รางวัลถังขยะทองคำเป็นรางวัลที่มีการมอบให้กับนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังมากที่สุดบนเวทีกัลโช่ เซเรียอา ประจำปี โดยเป็นการโหวตจากแฟนบอล ซึ่งในปี 2021 รางวัลนี้ตกเป็นของ อารอน แรมซี่ย์ กองกลางจากยูเวนตุส ที่ทำผลงาน
วันนี้ UFAARENA จะพาไปย้อนดูบรรดานักเตะที่ได้รับรางวัลถังขยะทองคำในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาว่าผลงานของพวกเขาเป็นอย่างไรถึงได้รับรางวัลนี้จากแฟนบอลไปครอง
ริคาร์โด้ กวาเรสม่า(2009 , 2010)
แนวรุกชาวโปรตุเกสถูกดึงมาสู่เวทีกัลโช่ เซเรียอา กับอินเตอร์ มิลานในปี 2008 โดยถือเป็นนักเตะที่มีทักษะดี และเคยอยู่กับบาร์เซโลน่าแม้ว่าผลงานจะไม่น่าประทับใจนักก็ตาม แต่หลังไปชุบตัวที่ปอร์โต้ ผลงานของเขาก็ดูดีขึ้น จนทางงูใหญ่หอบเงินกว่า 24.6 ล้านยูโรไปสู่ขอตัวเขามาสู่ทีม
การมาที่เนรัซซูรี่ครั้งนี้ช่วงแรกๆเจ้าตัวก็ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่ก็แทบทำผลงานไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ผ่านไป 11 นัดในลีกยิง 1 แอสซิสต์ 1 หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้รับโอกาสต่อเนื่องอีกเลย ก่อนที่ในช่วงตลาดเดือนมกราคมของฤดูกาล 2008/09 กวาเรสม่าจะถูกปล่อยไปให้เชลซี ยืมตัวแต่ผลงานก็ไม่ได้ดีขึ้นมาเลย
หลังจากนั้นในฤดูกาล 2009/10 เขาก็ได้อยู่กับทีมเต็มฤดูกาล แต่ก็ทำผลงานไม่ได้เลยทั้งประตู และแอสซิสต์ จากโอกาสลงสนามทั้งหมด 13 นัดรวมทุกรายการ ด้วยผลงานดังกล่าวส่งให้เขาคว้ารางวัลถังขยะทองคำประจำปี 2009 และ 2010 ติดๆกันเลยทีเดียว
อเดรียโน่(2011)
ดาวยิงผู้ครั้งนึงเคยถูกเรียกว่าจอมจักรพรรดิ จากการเดินทางสร้างความยิ่งใหญ่มากับ อินเตอร์ มิลาน แต่หลังจากที่เจอมรสุมชีวิตจนท้ายที่สุดก็ทำลายเส้นทางค้าแข้งของเขาไปด้วย นั่นทำให้เขาต้องแยกทางกับงูใหญ่แล้วกลับไปที่บ้านเกิด
อย่างไรก็ตามคนเคยเก่งก็ย่อมต้องถูกจับตามองเหมือนเดิม หลังจากกลับไปอยู่กับ ฟลาเมงโก้ในบ้านเกิด โรม่าก็ตัดสินใจไปดึงตัวเขามาสู่เวทีกัลโช่ เซเรียอาอีกครั้งเพื่อลุยฤดูกาล 2010/11 แบบไร้ค่าตัวซึ่งพวกเขาก็คาดหวังให้อดีตดาวดังรายนี้กลับมาฉายแสงได้อีกครั้ง
แต่แน่นอนว่าเมื่อได้รางวัลถังขยะทองคำนั่นแปลว่าผลงานของเขากับทัพหมาป่ากรุงโรมมันไม่เป็นไปตามที่หวัง จากผลงานยิงได้แค่ประตูเดียวจากการลงสนาม 12 นัดรวมทุกรายการ จริงอยู่ที่สาเหตุหลักๆมันมาจากอาการบาดเจ็บที่ทำให้เขาพลาดการลงสนามไปเกินครึ่งซีซั่น แต่มันก็นับเป็นความล้มเหลวในดีลนี้ สุดท้ายก็ต้องจำใจยกเลิกสัญญา ถูกปล่อยกลับไปสู่บ้านเกิดอีกครั้ง
ดิเอโก้ ฟอร์ลัน(2012)
