แฟนบอลลิเวอร์พูลช่วงนี้คงเนื้อเต้นไม่น้อย หลังเห็นทีมรักคว้าปาดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้า โคดี้ กัคโป ปีกดาวเด่นจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น มาร่วมทีมเรียบร้อย โดยจะย้ายอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมกราคมนี้
ด้วยค่าตัวเพียง 37 ล้านปอนด์ บวกกับแอดออนราวๆ 13 ล้านปอนด์ รวมเป็น 50 ล้านปอนด์ ถือว่าเป็นตัวเลขที่ถูกมากๆ เมื่อเทียบกับฟอร์มของกองหน้ากึ่งปีกทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ทั้งในระดับสโมสรหรือทีมชาติที่ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
การย้ายมาครั้งนี้ทำให้ กัคโป จะกลายเป็นแข้งดัตช์คนใหม่ล่าสุดในถิ่นแอนฟิลด์ และถือเป็นนักเตะจากแดนกังหันลมคนที่ 11 ที่ย้ายมาเล่นให้ ‘หงส์แดง’ ในยุคพรีเมียร์ลีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 10 แข้งชาวดัตช์ก่อนหน้ากัคโปของ ลิเวอร์พูล ในยุคพรีเมียร์ลีก รวมถึงผลงานของพวกเขาว่าเป็นอย่างไรในถิ่นแอนฟิลด์
เอริค ไมเยอร์ (1999-2000)
หากนับยุคพรีเมียร์ลีก เอริค ไมเยอร์ คือแข้งชาวดัตช์คนแรกที่ย้ายมาเล่นให้ ลิเวอร์พูล โดยเข้ามาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ช่วงซัมเมอร์ปี 1999 ช่วงที่ เชราร์ อุลลิเย่ร์ คุมทัพ หลังทำผลงานโดดเด่นกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
อย่างไรก็ตาม หอกร่างยักษ์แดนกังหัน ไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างที่หลายคนคาดหวังใน หงส์แดง หลังยิงได้เพียง 2 ประตู จาก 27 นัดในทุกรายการ ซึ่ง 2 ประตูนั่นมาจากเกมดวลกับ ฮัลล์ ซิตี้ ในลีกคัพ ก่อนถูกปล่อยให้ เปรสตัน ยืมตัวในช่วงครึ่งหลังซีซั่น 1999-2000 และขายขาดให้ ฮัมบูร์ก ในซัมเมอร์ต่อมา
แซนเดอร์ เวสเตอร์เวลด์ (1999-2001)
แซนเดอร์ เวสเตอร์เวลด์ ก็เป็นนักเตะใหม่อีกคนของ ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์ปี 1999 โดยย้ายมาพร้อมกับ เอริค ไมเยอร์ เพื่อนร่วมชาติด้วย หลังอดีตนายด่าน วิเทสส์ ถูกวางเป็นทายาทหน้าปากประตูแทนที่ เดวิด เจมส์
นายทวารชาวดัตช์ กลายเป็นมือหนึ่งในของทีมในทันที พร้อมมีส่วนร่วมกับความสำเร็จชุดทริปเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยในฤดูกาล 2000-01 ด้วย ทว่าความผิดพลาดช่วงต้นฤดูกาล 2001-02 ในเกมพบ โบลตัน ทำให้ อุลลิเย่ร์ หมดความเชื่อใจและปล่อย เวสเตอร์เวลด์ ออกจากทีมในซัมเมอร์นั้นทันที โดยถูกขายให้ เรอัล โซเซียดาด หลังจากนั้นไม่นาน
แยน ครอมแคมป์ (2006)
ช่วงที่ ราฟาเอล เบนิตเซ คุมทัพ ลิเวอร์พูล เขามักประสบปัญหาในตำแหน่งแบ็คขวามาตลอด แม้มี สตีฟ ฟินแนน ที่ทำผลงานได้ดี แต่ก็ขาดความดุดัน ทำให้ต้องเลือกหานักเตะเข้ามาใหม่ นั่นก็คือ แยน ครอมแคมป์ แบ็คขวาดาวรุ่งจาก บียาร์เรอัล แต่นั่นกลับกลายเป็นดีลที่ล้มเหลวอีกรายของ เอล ราฟา ยามคุมถิ่นแอนฟิลด์
