ย้อนกลับไปในปี 2002 บราซิล คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 5 ได้อย่างยิ่งใหญ่ ที่อุดมไปด้วยแนวรุกระดับพระกาฬทั้ง โรนัลโด้, โรนัลดินโญ่ หรือ โรนัลโด้
ทว่าเบื้องหลังที่ทำให้ R3 โดดเด่นคือการทำหน้าที่กองกลางตัวรับในชุดนั้น นั่นก็คือ กิลแบร์โต้ ซิลวา ที่เก็บกวาดงานต่างๆในแนวรับ จนช่วยให้แนวรุกทำหน้าที่ของตัวเองได้เต็มที่ไม่ต้องพะวงหลัง
ผ่านไปแล้ว 20 ปี ทัพ ‘เซเลเซา’ ยังต้องรอคอยความหวังกับแชมป์โลกสมัยที่ 6 แต่ในศึกเวิลด์ คัพ ที่ กาตาร์ ในปีนี้ อาจมีความหวังอีกครั้ง และ กาเซมิโร่ กองกลางตัวรับคนสำคัญก็กำลังทำหน้าที่เดียวกับที่ ซิลวา เคยทำเมื่อ 20 ปีก่อน
นอกเหนือจากการเล่นเกมรับ และควบคุมจังหวะเกมแล้ว กองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังทำประตูชัยให้ แซมบ้า คว้าชัยเหนือ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0 จนการันตีคว้าตั๋วลุยรอบน็อคเอ้าท์เรียบร้อย
UFA ARENA จะพาไปวิเคราะห์ถึงเหตุผลว่าทำไม กาเซมิโร่ อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ บราซิล คว้าแชมป์โลกในกาตาร์ได้ผ่านบทความนี้
กองกลางตัวรับในทัพ เซเลเซา
การเล่นเป็นกองกลางตัวรับ หรือตัวโฮลด์บอล ในทีมที่มีเล่นเกมรุกเป็นหลักอย่าง บราซิล จำเป็นต้องเล่นอย่างชาญฉลาดในทุกๆจังหวะ อีกทั้งยังต้องมีความอดทนในเวลาเดียวกัน
ร่างกายที่แข็งแกร่งสามารถปะทะกับคู่แข่งได้ ก็สำคัญเช่นกัน แต่มันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในบทบาทนี้เท่านั้น เพราะจริงๆแล้ว จำเป็นต้องเลือกเวลาที่เหมาะสมในการเข้าปะทะอีกต่างหาก
รวมไปถึงการอ่านเกม และความเข้าใจเกม ต้องมีมากกว่านักเตะส่วนใหญ่ เพราะแดนกลางคือศูนย์กลางทุกอย่างของฟุตบอล ทั้งในเกมรับและรุก
การยืนตำแหน่งก็สำคัญเช่นกัน และน่าจะสำคัญที่สุดด้วย ถ้าคุณเลือกยืนไลน์ที่เหมาะสม จะทำให้สามารถเห็นทุกอย่างในเกม และอันตรายจากคู่แข่งที่กำลังดาหน้าเข้ามา
โดยปกติ ทีมอย่าง บราซิล มักมีผู้เล่นเกมรุกดันขึ้นข้างหน้าหลายคน ทำให้ส่วนใหญ่มีเพียงตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คที่ยืนหลัง กองกลางตัวรับ โดยที่ฟูลแบ็คทั้ง 2 ฝั่งก็เติมขึ้นริมเส้น ซึ่งถ้าหากดูทั้ง 2 เกมที่ กาเซมิโร่ ลงสนามในบอลโลก ก็จะเห็นว่าเขายืนแบบนั้นเลย
จากจุดนั้น เขาคอยควบคุมหลายๆสิ่ง ควบคุมบอลจากอีกฝั่งไปอีกฝั่ง ต่อให้บางครั้งไม่จำเป็นต้องสัมผัสลูกบอลก็ตาม เพราะเขาอยู่ในที่ที่จำเป็นต้องอยู่แล้ว
เข้าใจเกมแม้ไม่ได้ครองบอล
แม้อาจฟังดูง่ายๆ แต่งานยากสุดๆสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ คือการเข้าใจบทบาทของเขาเมื่อไม่มีบอลอยู่กับตัว เพราะบางเวลา นี่เป็นตำแหน่งที่คุณจะไม่ได้บอลมากเท่ากับตำแหน่งอื่น
หลายครั้งที่ เราจะเห็นผู้เล่นบางคนเสียสมาธิเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น พวกเขาต้องการบอล แต่ไม่ได้รับมัน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกหงุดหงิดและเมื่อควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดี ก็อาจเสียตำแหน่ง
