ดาวยิงต้องเบอร์นี้ : 9 สุดยอดหอกหมายเลข 9 ตลอดกาล

เลข 9

เลข 9 ถือเป็นหนึ่งในหมายเลขที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความเชื่อต่างๆมากมายทั่วโลก 

อย่างเช่นในไทย มองว่าเลข 9 เป็นเลขมงคล เป็นฤกษ์งามยามดี เป็นโชค อีกทั้งยังพ้องเสียงกับคำว่า ‘ก้าว’ ที่หมายถึง ก้าวไปข้างหน้า ซึ่งหลายคนก็เชื่อว่าตัวเลขนี้จะช่วยให้ชีวิตพวกเขาก้าวหน้าสมชื่อด้วย

แต่ในบางที่กลับมองว่าเลข 9 ไม่ใช่ตัวเลขที่ดีนัก อย่างเช่นชาวญี่ปุ่น หนำซ้ำยังเชื่อว่า 9 เป็นเลขอัปมงคลอีกต่างหาก เนื่องจากเลข 9 อ่านออกเสียงในภาษาญี่ปุ่นว่า ‘คุ’ ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำว่า ‘ความยากลำบาก’ ทำให้นักเรียน,นักศึกษาจากแดนปลาดิบที่ได้นั่งสอบบนหมายเลขนี้จิตตกไปตามๆกัน

อย่างไรก็ตาม ทาง UFA ARENA ไม่ได้มาพูดถึงเรื่องโชครางความเชื่อบนเลขนี้แต่อย่างใด เพราะในเรื่องกีฬาลูกหนังแล้ว 9 ถือเป็นหมายเลขที่สำคัญมากๆ เพราะนี่คือเบอร์ของกองหน้าจอมสังหารเบอร์หนึ่งประจำทีม และกลายเป็นสัญลักษณ์ยอดดาวยิงมานานกว่าหลายทศวรรษ

และในฐานะที่วันนี้เป็นวันที่ 9 เดือน 9 เราจึงขอพาทุกท่านไปย้อนดู สุดยอดดาวยิงเบอร์ 9 ที่ดีที่สุดตลอดกาลทั้ง 9 คน ในวงการฟุตบอล แต่จะมีใครบ้างนั้น ติดตามกันได้ผ่านบทความนี้เลย

 

มาร์โก ฟาน บาสเท่น

FIFA Under-17 World Cup: Marco Van Basten to grace the final | Goal.com

ลูกยิงใบไม้ร่วงของ มาร์โก ฟาน บาสเท่น ในนัดชิงศึกฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปปี 1988 ระหว่างฮอลแลนด์ กับ สหภาพโซเวียต ยังคงติดตาแฟนบอลรุ่นเก๋าทั่วโลกราวกับเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้

เจ้าของฉายา ‘เพชรฆาตพรายกระซิบ’ เริ่มต้นเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก่อนจะกลายเป็นกองหน้าระดับโลกภายใต้การดูแลของ อาร์ริโก้ ซาคคี่ กุนซือจอมแทคติกใน เอซี มิลาน

หัวหอกดัชต์แมนคว้าแชมป์ลีกได้กับทั้ง 2 ทีม และคว้าแชมป์ยุโรปกับรอสโซเนรี่ได้ถึง 2 สมัย แต่ฟาน บาสเท่นกลับต้องยุติอาชีพค้าแข้งก่อนวัยอันควรเมื่อมีอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น หลังมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่หัวเข่า

  

โรนัลโด้

Brazil legend Ronaldo 'the best player in history', says AC Milan star  Ibrahimovic | Goal.com

โรนัลโด้ฉบับดั้งเดิมที่มีหลายคนเรียกกว่า ‘เอล ฟีโนมีน่อน’ (หรือ เหยินใหญ่, โล้นทองคำ ของแฟนบอลชาวไทย) ถือเป็นกองหน้าที่หลายคนยกย่องว่ายอดเยี่ยมและเก่งกาจที่สุดเท่าที่วงการลูกหนังเคยมีมาเลยทีเดียว

ด้วยความเร็ว, ทักษะการลากเลื้อย และจบสกอร์ที่เฉียบคม เมื่อไหร่ก็ตามที่ R9 ฟิตพร้อมสมบูรณ์ มีนักเตะไม่กี่คนหรอกที่จะหยุดความร้อนแรงของ หัวหอกชาวบราซิลเลี่ยนได้ อย่างเช่นในช่วงฟุตบอลโลกปี 2002 ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนพาทัพเซเลเซาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 มาครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ

และสถิติที่ยิงประตูระดับสโมสรกว่า 291 ประตู จากการลงสนาม 438 นัดในทุกรายการ และอีก 62 ประตูจาก 98 นัดให้ทีมแซมบ้า คำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใครหยุดนักเตะอย่าง โรนัลโด้ ได้นอกจากหัวเข่าของเขาเอง” คงไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงแต่อย่างใด

  

