หนึ่งในชาติที่มีแฟนบอลจากทั่วโลกมากที่สุดคนหนีไม่พ้น ทีมชาติอังกฤษ เนื่องด้วยความผูกพันกับฟุตบอลลีกในแดนผู้ดี และต่างต้องการเห็นทัพ ‘สิงโตคำราม’ คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม อังกฤษ เคยสัมผัสถ้วยแชมป์โลกแค่หนเดียวเท่านั้นในปี 1966 และแม้เต็มไปด้วยดาวดังล้นทีม แต่พวกเขาก็ไม่สามารถกลับมาถึงจุดนี้ได้เลย พร้อมทำลงานได้ขึ้นๆลงๆสลับกันในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน
ทว่าความหวังในการฟาฟุตบอลกลับบ้านของพวกเขาก็ยังมีอยู่ และมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ทัพ ‘ทรีไลอ้อนส์’ จะคว้าแชมป์โลกมาครองอีกครั้ง UFA ARENA จะพาไปเช็คความพร้อมของพวกเขาผ่านบทความนี้
ประวัติศาสตร์ในบอลโลก
อังกฤษ เล่นฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1950 และนับตั้งแต่นั้นก็กลายเป็นขาประจำของรายการนี้มาตลอด มีเพียง 3 ครั้งเท่านั้นที่พวกเขาไม่ได้ลงเล่นในรอบสุดท้าย นั่นก็คือ 1974, 1978 และ 1994
โดยทัพ ‘สิงโคตำราม’ เข้ามาเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายได้ถึง 15 ครั้ง และเคยผ่านมาแล้วทุกจุดสูงสุดหรือตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นการกลับบ้านตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม, ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ และการก้าวไปถึงแชมป์ ซึ่งเป็นครั้งเดียวที่แฟนบอลแดนผู้ดีไม่มีทางลืม
โดยในปี 1966 ที่ อังกฤษ เป็นเจ้าภาพ พวกเขาได้ดวลกับ เยอรมันตะวันตก ก่อนเอาชนะไปด้วยสกอร์ 4-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งในตอนนั้นมี เซอร์ อัลฟ์ แรมซี่ย์ เป็นผู้จัดการทีม ส่วนยุคหลังจากนั้นไม่ใครไปไม่ถึงดวงดาวสักคน แต่ที่ใกล้เคียงก็คงเป็น ทีมของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ในปี 1990 และ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในปี 2018 ที่คว้าอันดับ 4 มาครอง
เส้นทางสู่กาตาร์
รอบคัดเลือกที่ผ่านมา อังกฤษ โชว์ฟอร์มได้แกร่งสุดๆ เมื่อรักษาสถิติไม่แพ้ใครตลอด 10 เกมที่ลงเล่น โดยเป็นการชนะไปถึง 8 นัด และเสมอเพียงแค่ 2 นัด รวมถึงเกมรุกที่จัดจ้านทำไปถึง 39 ประตู ตกเฉลี่ยนัดละ 3.9 ประตูเลยทีเดียว ส่วนเกมรับก็เสียแค่ 3 ประตูเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของทีมกลับตกลงอย่างน่าใจหายในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ที่ผ่านมา เมื่อลงเล่น 6 นัด ไม่ชนะใครเลย และมีอันต้องตกไปอยู่ในลีกบี ในการเล่นครั้งต่อไป ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่าบอลโลก ที่กาตาร์ พวกเขาจะไปถึงรอบลึกๆหรือไม่
ผู้จัดการทีม : แกเร็ธ เซาธ์เกต
ในช่วงที่เข้ามารับงานกับทีมชาติอังกฤษครั้งแรกในปี 2016 ไม่มีคิดว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต จะทำผลงานได้โดดเด่นเกินคาด โดยเฉพาะใน 2 ทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ที่ผ่านมา ทั้งการเข้าถึงรอบตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2018 รวมถึงเข้าชิงชนะเลิศ ยูโร 2020 (ที่มาเตะปี 2021) เมื่อปีก่อน