แม้ว่าหัวหอกชาวอุรุกวัยจะเคยไปล้มเหลวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เจ้าตัวก็สามารถกู้ชื่อเสียงของตัวเองกลับมาได้กับการไปเล่นในสเปนทั้ง บียาร์เรอัล และ แอตเลติโก มาดริด จนทาง อินเตอร์ มิลาน ตัดสินใจไปดึงตัวเขามาสู่ทีมในปี 2011
ผลงานกับเนรัซซูรี่ในช่วงแรกเจ้าตัวสามาถรยิงประตูให้กับทีมได้ทันทีที่ลงสนามเกมแรกในลีก แม้ว่าจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ก็ตาม หลังจากนั้นเขาก็ได้รับโอกาสมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเจออาการบาดเจ็บเล่นงานหลังผ่านไป 6 นัด หลังจากนั้นก็กลับมาลงสนามได้ไม่กี่เกมก็เจ็บไปอีก ทำให้รวมๆแล้วเขาได้ลงสนามไปเพียงแค่ 20 นัดยิง 2 ประตูรวมทุกรายการเท่านั้น
ผลงานดังกล่าวทำให้สุดท้ายแล้วงูใหญ่ประกาศยกเลิกสัญญาไปพร้อมกันกับที่สื่ออิตาลีมอบรางวัล ถังขยะทองคำประจำปี 2012 ส่งท้ายเขาไปค้าแข้งต่อในลีกบราซิลก่อนจะกลายเป็นนักเตะพเนเจรไปในช่วงท้ายของอาชีพ
นิคลาส เบนเนอร์(2013)
นับเป็นดีลที่ทำเอาแฟนบอลม้าลายถึงกับงงว่าดึงมาทำไม กับหัวหอกจอมสากจากอาร์เซน่อล แม้จะเป็นแค่การย้ายมาแบบยืมตัวก็ตาม ด้วยสถิติในฤดูกาลก่อนที่ลงสนามไปทั้งหมด 31 นัดยิงได้แค่ 8 ประตูจากทุกรายการ ทำให้แฟนบอลตั้งคำถามกันอย่างหนัก
การมาอยู่กับเบียงโคเนลลี่ เจ้าตัวถูกวางไว้ให้เป็นดาวยิงตัวอะไหล่ของทีม และแน่นอนว่าผลงานของเขาก็ไม่ผิดจากที่แฟนบอลคาดคิดเอาไว้ ประกอบกับอาการบาดเจ็บที่ตามรบกวนทำให้เขาได้ลงเล่นไปแค่ 11 นัดจากทุกรายการ ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถทำผลงานได้เลยแม้แต่ประตูเดียว
แม้ว่าหลังจบซีซั่น 2012/13 แข้งชาวเดนมาร์กจะถูกบันทึกชื่อไว้ว่าเป็นหนึ่งในขุนพลของม้าลายชุดคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรียอา แต่ก็แทบไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆกับทีมเลย นั่นทำให้รางวัลถังขยะทองคำประจำปี 2013 ไปครอง
อิชาค เบลโฟดิล(2014)
สมัยที่ดาวยิงชาวแอลจีเรียสร้างชื่อมากับ ปาร์ม่า เจ้าตัวถูกยกย่องให้ว่าเป็น นิว เบนเซม่า ทำเอา อินเตอร์ มิลาน อดใจไม่ไหวตัดสินใจไปดึงตัวเขามาสู่ทีมในวัย 22 ปี แต่ด้วยขุมกำลังที่ทีมมีอยู่ในตอนนั้นทั้ง ดิเอโก้ มิลิโต้ที่ยังคงช่วยทีมได้ รวมถึงตัวใหม่ที่เข้ามาพร้อมกันอย่าง เมาโร อิคาร์ดี้ ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม นั่นทำให้โอกาสของเขาไม่ได้มากเท่าที่หวัง
โดยหลังจากผ่านไปครึ่งซีซั่นเจ้าตัวได้โอกาสลงสนามไปทั้งหมด 10 นัด ยิงได้แค่ประตูเดียว ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นการลงสนามแบบตัวสำรองสุดท้ายแล้วทางงูใหญ่ก็ไม่ฝืนใช้และปล่อยไปให้กับ ลิเวอร์โน่ ยืมตัวในช่วงตลาดเดือนมกราคม