กาเบรียล บาติสตูต้า

Argentina icon Batistuta undergoes ankle surgery after 'begging' doctor to  amputate legs | Goal.com

แฟนบอลอิตาลียุค 90 ไม่มีปฏิเสธความยอดเยี่ยมของ กาเบรียล บาติสตูต้า ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากเขาเป็นกองหน้าชั้นยอดที่สามารถทำประตูในกรอบเขตโทษได้ทุกรูปแบบ

บาติโกลยิงกระจายในเซเรียอาจนรั้งอันดับ 12 ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลในลีก โดยซัดไปมากถึง 184 ประตู จากการลงเล่นให้ทั้ง ฟิออเรนติน่า, โรม่า และ อินเตอร์ มิลาน แถมในทีมชาติอาร์เจนติน่า เขายังเป็นนักเตะที่มีค่าเฉลี่ยในการทำประตูที่ดีที่สุดด้วย หลังซัดให้ทีมฟ้าขาวไป 56 ลูก จาก 78 นัด (เฉลี่ย 0.7 ลูกต่อเกม)

หัวหอกเท้าหนักทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในทีม ‘ม่วงมหากาฬ’ และเป็นขวัญใจของสาวกวิโอล่าในช่วง 9 ปีที่อยู่กับทีม ก่อนจะย้ายไปคว้าแชมป์ลีกกับ ‘หมาป่ากรุงโรม’ แต่สถานะแข้งระดับตำนานในถิ่น อาร์เตมิโอ ฟรังคี่ ก็ยังคงอยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

 

แกร์ด มุลเลอร์

Gerd Muller: Legendary German Bayern Munich footballer dies at 75 | World  News - News Logics

หากถามว่าใครเป็นกองหน้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังเยอรมัน ชื่อแรกๆที่สาวกพันธ์แทุ้ของทีมอินทรีเหล็กพูดถึงต้องเป็น แกร์ด มุลเลอร์ อย่างแน่นอน

ฉายา ‘ไอ้ลูกระเบิด’ ของเขานั้นมาจากความสามารถในการเล่นงานนายทวารคู่แข่งด้วยการถล่มประตูเป็นว่าเล่น สถิติ 398 ประตู จากการลงเล่นให้บาเยิร์น มิวนิค 453 นัด คงบ่งบอกถึงความร้ายกาจยามที่มุลเลอร์อยู่ในกรอบเขตโทษได้เป็นอย่างดี

ส่วนในทีมชาติ สถานะของเขาก็เป็นตำนานไม่จากในทีม ‘เสือใต้’ หลังซัดไปทั้งสิ้น 68 ตุง จาการลงเล่นแค่ 62 นัด ให้ทีม ‘อินทรีเหล็ก’ (สมัยนั้นเป็นเยอรมันตะวันตก) พร้อมทั้งคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์อย่าง แชมป์โลกในปี 1974, แชมป์ยูโรปี 1972 และแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ถึง 3 สมัยอีกด้วย

 

อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

Di Stefano dies aged 88 - Eurosport

อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ถือเป็นหนึ่งในแข้งเรอัล มาดริด ชุดครองอำนาจเป็นเบอร์หนึ่งในลูกหนังแดนกระทิง และเจ้ายุโรปด้วยการคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 5 สมัยซ้อน ตั้งแต่ปี 1955-1960

เพชรฆาตร่างเล็กซัดประตูให้ ‘โลส บลังโกส’ ถึง 216 ประตู ซึ่งนับเฉพาะแค่ลาลีก้าเท่านั้น และยังคว้าแชมป์โคปา อเมริกากับ อาร์เจนติน่าในปี 1947 ด้วย ก่อนที่จะโยกมาเล่นให้กับ ทีมชาติโคลอมเบีย และสเปน ตามลำดับ

น่าเศร้าที่กองหน้าระดับเขาไม่มีโอกาสได้โชว์ฝีเท้าและลีลาการทำประตูในศึกฟุตบอลโลกแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจากเหตุผลหลายประการที่เกิดขึ้นในตอนที่ ดิ สเตฟาโน่ เป็นตัวแทนให้ทั้ง 3 ชาติ

 

อลัน เชียเรอร์

Celebrate Alan Shearer's 50th birthday with his best goals

นับตั้งแต่แขวนสตั๊ดไปในปี 2006 ปัจจุบัน อลัน เชียเรอร์ ก็ยังคงเป็นเจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 260 ลูก 

‘ฮอตช็อต’ เป็นเครื่องจักรถล่มประตูอย่างแท้จริงในช่วงที่เขาค้าแข้งให้กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และบางทีในบ้านเขาอาจจะมีเหรียญรางวัลเกียรติยศและแชมป์มาประดับตู้โชว์มากมาย ถ้าเขาไม่เลือกปฏิเสธข้อเสนอจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อย้ายซบทีมรักในวัยเด็กแทน

