้อนกว่าคนอื่นในลิสต์นี้พอสมควร เนื่องจากตอนนั้นในอิตาลียังมีระบบ ‘เจ้าของร่วม’ ที่ ยูเว่ และ ฟิออฯ จะมีส่วนในตัวนักเตะคนละครึ่ง หากอยากได้ไปเป็นสิทธิ์ขาดถาวร ต้องควักเงินจ่ายให้อีกสโมสรในจำนวนที่ตกลงกันไว้
และด้วยผลงานที่โดดเด่นกับ ‘ม่วงมหากาฬ’ ในฤดูกาล 2004-05 ทำให้ ม้าลายตัดสินใจยอมจ่ายให้ ‘ม่วงมหากาฬ’ 4.3 ล้านยูโร เพื่อซื้อสิทธิ์ คิเอลลินี่ มาครอบครองแต่ผู้เดียวในปี 2005 ก่อนที่เขาจะกลายเป็นตำนานของ ‘เบี่ยงโคเนรี่’ ในเวลาต่อมา
วาเลอรี่ โบจินอฟ
หลายคนอาจจดจำชื่อของ วาเลอรี่ โบจินอฟ ในฐานะแข้งจอมเพจรอีกคนของวงการที่ตระเวนค้าแข้งไปทั่วยุโรป แต่ในช่วงต้นของอาชีพค้าแข้งกับ เลชเช่ เขาถือเป็นดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองพอสมควรเลย
นั่นทำให้ ฟิออเรนติน่า คว้าหอกชาวบัลแกเรี่ยนไปร่วมทีมในปี 2005 แต่ผลงานกลับไม่ปังอย่างที่แฟนๆ ‘วิโอล่า’ หวัง เมื่อยิงเพียง 11 ประตูจากการลงเล่น 41 นัดในช่วง 2 ฤดูกาล แต่ถึงอย่างนั้น ยูเวนตุส คู่อริของทีมที่ถูกปรับลงไปเล่นในเซเรีย บี ปี 2006 ก็คว้า โบจินอฟ ไปเล่นด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี
แม้ฟอร์มดูดีขึ้น ด้วยการยิงไป 7ประตูจาก 21 นัด พร้อมมีส่วนพา ‘ม้าลาย’ กลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุด แต่ทีมจากตูริน ก็ส่ง โบจินอฟ คืนกลับต้นสังกัดเดิม ก่อนที่ ฟิออฯ จะขายเขาให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2007 ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเป็นแข้งจอมพเพจรหลังจากนั้น
ฟาบริซิโอ้ มิคโคลี่
ฟาบริซิโอ้ มิคโคลี่ ก็เป็นอีกคนในลิสต์ที่แตกต่างผู้เล่นส่วนใหญ่ เนื่องจากเขาเคยย้ายมาเล่นให้ ยูเวนตุส ก่อนในช่วงปี 2002 หลังสร้างชื่อกับ เตร์นาน่า จนถูกสื่ออิตาลียกให้เป็น เดล ปิเอโร่ คนต่อไป ทว่าสุดท้ายก็ไม่สามารถเบียดคนอื่นเป็นตัวหลักได้จนถูกขายให้ ฟิออเรนติน่า ที่เพิ่งเลื่อนชั้นกลับมา เซเรียอา ในปี 2004
ณ เมืองฟลอเรนซ์ นั่นเองทำให้ดาวยิงชาวอิตาเลี่ยน กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ช่วยให้ทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ จนทำให้ ‘เบี่ยงโคเนรี่’ ดึงกลับไปร่วมทีมอีกครั้งด้วยราคา 2.39 ล้านยูโร ในปี 2005 ปีเดียวกับที่คว้า คิเอลลินี่ เพื่อถือครองสิทธิ์ในตัวแต่เพียงผู้เดียว
อย่างไรก็ตาม มิคโคลี่ ก็ไม่มีโอกาสกับทีม ‘ม้าลาย’ เช่นเดิม อาจหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ ตรงที่ไม่ได้ลงเล่นแม้แต่เกมเดียว พร้อมถูกปล่อยให้ เบนฟิก้า ยืมตัวทันทีเป็นเวลา 2 ปี ก่อนขายขาดให้ ปาแลร์โม่ ในปี 2007
ฟิลิเป้ เมโล