สุดท้ายแล้วหลังจากกลับมาจากการยืมตัว เนรัซซูรี่ก็ตัดสินใจปล่อยตัวกลับไปให้กับต้นสังกัดเดิมของนักเตะอย่าง ปาร์ม่า แถมการกลับไปอยู่กับถิ่นเก่าหนนี้มันก็ไม่เวิร์คเหมือนเดิมแล้วลงสนามไป 23 นัดทำได้แค่ประตูเดียว ทำให้รางวัลถังขยะทองคำได้ไปอยู่ในมือเขาแบบไร้ข้อกังขา
ฆวน อิตูร์เบ้(2015)
แนวรุกชาวปารากวัยสร้างชื่อมากับการค้าแข้งในประเทศโปรตุเกสกับเอฟซี ปอร์โต้ ก่อนจะได้เปิดประตูสู่เวทีกัลโช่ เซเรียอากับ เวโรน่าเมื่อปี 2013 ในรูปแบบยืมตัว และสามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจจากการลงสนาม 33 นัด ยิง 8 ประตูในลีก ก่อนที่ทีมจะใช้ออปชั่นบังคับซื้อขาดในฤดูกาลถัดมา
อย่างไรก็ตามไม่ทันที่เวโรน่าจะได้ใช้ โรม่าก็เป็นฝ่ายที่เอาชนะ ยูเวนตุส คว้าตัว อิตูร์เบ้ไปร่วมทีมด้วยค่าตัวราว 24 ล้านยูโร พร้อมกับถูกคาดหวังว่าจะกลายเป็นดาวยิงอนาคตไกลของทีม อย่างไรก็ตามจากการลงสนามที่เจ้าตัวได้รับไปถึง 37 นัด เป็นตัวจริงไป 26 นัด แต่กลับทำไปได้แค่ 4 ประตู กับ 4 แอสซิสต์
แถมในฤดูกาลถัดมา ฟอร์มก็ยิ่งดิ่งลงเหวหนักไปใหญ่จากการลงสนาม 19 นัดทำได้แค่ประตูเดียวจนทีมต้องปล่อยไปให้ บอร์นมัธยืมตัวในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง ด้วยฟอร์มดังกล่าวทำให้แฟนบอลต่างผิดหวังกับฟอร์มของว่าที่แข้งอนาคตไกลรายนี้ และโหวตให้เป็นนักเตะที่น่าผิดหวังที่สุดแห่งปี 2015
หลังจากนั้นอิคูร์เบ้ก็ยังคงได้ชื่อว่าเป็นนักเตะของ โรม่า แต่เจ้าตัวก็ได้รับโอกาสลงเล่นให้ทีมถึงแค่ครึ่งซีซั่น 2016/17 ก่อนที่จะปล่อยให้กับ โตริโน่ และ คลับ ติฮัวนา ยืมตัวพร้อมกับขายขาดไปในซัมเมอร์ปี 2018 กลายเป็นดีลแห่งความน่าผิดหวังของทัพหมาป่าไปในที่สุด
จอฟฟีร์ กองดอกเบีย(2016)
กองกลางตัวรับชาวฝรั่งเศสทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฐานะแกนหลักของโมนาโก ทำให้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 มีหลายทีมให้ความสนใจดึงเขาไปร่วมทัพ ก่อนที่จะเป็น อินเตอร์ มิลาน ที่เข้าวินไปในที่สุดสนนราคาที่ 36 ล้านยูโร
โดยในช่วงแรก กองดอกเบียก็ได้โอกาสลงสนามต่อเนื่อง ด้วยความที่เป็นกองกลางตัวรับเลยไม่ได้มีความคาดหวังในเรื่องของการยิงประตู หรือแอสซิสต์ ผ่านไป 13 เกมในลีกยิงได้ 1 ประตู 1 แอสซิสต์ แต่หลังจากที่มีอาการบาดเจ็บไปเขาก็เริ่มเสียตำแหน่งตัวจริง เนื่องจากทีมหันไปใช้ ฟิลิเป้ เมโล่ , เมเดล หรือ มาร์เซโล่ โบรโซวิช สลับกันมายืนแทนมากกว่า