นั่นอาจเป็นเพียงเสี้ยววินาที ทว่านั่นก็เพียงพอแล้ว หากคุณออกจากตำแหน่งที่ควรอยู่ พื้นที่ในทีมของคุณก็จะเปิดออก ส่งผลคู่ต่อสู้จะมีโอกาสในการโจมตี
อย่างไรก็ตาม กองกลางเบอร์ 5 ของบราซิล ไม่เคยปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นในเกมเปิดสนามบอลโลกที่พบ เซอร์เบีย และเขาก็ยังทำหน้าที่นี้ได้ไม่มีขาดตกบกพร่อง ในเกมพบ สวิตเซอร์แลนด์ ที่เขาเป็นคนซัดประตูชัยช่วงท้ายด้วยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ในเกมกับ เซอร์เบีย อาจง่ายสำหรับ กองกลางจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการเติมไปเล่นเกมรุก เนื่องจากบราซิล ครองบอลเหนือกว่าชัดเจน แต่จากสถิติบ่งบอกว่าเขาสัมผัสบอลแค่ครั้งเดียวในพื้นที่สุดท้าย ซึ่งเป็นที่ บราซิล นำห่าง 2-0 และเหลือเวลาอีก 12 นาที โดยมีจังหวะที่เขาปั่นโค้งนอกกรอบชนคาน
มากไปกว่านั้น มิดฟิลด์วัย 30 ปี ได้แสดงให้เห็นถึงวินัย,การยืนตำแหน่งได้อย่างดีเยี่ยม และพร้อมเสมอในกรณีที่ทีม แซมบ้า เสียบอลขึ้นมา และเมื่อแย่งบอลกลับมาได้ เขาก็รู้หน้าที่และตำแหน่งของตัวเองดี และไม่จำเป็นต้องพาบอลขึ้นไปเองด้วยซ้ำ
การเล่นแบบนี้ เรียกได้ว่าไม่ต่างจากที่ กิลแบร์โต้ ซิลวา ทำเมื่อ 20 ปีก่อน ที่คอยแย่งบอลกลับคืนมา ในจังหวะที่ผู้เล่นแนวรุกทำเสียการครองบอล ก่อนส่งบอลให้เพื่อนๆได้ลองสร้างสรรค์เกมรุกอีกครั้ง
ลูกหาบที่ชื่อเฟร็ด
อย่างไรก็ตาม กาเซมิโร่ ไม่สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยตัวคนเดียวแน่นอน
อดีตดาวเตะ เรอัล มาดริด ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมรอบแบ่งกลุ่ม โดยเล่นร่วมกับ ลูคัส ปาเกต้า ให้บราซิลในแดนกลาง แต่เมื่อจบเกมเขาก็ได้เล่นร่วมกับคู่หูผู้รู้ใจของเขาทั้งในทีม และเพื่อนร่วมสโมสร แมนฯยูไนเต็ด อย่าง เฟร็ด
การที่ เฟร็ด สามารถเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ยามสวมเสื้อสีเหลือง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเขาสามารถทำได้บ่อยๆ ยามได้เล่นร่วมกับเจ้าของเบอร์ 18 ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยหากนับในระดับสโมสร พวกเขาลงเล่นร่วมกัน 12 นัดแล้วในฤดูกาลนี้ ซึ่งแพ้แค่ 2 เกมเท่านั้น (0-1 โซเซียดาด, 3-6 แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
สาเหตุที่ทำให้การเล่นร่วมกันของทั้งคู่เวิร์คสุดๆ เนื่องจาก กาเซมิโร่ คอยยืนอยู่ในแผงหลัง โดยมี เฟร็ด ที่คล่องแคล่วมากกว่าค่อยช่วยเหลือ ทั้งในเกมรับและเกมรุก
การเล่นลักษณะนี้ไม่ต่างจากที่ เคลแบร์สัน ค่อยช่วยเหลือ ซิลวา ในแดนกลางเมื่อฟุตบอลโลกปี 2002 และส่งให้ บราซิลคว้าแชมป์โลกในตอนนั้น
และหากทัพ เซเลเซา ของตีเต้ สามารถคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 ไปครองได้ มั่นใจได้เลยว่าการเล่นของทั้งคู่จะเป็นส่วนสำคัญที่หลายคนไม่สามารถมองข้ามได้แน่นอน