แต่ในตอนนี้ กุนซือวัย 52 ปี กำลังเผชิญกับความกดดันมากที่สุดในอาชีพก็เป็นได้ แม้พาทีมคว้าตั๋วไปเล่นบอลโลกที่กาตาร์แบบไร้ปัญหา และฟอร์มการเล่นในปีนี้ กลับย่ำแย่อย่างมาก โดยเฉพาะในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ที่ไม่ชนะใครเลยตลอด 6 นัด ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่าบอลโลก ที่กาตาร์ อาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของกุนซือรายนี้หรือไม่
และหาก เซาธ์เกต ต้องการทำหน้าที่นี้ต่อไป ก็คงต้องเค้นความสามารถและฝีมือคุมทีมออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะได้เช่นกัน
ดาวเด่น : แฮร์รี่ เคน
อังกฤษชุดนี้ อุดมไปด้วยดาวเตะฝีเท้าดีมากมาย แต่หากจะเลือกคนที่เป็นความหวังมากที่สุดก็คงเป็น แฮร์รี่ เคน กองหน้าเบอร์หนึ่ง ผู้สวมปลอกแขนกัปตันทีม
หอกจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อาจถูกค่อนคอดว่าเป็นดาวซัลโวบอลโลกที่ดูไม่มีราศีเท่าไหร่ ในรัสเซีย หลังยิงได้จากลูกโอเพ่นเพลย์เพียง 3 ลูก ที่เหลือมาจากจุดโทษ 3 ลูก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของ เซาธ์เกต ในตอนนี้เช่นกัน โดยเฉพาะจากฟอร์มกับ สเปอร์ส ก็แสดงให้เห็นว่าเขายังเฉียบคมในกรอบเขตโทษเสมอ
นอกจาก เคน แล้ว อังกฤษ ยังมีดาวเตะหลายคนที่น่าจับตาว่าอาจฉายแสงในบอลโลกครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น จู้ด เบลลิ่งแฮม ดาวเตะจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, ฟิล โฟเด้น ตัวรุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ บูคาโย่ ซาก้า ปีกตัวจิ๊ดจากรั้วอาร์เซน่อล
ตารางแข่งขัน
อังกฤษจะลงเล่นบอลโลกเกมแรกดวลกับ อิหร่าน ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ต่อด้วยพบกับ สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 25 พฤศจิกายน และปิดท้ายด้วยการดวลกับทีมบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง เวลส์ ในอีก 4 วันต่อมา
วิเคราะห์โอกาสเข้ารอบ
ฟุตบอลโลกหนนี้ ทีม ‘สิงโตคำราม’ จะต้องมาเจอกับศึกสายเลือดอีกครั้ง เมื่อต้องมาพบกับ เวลส์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ถูกจับมาเจอกันในทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ รอบสุดท้าย หลังเคยอยู่กลุ่มเดียวกันเมื่อยูโร 2016 และครั้งนั้นเป็นอังกฤษที่เอาชนะไปได้
ส่วนเพื่อนร่วมกลุ่มอีก 2 ทีมนั้นก็คือ สหรัฐอเมริกา และ อิหร่าน ตัวแทนจากทวีปเอเชีย แน่นอนว่าพวกเขาคือเต็งแชมป์กลุ่ม แต่จะบอกว่าเป็นงานง่ายก็คงจะพูดไม่ได้เต็มปาก เพราะพวกเขาก็เคยแสดงให้เห็นหลายต่อหลายครั้งว่าพร้อมจะตกม้าตายได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ทีมชาติอังกฤษชุดนี้ ต้องบอกว่ายังคงอยู่ในชุดยุคทอง ที่มีผู้เล่นระดับชั้นนำประดับทีมอยู่มามายหลายคน มีศักยภาพล้นเหลือ และในฐานะทีมอันดับ 4 บอลโลกหนก่อน มาถึงเป็นรองแชมป์ ยูโร 2020 มาถึงบอลโลกครั้งนี้ พวกเขาคงอยากไปให้ไกลถึงขั้นเป็นแชมป์ เช่นกัน
แต่ถ้ายังเล่นแบบที่หลายคนเห็นในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก แค่ไปให้ไกลกว่ารอบแบ่งกลุ่มก็เหนื่อยแล้ว