โอกาสของเขาจำกัดจำเขี่ยมากขึ้นเรื่อยในช่วงครึ่งท้ายของซีซั่น 2015/16 มาจนถึงฤดูกาล 2016/17 สถานการณ์ของเขาก็ยังไม่ดีขึ้น แม้จะเปลี่ยนผู้จัดการทีมจาก โรแบร์โต้ มันชินี่ มาเป็น แฟรงค์ เดอ บัวร์แล้วก็ตามสุดท้ายแล้ว ซัมเมอร์ปี 2017 งูใหญ่ก็ตัดสินใจปล่อยเขาไปให้กับ บาเลนเซีย ยืมตัวพร้อมออปชั่นซื้อขาดในปีต่อมา
กาเบรียล บาร์โบซ่า(2017)
ย้อนไปในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 กาบิโกล เป็นหัวหอกดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดรายนึง ณ เวลานั้นด้วยผลงานการยิงประตูถล่มทลายในลีกบ้านเกิด ก่อนที่ อินเตอร์ มิลาน จะเป็นทีมที่เอาชนะคู่แข่งหลายรายดึงเขาไปร่วมทัพ ด้วยความคาดหวังว่าจะกลายเป็น นิว อาเดรียโน่
แต่การมาที่เวทีกัลโช่ เซเรียอา ของดาวเตะวัย 21 ปี กลับไม่เป็นอย่างที่ฝัน เมื่อเขาได้รับโอกาสลงสนามไปเพียง 10 เกมจากทุกรายการเท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถเบียดกองหน้าตัวหลักของทีมในเวลานั้นอย่าง เมาโร อิคาร์ดี้ได้
รวมถึงจากปากคำของกุนซือของทีมในเวลานั้นอย่าง แฟรงค์ เดอบัวร์ ก็ได้ออกมาเปิดเผยสาเหตุของความล้มเหลวว่า “หลังจากย้ายมาเล่นให้ อินเตอร์ แล้ว กาบิโกล ยังหลงระเริงกับช่วงเวลาดี ๆ ที่ บราซิล อยู่ตลอดเวลา จนทำให้ไม่กระตือรือรน แต่ละเกมลงสนามไปแล้วก็เอาแต่เดินรอบอลจากเพื่อน วิ่งน้อยมากจริงๆ”
หลังอยู่กับทีมได้ปีเดียว งูใหญ่ก็เริ่มปล่อยไปให้กับ เบนฟิก้า , ซานโตส และ ฟลาเมงโก้ ยืมตัว ก่อนที่ ฟลาเมงโก้จะเป็นทีมที่ซื้อขาดไปในปี 2020 ที่ผ่านมานี้เอง โดยรวมแล้วหอกชาวบราซิเลี่ยนได้อยู่กับ เนรัซซูรี่เพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น
นิโคล่า คาลินิช(2018)
หลังจากที่กลุ่มทุนจีนเข้ามาเทคโอเวอร์ เอซี มิลาน เมื่อปี 2017 พวกเขาก็จัดงบให้ทีมได้ถลุงกันอย่างมันมือเกือบ 200 ล้านยูโร และ คาลินิชเองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยเป็นการยืมตัวเข้ามาสู่ทีม และเป็นนักเตะคนสุดท้ายที่ย้ายเข้ามาในตลาดหนนั้น
แน่นอนว่าแฟนบอลต่างตั้งข้อกังขากับนักเตะที่ถูกโปรโมทว่าเป็น Mr.X ที่จะเข้ามาพลิกโฉมทีม และแน่นอนว่าลางสังหรณ์ของเหล่าสาวกก็ถูกต้อง เมื่อเจ้าตัวได้โอกาสลงสนามไปทั้งหมด 41 นัดยิง 6 ประตูเท่านั้น แถมเมื่อจบซีซั่นทีมยังต้องเสียเงิน 22 ล้านยูโรในออปชั่นบังคับซื้อขาดอีกด้วย
โดยหลังจากที่เซ็นขาดมาในซัมเมอร์ 2018 พวกเขาก็เลือกปล่อยต่อไปให้กับ แอตเลติโก มาดริดทันที เพียงแต่ในราคาแค่ 14 ล้านยูโรเท่านั้น นับเป็นการทำธุรกิจที่ขาดทุน แถมไม่ได้ผลงานตามที่คาดหวังไว้เลยแม้แต่น้อย ทำให้เขาได้รับคะแนนโหวตรางวัลถังขยะทองคำไปอย่างท่วมท้นที่ 49 คะแนนทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง พาทริค ชิค ที่ได้รับคะแนนโหวตไปแค่ 19 คะแนนขาดลอยเลยทีเดียว