แม้ในตอนนี้ ทีมชาติอังกฤษมี แฮร์รี่ เคน เป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งที่สามารถพึ่งพาได้ แต่ยังเร็วไปที่เอาเขาไปเทียบชั้นกับกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของทัพสิงโตคำรามอย่าง เชียเรอร์ ในตอนนี้

 

จอร์จ เวอาห์

Like father, like son: George and Timothy Weah play on same day - AS.com

เชื่อว่าชาวแอฟริกันเกือบ 100 เปอร์เซนต์ ต้องยกให้ จอร์จ เวอาห์ เป็นนักเตะจากทวีปแอฟริกาที่ดีที่สุดตลอดกาล เนื่องจากเขาเป็นนักเตะคนแรกและคนเดียวจากกาฬทวีปที่คว้ารางวัลบัลงลงดอร์ไปครองในปี 1995

ซึ่งช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของดาวเตะไลบีเรีย คงหนีไม่พ้นที่ตอนที่ค้าแข้งให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ เอซี มิลาน ในยุค 90 ด้วยความเร็วที่มีทำให้เวอาห์สามารถลากเลื้อยฉีกแนวรับคู่แข่งจนขาดวิ้นไม่มีชิ้นดี และทักษะการทำประตูก็สมกับ เบอร์ 9 ที่เขาสวมใส่อยู่ ณ ตอนนั้น

ปัจจุบัน เวอาห์ในวัย 54 ปี ได้หันหลังให้กับวงการลูกหนังอย่างเต็มตัว และผันตัวไปในเส้นทางสายการเมืองแทน ซึ่งเขาก็ทำอย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้ตอนค้าแข้ง หลังชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 25 ของไลบีเรีย ตั้งแต่ปี 2018 และดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศบ้านเกิดจนถึงปัจจุบัน

 

ซามูเอล เอโต้

Samuel Eto'o announces retirement from football | Football News | Sky Sports

จากบรรดาแข้งทั้งหมดในลิสต์นี้ ซามูเอล เอโต้น่าจะเป็นกองหน้าเพียงคนเดียวที่มีโอกาสสวมเสื้อเบอร์ 9 น้อยที่สุด แต่ทักษะต่างๆที่เขามี ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว, ความแข็งแกร่ง, ลีลาการทำประตู ต้องบอกว่าครบเครื่องและเหมาะสมกับเบอร์นี้จริงๆ

ดาวยิงทีมชาติแคเมอรูนกลายเป็นนักเตะเบอร์หนึ่งในทวีปบ้านเกิด นับตั้งแต่ที่หมดยุค จอร์จ เวอาห์ แถมดูๆไปแล้ว เอโต้น่าจะประสบความสำเร็จในแง่ถ้วยรางวัลมากกว่าอดีตแข้งทีมชาติไลบีเรียด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นในระดับทีมชาติ,ระดับสโมสรกับ บาร์เซโลน่า หรือ อินเตอร์ มิลาน หรือ เกียรติยศส่วนตัวอีกมากมาย

ปัจจุบัน เอโต้ ตัดสินใจยุติเส้นทางการค้าแข้งเรียบร้อยแล้วในปี 2019 หลังจากอยู่ในวงการลูกหนังอาชีพมานาน 22 ปี 

 

ฟิลิปโป้ อินซากี้

Pippo Inzaghi and the lost art of the goal poacher

ครั้งหนึ่ง เชอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือปีศาจแดงเคยพูดถึง ฟิลิปโป้ อินซากี้ ในแง่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ว่าเป็นนักเตะที่เกิดมาเพื่อล้ำหน้า ทว่าเมื่อไหร่ที่ กองหน้าชาวอิตาเลี่ยนหลุดกับดักนั้นไปดวลเดี่ยวกับนายทวารได้ล่ะก็ แฟนบอลที่ตั้งตาดูอยู่ก็เตรียมเฮดังๆได้เลย

ปิปโป้เป็นนักเตะที่กวาดรางวัลกับสโมสรมาแล้วทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นเซเรียอา, โคปา อิตาเลีย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, แชมป์สโมสรโลก รวมถึงรางวัลที่เป็นดั่งความฝันอันสูงสุดของนักเตะทุกชีวิตอย่าง ฟุตบอลโลก เขาก็ได้โอกาสสัมผัสมันมาแล้วกับทัพ ‘อัซซูรี่’ในปี 2006

แย่หน่อยที่เส้นทางในอาชีพกุนซือไม่เป็นไปอย่างที่เขาคาดหวังซักเท่าไหร่ โดยปัจจุบันกุมบังเหียนให้กับ เบรสซ่า ทีมในเซเรียบี แตกต่างจาก ซิโอเม่ อินซากี้ น้องของเขา ที่ล้มเหลวในอาชีค้าแข้งแต่ดันไปได้สวยในเส้นทางนี้กับลาซิโอ และย้ายไปคุม อินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาลปัจจุบัน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทีมชาติ
ซักครั้งก็ไม่เคย : 9 แข้งดังฝีเท้าดีแต่ไม่มีโอกาสรับใช้ทีมชาติ