แบ็คเลือดดัตช์ กลายเป็นจุดอ่อนในแผงหลัง เขาช้าเกินไปในการเล่นในพรีเมียร์ลีก และ ไม่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงมาจาก ฟินแนนได้เลย และเป็นตัวสำรองอดทนในทีมจนพัฒนาการของเขาหยุดลงไม่สามารถเป็นตัวหลักในทีมกังหันลมได้เลย ก่อนถูกขายให้ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในช่วงซัมเมอร์ปี 2006 หลังย้ายมาอังกฤษได้แค่ครึ่งปี
เบาเดอไวน์ เซนเด้น (2005-2007)
ถึงเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ แค่ 2 ฤดูกาล แต่ เบาเดอไวน์ เซนเด้น ก็มีช่วงเวลาที่ดีพอสมควรยามสวมเสื้อ ลิเวอร์พูล เช่นกัน แม้คว้าแค่แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2005 และคอมมูนิตี้ ชิลด์ ในปี 2006 ก็ตาม
ด้วยประสบการณ์ที่เคยเล่นให้กับทีมดังทั้ง บาร์เซโลน่า หรือ เชลซี ทำให้ โบโล่ เป็นนักเตะที่ เบนิเตซ ให้ความไว้ใจบ่อยๆ และถูกจับไปเล่นกองกลางบ่อยๆด้วย หลัง ดิทมาร์ ฮามันน์ ลาทีมในปี 2006 ก่อนที่ปีกชาวดัตช์ จะย้ายไป โอลิมปิก มาร์กเซย ในปี 2007
เดิร์ค เค้าท์ (2006-2012)
การมาของ เซนเด่น ทำให้ เบนิเตซ ดูชื่นชอบนักเตะชาวดัตช์ไม่น้อย เพราะในปี 2006 เขาก็ดึง เดิร์ค เค้าท์ ที่กำลังสร้างชื่อกับ เฟเยนูร์ด มาร่วมทีม และกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของ เดอะ ค็อป ทันที ในฐานะกองหน้าจอมขยันที่พร้อมขึ้นลงช่วยทีมไม่มีหมด
แม้ไม่กองหน้าที่ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ แต่ เค้าท์ ก็ยิงในเกมใหญ่ไม่น้อย ทั้งตอนพบกับ เชลซี, อาร์เซน่อล, แมนฯยูไนเต็ด หรืออริร่วมเมืองอย่าง เอฟเวอร์ตัน
ตลอดเวลา 6 ปีในแอนฟิลด์ หอกชาวดัตช์ คว้าแค่แชมป์เดียว นั่นก็คือ ลีกคัพ ในปี 2012 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่เขาเล่นให้กับทีม ก่อนย้ายไปเล่นกับ เฟเนร์บาห์เช่ ทีมดังจากลีกตุรกีในช่วงซัมเมอร์ปีเดียวกัน
ไรอัน บาเบล (2007-2011)
ช่วงหนึ่ง ไรอัน บาเบล เคยถูกยกให้เป็นหนึ่งในดาวรุ่งเบอร์ต้นๆของยุโรป หลังกำลังฉายแสงกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม จนหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปให้ความสนใจ ก่อนกลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่คว้าตัวไปร่วมทีมในปี 2007
ปีกเลือดกังหัน เริ่มต้นปีแรกได้ดีในลีกผู้ดี หลังกดไป 10 ประตูจาก 49 นัดในทุกรายการ แต่หลังจากนั้นผลงานของเขาก็ค่อยๆตกลง เนื่องจากความไม่สม่ำเสมอ หรือทัศนคติที่ย่ำแย่ ก่อนที่ถูกขายออกไปให้กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในปี 2011 ช่วงที่เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามาคุมทีม
แต่คงไม่มีใครลืมช็อตเด็ดที่เขาตัดต่อรูปฮาเวิร์ด เว็บ ใส่เสื้อ แมนฯยูไนเต็ด โพสต์ลงโซเชียล มีเดีย ในเกมที่ทีมพ่าย 1-0 ในศึกเอฟเอ คัพ ปี 2011 จนถูกเอฟเอ ปรับเงินเป็นจำนวน 10,000 ปอนด์แน่นอน และเหล่าแฟนหงส์ทั้งหลายคงหวังว่า กัคโป จะไม่ตามรอย บาเบล เช่นกัน
จอร์จินิโอ้ ไวจ์นัลดุม (2016-2021)
ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมกับ นิวคาสเซิ่ล แม้ทีมตกชั้นในฤดูกาล 2015-16 ทำให้ ลิเวอร์พูล ตัดสินใจดึง จอร์จินิโอ้ ไวจ์นัลดุม มาร่วมทีม ด้วยค่าตัวราว 25 ล้านปอนด์รวมแอดออน ก่อนที่เขาจะกลายเป็นตัวหลักของทีมมาตลอดในยุคที่ เจอร์เก้น คล็อปป์
จินี่ มีส่วนกับความสำเร็จในยุคนั้น ทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2019, แชมป์สโมสรโลก ในปี 2019 แชมป์พรีเมียร์ลีกปี 2020 และด้วยลีลาการเล่นที่ทุ่มเทเพื่อทีมเกินร้อย พร้อมทักษะที่ไม่เป็นรองใครยามพาบอลขึ้นหน้า ทำให้เขากลายเป็นนักเตะอีกคนที่ เดอะ ค็อป ส่งเสียงเชียร์เสมอ
อย่างไรก็ตาม กองกลางดัตช์แมน เลือกลา แอนฟิลด์ ในซัมเมอร์ปี 2021 หลังปฏิเสธสัญญาใหม่ เพื่อย้ายไป ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบไร่ค่าตัว แต่ทว่าหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยโชว์ฟอร์มเก่งเหมือนสมัยเล่นในอังกฤษได้อีกเลย โดยปัจจุบันถูกปล่อยให้ โรม่า ยืมไปใช้งาน
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (2018-ปัจจุบัน)
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของ ลิเวอร์พูล ในยุคที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทัพ หลังย้ายจาก เซาแธมป์ตัน ในฐานะกองหลังค่าตัวแพงสุดเป็นสถิติโลก ณ เวลานั้น ด้วยจำนวน 75 ล้านปอนด์ ในช่วงเดือนมกราคมปี 2018
เกมรับของ ‘หงส์แดง’ ดีขึ้นทันทีนับตั้งแต่มี ปราการหลังชาวดัตช์ ยืนประจำการ ก่อนพาทีมคว้าแชมป์มาครองทุกรายการหลังจากนั้น ทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ,แชมป์สโมสร, พรีเมียร์ลีก, ลีก คัพ และ เอฟเอ คัพ
แม้ช่วงปีหลังๆอาจมีหลุดๆบ้าง แต่ ณ ตอนนี้ เดอะ ค็อป ก็อุ่นใจกับเกมรับเสมอยามเห็น ฟาน ไดจ์ค มีรายชื่ออยู่ใน 11 ตัวจริงของการแข่งขัน และหลังจากนี้ก็กำลังจะได้ร่วมเล่นกับ กัคโป รุ่นน้องร่วมชาติใน แอนฟิลด์ เร็วๆนี้
คี-จาน่า โฮเวอร์ (2019-2020)
คี-จาน่า โฮเวอร์ เป็นอีกหนึ่งแข้งชาวดัตช์ของ ลิเวอร์พูล ยุคพรีเมียร์ลีก โดยขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ในฐานะดาวรุ่งจากทีมเยาวชน เมื่อปี 2019 ทว่าได้รับโอกาสแค่ในเกมบอลถ้วยเท่านั้น
หลังลงเล่นทั้งหมด 4 เกม บวกกับ 1 ประตูในเกมลีกคัพ แบ็คขวาแดนกังหันลม ก็ย้ายไปเล่นกับ วูล์ฟแฮมป์ตันในปี 2020 ซึ่งก็ยังก้าวขึ้นไปเป็นตัวหลักของทีม ‘หมาป่า’ ไม่ได้ และถูกปล่อยให้ พีเอสวี ยืมไปใช้งานในฤดูกาลล่าสุด
เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก (2019-ปัจจุบัน)
แม้เพิ่งขึ้นมาเล่นชุดใหญ่กับ พีอีซี ซโวลล์ ได้ปีเดียว แต่ด้วยแววที่ฉายออกมาทำให้ ลิเวอร์พูล เดินเกมเร็วคว้า เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก มาร่วมทีมในปี 2019 โดยถูกวางไว้เป็นอนาคตของทีม
แต่การที่ทีมมีทั้ง ฟาน ไดจ์ค รวมไปถึงแนวรับคนอื่นๆ ทั้ง โจแอล มาติป หรือ โจ โกเมซ ทำให้ ฟาน เดน เบิร์ก ได้ลงเล่นแค่เกมบอลถ้วยเท่านั้น ก่อนถูกปล่อยให้ เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ยืมไปใช้งาน 2 ฤดูกาล ในปี 2020 รวมไปถึงฤดูกาลล่าสุดที่ถูกปล่อยให้ ชาลเก้ ยืมไปใช้งาน 1 ปี