พาทริค ชิค(2019)
กองหน้าดาวรุ่งที่ทาง ซามพ์โดเรีย ดึงมาสู่ทีมในปี 2016 และสามารถระเบิดฟอร์มเก่งได้ตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายมาบนเวทีกัลโช่ เซเรียอา จากการยิงไป 13 ประตู จากการลงสนาม 35 นัดรวมทุกรายการ นั่นทำให้เขาได้อยู่กับลาซามพ์เพียงแค่ปีเดียวก็โดน โรม่า ยืมตัวไปใช้งานในปีถัดมา
น่าเสียดายที่การย้ายมาอยู่กับ โรม่าปีแรกเจ้าตัวดันเจออาการบาดเจ็บเล่นงานตั้งแต่ต้นฤดูกาลทำให้ฟอร์มของเขาตกลงไปจากการลง 26 นัดซัดแค่ 3 ประตู ผลงานดังกล่าวก็เกือบทำให้เขาได้ถังขยะทองคำมาครองในปี 2018 เพียงแต่มีคนที่แย่กว่าเขาในปีนั้น
อย่างไรก็ตามทัพหมาป่าก็ยังเชื่อในศักยภาพดาวเตะรายนี้ก่อนจะทุ่มเงินกว่า 42 ล้านยูโร ดึงเขามาเข้าทีมถาวรเพื่อลุยฤดูกาล 2018/19 แม้ช่วงต้นจะไม่ค่อยได้รับโอกาส แต่ช่วงกลางๆซีซั่นทีมก็เริ่มมีการโรเทชั่นสลับกับ เอดิน เชโก้ และให้โอกาสเขามากขึ้น แต่จนจบซีซั่นเขาก็ทำได้แค่ 5 ประตูจากการลงสนาม 32 นัดรวมทุกรายการ
โดยหลังจบซีซั่น โรม่าก็เลือกปล่อยให้ ไลป์ซิก ยืมเขาไปใช้งาน ก่อนจะขายขาดไปให้กับ เลเวอร์คูเซ่นในซัมเมอร์ 2020 นี้เอง แต่หัวหอกชาวเช็ค ก็สามารถกู้ฟอร์มของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งในช่วงศึกยูโร 2020 และการได้โลดแล่นกับทัพห้างยาในปัจจุบัน จนกลับมาเป็นที่ต้องการของบรรดาทีมใหญ่อีกครั้ง
คริสเตียน อิริคเซ่น(2020)
จอมทัพโคนมตัดสินใจย้ายจาก สเปอร์ส มาอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ช่วงกลางซีซั่น 2019/20 ซึ่งเจ้าตัวก็แบกความคาดหวังของแฟนบอลมาอย่างเต็มที่ ว่าจะเข้ามาเป็นหัวใจหลักในเกมแดนกลางของทีม รวมถึงความคาดหวังและไว้วางใจจาก ผู้จัดการทีม เขาก็ได้รับไปอย่างเต็มที่ด้วย
แข้งวัย 28 ปีได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเป็นตัวจริงและสำรอง แต่หลังจากผ่านไป 8 นัดเจ้าตัวเพิ่งทำได้แค่ 1 ประตู 2 แอสซิสต์ จนแฟนบอลเริ่มตั้งคำถาม ในขณะที่นายใหญ่อย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ ก็ยังคงปกป้อง และชี้ว่าเขาต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เขากับ ลีกใหม่ ทีมใหม่ และแผนการเล่นแบบใหม่
จนสุดท้ายจบซีซั่นเขาได้ลงสนามไปทั้งหมด 26 นัด ยิง 4 ประตู 3 แอสซิสต์เท่านั้น ด้วยผลงานดังกล่าวทำให้แฟนบอลโหวตให้รางวัลถังขยะทองคำไปให้กับเขา น่าเสียดายที่ดาวเตะชาวเดนมาร์กไม่ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองในฤดูกาลถัดมา เนื่องจากเขามีปัญหาหัวใจจนไม่สามารถโลดแล่นในลีกแดนรองเท้าบู้ทได้อีก