ถึงย้ายมาค้าแข้งในอิตาลีเป็นครั้งแรกในปี 2008 หลังย้ายจาก อัลเมเรีย มาซบ ฟิออเรนติน่า แต่ ฟิลิเป้ เมโล่ ก็ปรับตัวกับทีมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมมีส่วนให้ทีมเมืองฟลอเรนซ์คว้าอันดับ 4 ในเซเรียอา ฤดูกาล 2008-09 คว้าตั๋วไปเล่น แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นหน้า
นั่นทำให้ ยูเวนตุส ใช้สูตรเดิมดูด กองกลางชาวบราซิลเลี่ยน จาก ‘วิโอล่า’ มาเสริมแกร่งให้พวกเขาในปี 2009 ทว่าช่วงนั้นเป็นตอนที่ ม้าลาย ยังอยู่ในเปลี่ยนแปลงสร้างทีมใหม่หลังเพิ่งเลื่อนชั้นกลับมา ส่งผลให้ ฟอร์มการเล่นของ เมโล ห่างไกลคำว่ายอดเยี่ยมอยู่หลายช่วงตัว จนถูกโหวดให้คว้า Bidone d’Oro หรือรางวัลถึงขยะทองในปีนั้น ก่อนถูกขายให้ กาลาตาซาราย ในปี 2011
เฟเดริโก้ แบร์นาเดสคี่
รักมากก็แค้นมาก คงเป็นคำพูดที่ตรงกับสถานการณ์ของแฟนบอล ฟิออเรนติน่า ที่มีต่อ เฟเดริโก้ แบร์นาเดสนี่อย่างแน่นอน ซึ่งเขาถือเป็นหนึ่งในนักเตะลูกหม้อที่สโมสรปลุกปั้นจนก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในชุดใหญ่อย่างเต็มตัว
ทว่าหลังเล่นให้ ‘ม่วงมหากาฬ’ ได้เพียง 4 ปี ปีกชาวอิตาเลี่ยน ก็ตัดสินใจย้ายไปทีมที่เขาจะช่วยให้เขาประสบความสำเร็จได้มากกว่า นั่นก็คือ ยูเวนตุส ทีมคู่แค้นด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโรในปี 2017 พร้อมมีส่วนพาทีมคว้าแชมป์เซเรียอาได้ในฤดูกาล 2017-18 โดยหนึ่งในไฮไลท์ของฤดูกาลนั้นคือการยิงฟรีคิกกลับเสียงโห่ของแฟน ฟิออฯ ในเกมที่ 2 ทีมพบกันด้วย
แม้ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์เซเรียอา เพิ่มอีก 2 สมัย และแชมป์โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย แต่ฟอร์มของ แบร์นาเดสคี่ ก็ไม่สม่ำเสมอเท่าไหร่นัก พร้อมมีอาการบาดเจ็บจนทำให้หลุดจากทีมในบางช่วงของปีด้วย
เฟเดริโก้ เคียซ่า
แม้ต้องเสีย แบร์นาเดสคี่ ไปในปี 2017 แต่ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นทีมก็สร้างดาวรุ่งอนาคตไกลขึ้นมาไว้แทนที่แล้ว นั่นก็คือ เฟเดริโก้ เคียซ่า ลูกชายแท้ๆของ เอ็นริโก้ เคียซ่า ตำนานดาวยิงของ เซเรียอา ยุค 90
อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มที่โดดเด่น มีหรือที่ ยูเวนตุส จะไม่ชายตามอง ก่อนที่ทีมจากตูรินจะสร้างความปวดใจให้แฟนๆ ‘วิโอล่า’ อีกครั้งด้วยคว้า เคียซ่า คนลูกไปร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว 2 ปี พร้อมเงื่อนไขบังคับซื้อขาดอีก 40 ล้านยูโร บวกโบนัส 10 ล้านยูโร
โดยในช่วงเวลาที่ค้าแข้งกับ ‘ม้าลาย’ กราฟชีวิตค้าแข้งของ เคียซ่า ก็สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นแชมป์แรกกับสโมสรอย่าง โคปปา อิตาเลีย ในปี 2021 รวมไปถึงแชมป์ยูโร 2020 กับทีมชาติอิตาลีด้วย และเตรียมผนึกกำลังกับ วลาโฮวิช เพื่อลุ้นแชมป์ให้ได้ในฤดูกาลนี้